เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 389
ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ เอายาเม็ดสองสามเม็ด ใส่เข้าไปในปากศิษย์พี่ฉู่สิง จากนั้นกระโดดขึ้นไปบนแท่นวงกลม

“ลู่ฝานคณะหนึ่งเดียว โปรดชี้แนะด้วย”

เห็นลู่ฝานขึ้นมาบนลานประลอง นักเรียนทุกคนเริ่มส่งเสียงเชียร์

นักเรียนที่รู้จักลู่ฝาน ยิ่งตะโกนเสียงดัง

พวกเขาตะโกนกันว่า “กระบี่โหดเหี้ยมฆ่าอนงค์ ลู่ฝาน! ฉันเชียร์นาย”

“ชนะสองรอบติดแล้ว เอารอบที่สามด้วย!”

ลู่ฝานยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ไม่สนใจเสียงโหวกเหวกข้างหู แม้เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่สายตาของเขาบอกทุกคนแล้ว เขาจะสู้แบบหนึ่งต่อสองเหมือนกัน

สายตามองไปยังคณะกระบี่กับคณะบังเหิน

คณะหนึ่งเดียวชนะสองรอบติด ตอนนี้ไม่มีใครกล้าว่าคณะหนึ่งเดียวอวดดี ที่ท้าประลองสองคณะอีกแล้ว

ตอนนี้ถึงตาคณะบังเหินกับคณะกระบี่กังวลแล้ว

ถ้าแพ้สามรอบ พวกเขาต้องขายหน้าแน่นอน

ตอนนี้อาจารย์เสวียนเจินกับอาจารย์เมิ่งอวิ๋น มีสีหน้าไม่เหมือนกัน

อาจารย์เสวียนเจินยิ้มแล้วพูดว่า “เสวียนเฟิง นายกล้ารับการต่อสู้ครั้งนี้ไหม”

เสวียนเฟิงที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “รับ รับอยู่แล้ว ผมอยากสู้เปรียบเทียบกับลู่ฝานนานแล้ว แต่ผมไม่ร่วมมือกับใคร”

เสวียนเจินพยักหน้า “การต่อสู้จัดอันดับคณะ เดิมทีเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาบู๊ของนักเรียน ลำดับเป็นแค่เรื่องรอง สิ่งสำคัญคือนายได้อะไรจากการต่อสู้แต่ละครั้ง ไปสิ ทำตามสิ่งที่นายคิดอยู่ในใจ วิถีบู๊ แต่ไหนแต่ไร มีเพียงเส้นทางของตัวเอง”

เสวียนเฟิงอมยิ้ม แล้วกระโดดออกไป

กอดกระบี่หนึ่งเมตรเอาไว้แน่น มองลู่ฝานด้วยสีหน้ามีรอยยิ้ม

“เสวียนเฟิงกระบี่หนึ่งเมตร ในที่สุดเขาก็ออกมาแล้ว รอบนี้สิถึงจะเป็นเรื่องสนุกอย่างแท้จริง”

เมื่อเสวียนเฟิงปรากฏตัว ทำให้นักเรียนคณะกระบี่ตะโกนออกมาพร้อมกัน

“เฮ้ เฮ้ เฮ้!”

คณะบังเหิน ลั่วหยู่ก็เก็บพัด ลุกขึ้นพูดว่า “อาจารย์เมิ่งอวิ๋น ถ้าผมฆ่าลู่ฝาน จะวุ่นวายหรือเปล่า”

อาจารย์เมิ่งอวิ๋นพูดอย่างราบเรียบว่า “เซ็นเอกสารเป็นตายแล้ว ในการแข่งขัน กระบี่ดาบไม่มีตา ความเป็นหรือความตาย ใครจะทำให้นายวุ่นวายได้ล่ะ ถึงมีคนทำให้วุ่นวาย นายเป็นคนคณะบังเหินของฉันไม่ใช่เหรอ ฉันไม่ใช่อาจารย์คณะบังเหินหรือไง”

ลั่วหยู่ยิ้มแล้วพูดว่า “อาจารย์พูดแรงไปแล้ว ผมแค่ถาม เพราะอยากรู้ว่าจะสู้แบบเต็มที่ได้ไหม ในเมื่ออาจารย์พูดแบบนี้แล้ว งั้นเชิญอาจารย์รับชมการต่อสู้รอบนี้ได้เลย”

พูดพลาง ลั่วหยู่เหาะขึ้นไปบนลานประลอง

ฝ่าเท้าแตะเบาๆ ลงบนแท่นวงกลม ไม่มีเสียงเลยสักนิด

ยอดฝีมือสองคนอยู่ด้วยกัน เป็นศัตรูที่ลู่ฝานคาดเดาเอาไว้นานแล้ว

ลู่ฝานชักกระบี่หนักออกมาช้าๆ แววตาของลู่ฝานดำขลับเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน

“รอบสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย จบรอบนี้ คงสิ้นสุดแล้ว”

ท่านผอ.เริ่มสนุก ลุกขึ้นดูด้วยรอยยิ้ม

อันที่จริงการประลองด้านหน้า เขาดูจนเบื่อแล้ว แค่หักเหฟ้าตะวานของฉู่สิง ทำให้แววตาเขาเป็นประกาย

ตอนนี้ถึงตาลู่ฝานขึ้นประลองแล้ว ท่านผอ.จึงเตรียมตั้งใจดู

เป้าหมายหลักที่เขามาที่นี่ เพราะอยากดูการฝึกฝนของลู่ฝานในช่วงนี้ หลังจากทำความเข้าใจเขตวิถีครั้งก่อน ตอนนี้พละกำลังของลู่ฝานเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ลู่ฝานแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็ทำให้เขารู้สึกไม่เลว นั่นเป็นท่าทางที่ถึงวิถีบู๊ยอดแล้ว

ดังนั้นท่านผอ.จึงกล้าตัดสินว่าการต่อสู้รอบนี้ ลู่ฝานไม่มีทางแพ้

น่าเสียดายที่คนอื่นไม่คิดเช่นนี้

อย่างน้อยอาจารย์เซินถูก็ไม่คิดเช่นนี้ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านผอ. ท่านให้ความสำคัญกับลู่ฝานขนาดนี้เลยเหรอ ฮ่าๆ ผมรู้จักเด็กอย่างเสวียนเฟิงกับลั่วหยู่ ระดับไม่ต่างกับลู่ฝานมาก ลู่ฝานสู้แบบหนึ่งต่อสอง อยากเอาชนะพวกเขา ต้องเอาอะไรพิเศษออกมาหน่อย เหมือนวิชาหักเหฟ้าตะวานเมื่อกี้ ถ้าไม่แบบนี้ ผมคิดว่ายาก”