ตอนที่ 334 พ่อแม่ของนายดีมาก
“แล้วพวกเขาถามยังอะไรอีกไหมครับ” ชุยหังรีบเปลี่ยนเรื่อง
ถ้าหากยังคุยเรื่องนี้ต่อก็ไม่มีทางที่จะคุยกันได้
ซ่งไข่เอ่ยบอก “ความจริงพวกเขาไม่ได้ถามอะไรเลย แต่ฉันบอกพวกเขาว่าตาของนายเหมือนจะมีปัญหา แล้วพวกเขาก็บอกฉันตามตรงว่านายเคยผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้นมาแล้ว”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ”
“หลังจากนั้นฉันก็บอกพวกเขาว่านายอาจจะทำงานหนักเกินไปบวกกับเวลาพักฟื้นก่อนหน้านี้ไม่นานพอจึงทำให้ไม่ค่อยสบายตา หลังจากนั้นก็ให้หมอประจำโรงเรียนช่วยดูและแนะนำว่าทางที่ดีที่สุดควรให้นายพักผ่อนก่อน” ซ่งไข่เอ่ยบอกอย่างเรียบเฉย
ถ้าเป็นอาจารย์พูดด้วยตัวเอง พ่อแม่ต้องเชื่ออย่างแน่นอน
ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่ในสายตาของชุยหังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคุณครูมาก
ไม่ว่าคุณครูจะพูดอะไร พวกเขาจะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อชุยหัง
ชุยหังเอ่ยถามอย่างกังวล “แล้วพวกเขามีปฏิกิริยายังไงบ้าง”
ซ่งไข่ยิ้มและเอ่ยบอก “พวกเขาค่อนข้างกังวลนะ ถามฉันว่าควรทำยังไงดี ไม่ห้ามให้นายเข้าเรียนใช่ไหม ฉันก็บอกว่า ปัญหานี้เป็นไปตลอดชีวิต ถ้าหากว่าตอนนั้นสายตาของนายไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะส่งผลต่อการหางานและชีวิตของนาย จึงแนะนำให้นายพักเรียนหนึ่งปีหมายถึงว่ารักษาสถานนะการเรียนไว้ก่อน พักผ่อนสักหนึ่งปี แล้วค่อยกลับไปเรียนต่อ”
“พวกเขาเห็นด้วยเหรอ” ชุยหังถามอย่างคาดหวัง
“พวกเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก ตอนแรกบอกให้นายพักการเรียน พวกเขาก็คิดว่านายไม่สามารถกลับมาเรียนได้อีกแล้ว ฉันก็เลยอธิบายให้ฟังว่านายสามารถกลับบมาเรียนได้อีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ให้นายตัดสินใจเองว่าจะรักษาดวงตาหรือว่าอยากพักการเรียน พวกเขาจะไปรับนาย”
“มารับผมเหรอ ไม่ได้นะ ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน ถ้ามาที่โรงเรียนก็ต้องรู้ว่าผมพักการเรียนไปแล้ว ผมจะทำยังไงล่ะ” ชุยหังเอ่ยถาม
ซ่งไข่เอ่ยตอบ “ดูนายกังวลนะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันบอกไปแล้วว่านายไม่ต้องกลับไปอยู่ทำงานพิเศษแถวนี้ก็ดี จะได้ไปตรวจสุขภาพตาเป็นประจำกับหมอที่โรงเรียนซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย ถ้านายหายดีแล้วก็กลับมาเรียนได้ในหนึ่งปีหลังจากนั้น เพราะการได้อนุญาตให้กลับไปเรียนเป็นความเห็นของหมอที่โรงเรียน”
“แล้วพ่อแม่ของผมก็เชื่อเหรอ” ขุยหังรู้สึกว่าพ่อแม่ของเขาช่างหลอกง่ายเหลือเกิน
ถ้าเป็นคำพูดของเขาต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน
เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเป็นคนชนบทไม่ค่อยมีความรู้ แต่เพราะเป็นห่วงเขาจึงไม่คิดถึงเรื่องเหล่านั้น
“เชื่อแน่นอน นายไม่ต้องกังวล เดี๋ยวสักพักนายก็บอกพ่อแม่ว่านายพักการเรียนแล้ว แต่อย่าไปบอกว่าพักการเรียนมานานแล้วนะ เข้าใจหรือเปล่า”
“เข้าใจแล้ว แบบนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ยังไงว่าเรียนจบช้ากว่าคนอื่นหนึ่งปี” ชุยหังเอ่ยบอก
“เอาล่ะ ภารกิจของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายก็ไปพักผ่อนเถอะ ฉันไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าอายุขนาดนี้แล้วยังต้องมาโกหกกับนายอีก” ซ่งไข่ถอนหายใจ
ชุยหังรีบบอก “คุณไม่ใช่คนโกหก แต่คือคนที่ช่วยชีวิตคนต่างหากล่ะ”
“ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่พ่อแม่ของนายเป็นคนดีมากและเคารพอาจารย์มากจริงๆ เพราะกลัวว่าฉันจะทำไม่ดีกับนายที่มหาวิทยาลัย พวกเขาพูดจาสุภาพมากด้วย” ซ่งไข่เอ่ยบอก
“พวกเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดเพราะว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความรู้ ก็เลยอยากให้ผมได้เข้าเรียน หลังจากนั้นตั้งแต่ผมเป็นเด็กพวกเขาก็ดีกับครูมากๆ แต่ไม่ต้องเอาอกเอาใจขนาดนั้นก็ได้ แค่พูดดีๆ ก็พอแล้ว”
“รักษาไว้ดีๆ พ่อแม่ของนายดีกับนายมาก ใช่สิ แล้วนายวางแผนที่จะบอกพวกเขาเรื่องนายกับหลูจื้อเมื่อไหร่”
