“ตอนนี้นายยังไม่เข้าใจอีกหรือไง? นายกับยานเอ๋อร์อยู่กันคนละโลก นายไม่คู่ควรกับยานเอ๋อร์!มันคนละระดับชั้นกัน นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลมู่หรงยิ่งใหญ่แค่ไหน!”

เฉินโม่เริ่มมีสายตารำคาญ เสียงก็เย็นชา “ถ้าไม่ได้เห็นแก่หน้าของคุณอาอาน คนที่กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับผม ไม่มีใครรอดกลับออกไปได้”

“ผมขอบอกอีกครั้ง ว่าวันหลังอย่ามายุ่งกับผม ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าผมไม่ไว้หน้ากันก็แล้วกัน”

อานเข่อเยว่ก็โมโห แต่มองดูสายตาของเฉินโม่ ในใจของเธอก็กลัวๆ ขึ้นมา เธอรู้สึกว่าถ้ายังพูดเตือนต่อไปอีก เฉินโม่จะกล้าลงมือเข้าจริงๆ

“นายนี่มันไม่รู้จักเหตุผลจริงๆ !” อานเข่อเยว่หน้าบึ้ง หันหลังโมโหเดินออกไป

เฉินโม่สีหน้านิ่งๆ สายตาเผยความหยิ่งๆ “ชาติที่แล้วเธอเป็นผู้หญิงที่ผมแอบรักมานานมาก เพื่อเธอผมชอบเสียทุกอย่าง แต่เธอไม่สนใจเลย เห็นผมเป็นขยะ ทำร้ายผมเจ็บลึกที่สุด”

“ชาตินี้ เธอก็ยังใช้สายตาของชาติที่แล้วมามองผม อานเข่อเยว่เธอผิดไปแล้วล่ะ ผิดมากด้วย”

“เธอรู้ว่าตระกูลมู่หรงยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ไม่รู้ว่าผมไม่ใช่คนเดิมแล้ว ในสายตาผม ตระกูลมู่หรงสามารถจัดการได้ง่ายๆ แค่พลิกฝ่ามือ ความสามารถของผม มันก็ได้เหนือความคาดหมายของเธอไปแล้ว”

อานเข่อเยว่เดินกลับเข้าไปในกลุ่มเพื่อน หยางเชี่ยนเชี่ยนก็ถามอย่างสงสัยว่า “เธอไปพูดอะไรกับหมอนั่น?”

อานเข่อเยว่จ้องมองไปยังเฉินโม่ สายตาก็ค่อนข้างเย็นชา “ไม่มีอะไรหรอก แค่ไปคุยเล่นไม่กี่คำ”

หยางเชี่ยนเชี่ยนเบ้ปาก “กับหมอนั่น มีอะไรต้องคุย ท่าทางอวดดีแบบนั้น ฉันเห็นแล้วก็โมโห”

กำลังพูดไป ก็มีพนักงานชายหญิงสองคนถูกพนักงานเชิญเข้ามา แต่สองคนนี้สีหน้าไม่ค่อยดี โดยเฉพาะชายหนุ่มคนนั้น ถึงแม้จะทำการปกปิดเป็นอย่างดีแล้ว แต่บนใบหน้าก็ยังสามารถเห็นรอยฝ่ามือได้

พวกวัยรุ่นของมณฑลเจียงหนาน พอเห็นสองคนนี้ ก็พากันจ้องมองตาโต

ผู้ชายหลายคนเดินเข้าไป ทำหน้าตาประจบสอพลอชายหนุ่มคนนั้น “คุณชายเฉิง!คุณกลับมาตอนไหนครับเนี่ย? ไม่เห็นบอกพวกเราเลย พวกเราจะได้ไปต้อนรับเสียหน่อย!”