ตอนที่ 335 น้ำเสียงไม่ค่อยชอบใจ
คำถามนี้ทำให้ชุยหังรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก
เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะควรจะพูดอย่างไร
แม้ว่าเขาจะตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีวันทอดทิ้งหลูจื้อและจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนไหน แต่จะเขาจะผ่านอุปสรรคของพ่อแม่ไปได้อย่างไร
เรื่องนี้ต้องทำอย่างมีขั้นตอน เขาจึงเริ่มถ่ายทอดความคิดแบบนี้ให้กับครอบครัวของเขาอย่างช้าๆ ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะไม่ยอมรับ
‘ดูเหมือนว่าตัวเองต้องเริ่มวางแผนเรื่องนี้แล้ว’
เขาไม่อยากแบ่งความกดดันนี้ให้กับหลูจื้อ เพราะเรื่องในครอบครัวของเขาก็มากพอแล้ว ถ้าเขาเพิ่มเรื่องของตัวเองไปให้หลูจื้ออีก ก็จะทำให้เขาเหนื่อยมากขึ้น
แม้ว่าบางเรื่องตัวเองจะไม่สามารถช่วยแบ่งเบาเขาได้ แต่ตัวเองสามารถช่วยเขาลดเรื่องที่ไม่จำเป็นได้
“ยังไม่ได้คิดเลย ค่อยๆ ไปดีกว่า อีกอย่างจะพูดไปตรงๆ เลยก็ไม่ได้ ต้องให้พวกเขาเตรียมใจก่อน” ชุยหังเอ่ยตอบ
“นายวางแผนจะสู้ไปอีกนานเลยเหรอ” ซ่งไข่เอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ ถึงผมนจะไม่ได้แต่งงาน แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองเป็นใคร”
“อืม ถ้างั้นนายก็ค่อยๆ คิดแล้วกัน ฉันไปก่อน”
“โอเค ขอบคุณครับครูฝึกซ่ง” ชุยหังรู้ว่าตัวเองทำให้เขาเสียเวลาไปมากแล้ว
“อ่อ ใช่ ถ้านายมีเวลาก็ใส่ใจหลูจื้อบ้างนะ ถ้าเขาพูดอะไรให้นายรู้สึกไม่ดี นายก็ไม่ต้องเก็บไปคิดมาก ช่วงนี้เขา…ยุ่ง” ซ่งไข่พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งชุยหังก็ไม่ค่อยเข้าใจ
เขารู้ว่าหลูจื้อกำลังยุ่ง จึงไม่ได้รู้สึกว่าช่วงนี้เขาติดต่อกับตัวเองน้อยลงหรือทำอะไรให้เขารู้สึกโกรธ
เพราะก่อนหน้านี้ตัวเองเคยทำเรื่องผิดพลาดมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถทำมันได้อีก
ถึงอย่างไรตัวเองต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบตัวของหลูจื้อในตอนนี้ไม่ช้าก็เร็ว เมื่อตัวเองต้องเผชิญหน้ากับมันจริงๆ อาจจะไม่ได้มองหลูจื้อในแง่ดีแบบนี้
เมื่อวางสายลงเขาก็ถอนหายใจยาวๆ และคิดว่าควรต้องรีบวางแผนก่อนว่าจะบอกกับครอบครัวของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
ถ้ารอให้พวกเขารู้ด้วยตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
ในที่สุดหลูจื้อก็โทรกลับมาหาเขา แต่ชุยหังก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“มีอะไรเหรอ เมื่อกี้ฉันกำลังยุ่ง เกิดเรื่องขึ้นเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังรีบตอบอย่างเร็ว “ก่อนหน้านี้ค่อนข้างรีบ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
“อะไรที่บอกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น” หลูจื้อเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ
“ที่บ้านของฉันโทรมาหากระทัน ถามว่าฉันอยู่บริษัทขายตรงหรือเปล่า เพราก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมห้องที่อยู่ไท่อันเพิ่งกลับไปบ้านแล้วบอกว่าฉันก็อยู่ที่นั่นทำให้พ่อแม่กังวลมาก ฉันก็อธิบายกับพวกเขาไปแล้วว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อ”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ ทำยังไง” หลูจื้อรีบเอ่ยถาม
ชุยหังเอ่ยตอบ “พวกเขาบอกว่าต้องให้อาจารย์ของฉันโทรไปหาพวกเขาถึงจะสบายใจ ฉันก็เลยคิดว่าจะให้นายช่วยปลอมเป็นอาจารย์”
“ได้สิ เอาเบอร์ของพ่อแม่นายมา อยากจะให้ฉันพูดอะไรบ้าง” หลูจื้อเอ่ยถามทันที เขารู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก
ชุยหังเอ่ยตอบด้วยความรู้สึกประหม่า “ตอนนี้ไม่ต้องโทรแล้ว โทรเสร็จแล้ว”
“โทรเสร็จแล้ว? ทำไมโทรเสร็จแล้ว” หลูจื้องง
ชุยหังเอ่ยตอบ “ฉันโทรไปหานายตั้งหลายสาย นายก็ไม่รับเลย ฉันรีบมาก ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยโทรหาครูฝึกซ่งบอกว่า…”
“จากนั้นนายก็ให้ผู้บังคับกองร้อยซ่งช่วยปลอมเป็นอาจารย์ใช่ไหม” น้ำเสียงของหลูจื้อต่ำลงทันที