พวกผู้หญิงก็เข้าไปล้อมเด็กผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนั้นไว้ ส่วนใหญ่จะทำท่าเอาใจ เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้มีฐานะไม่เบา ต่อให้เป็นสถานที่ที่มีลูกเศรษฐีมากมาย ก็ยังเป็นจุดสนใจได้

มีผู้หญิงสวมกระโปรงยาวสีขาวคนหนึ่ง จ้องมองผู้หญิงคนนั้นที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างสงสัย “เฟยเฟย วันนี้แต่งตัวแบบนี้มาเลยหรือไง?”

ผู้หญิงคนนั้นก็มีสีหน้าโมโห “อย่าพูดถึงมันเลย ฉันไปรับพี่ชายฉัน ตอนนั่งรถไฟกลับ คิดไม่ถึงว่าจะเจอไอ้บ้าคนหนึ่ง ทำเสื้อผ้าฉันขาด นี่ฉันก็เพิ่งซื้อมาใส่ใหม่”

เธอไม่กล้าพูดว่าถูกเฉินโม่จับโยนใส่ถังขยะ

“มีคนกล้าหาเองคุณหนูหยู่เหวินด้วยหรือเนี่ย ใครกัน? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง!” ผู้หญิงคนนั้นตกใจพูดออกมา สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

หยู่เหวินฟางเฟยหวนนึกถึงพลังที่น่ากลัวของเฉินโม่ ก็อดขนลุกไม่ได้ “อย่าพูดถึงมันเลย พอนึกถึงไอ้คนนั้นฉันก็โมโห คนบ้าแบบนั้นให้รถชนตายไปเลยยิ่งดี”

ด้านข้าง ก็มีพวกวัยรุ่นเข้าไปมุงหยู่เหวินเฉิง ถามไถ่เรื่องที่หยู่เหวินเฉิงหายไปหลายปีมานี้ คุยกันไปสักพัก ก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “คุณชายเฉิง หลายปีมานี้มัวไปเรียนรู้กับอาจารย์ รู้หรือเปล่าว่าคุณหนูยานเอ๋อร์ถูกนักเรียนชายที่ย้ายมาจากอำเภอเล็กๆ ของเมืองอู่โจวสวมกอดไปแล้ว?”

ได้ยินดังนั้น หยู่เหวินเฉิงก็หน้าบึ้งทันที มองหนุ่มคนนั้นแล้วตะคอกไปว่า “พูดบ้าอะไร ยานเอ๋อร์ใฝ่สูงมาตลอด จะไปสนใจนักเรียนชายที่ย้ายมาจากอำเภอเล็กๆ ได้อย่างไรกัน?”

หนุ่มคนนั้นรู้ว่าหยู่เหวินเฉิงไม่เชื่อ เลยตบไหล่ของหยูเจียหาว พูดว่า “พี่หยู เล่าให้คุณชายเฉิงฟังหน่อยสิ”

หยูเจียหาวก็เคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลหยู่เหวินแห่งเจียงหนาน เป็นตระกูลใหญ่ที่เป็นรองแค่ตระกูลมู่หรงเท่านั้น หยู่เหวินเฉิงเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหยู่เหวิน หยูเจียหาวก็ไม่กล้าที่จะเมินเฉย เลยเล่าไปว่ามู่หรงยานเอ๋อร์เข้าไปให้เฉินโม่กอดได้อย่างไร

พอหยู่เหวินเฉิงได้ยิน ก็มีสีหน้าบึ้งสุดขีด “หน็อยแน่มึง กล้ามาแย่งผู้หญิงของกู ถ้ากูเห็นนะ กูจะทำให้มันตายทั้งเป็น!”

หยู่เหวินเฉิงแอบกำหมัดแน่น ใบหน้าหล่อๆ ก็ร้ายขึ้นมา

หยูเจียหาวก็ยิ้มร้ายๆ ยักคิ้วใส่เฉินโม่ที่นั่งอยู่มุมนั้น พูดว่า “อ้าว ไอ้หมอนั่นก็มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหนูยานเอ๋อร์ด้วย!”