ตอนที่ 336 หึง
แม้ว่าน้ำเสียงของหลูจื้อจะไม่ค่อยชอบใจ แต่ชุยหังก็ฝืนใจเอ่ยตอบ “อือ หลังจากนั้นก็เขาให้เขาช่วยปูทางให้ฉันเกี่ยวกับเรื่องพักการเรียน ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้พวกเขาฟังยังไง”
“แล้วไม่ดีเหรอ เรื่องก็จบไปแล้ว ฉันก็ไม่ต้องโทรไปอีก” หลูจื้อพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชัดเจน
“อือ ไม่ต้องแล้ว วันนี้นายยุ่งหรือเปล่า”
“ไร้สาระ นายถามว่าว่ายุ่งหรือเปล่า ถ้านายไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันมีเรื่องต้องทำเหมือนกัน” หลูจื้อเอ่ยบอก
ชุยหังรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาเหมือนจะมีปัญหาจริงๆ
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถาม “นายเป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีเหรอ”
“อืม” หลูจื้อยอมรับตรงๆ
“มีอะไรเหรอ หรือว่าที่บ้านของนายมีปัญหา” ชุยหังผู้กล้าหาญเอ่ยถาม
หลูจื้อเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยตอบ “บอกไม่ถูก นายไม่ต้องสนใจหรอก”
“นายก็ดูแลตัวเองดีๆ อย่าไปโมโหพวกเขาล่ะ” ชุยหังรีบบอกไป
หลูจื้อเอ่ยบอก “ฉันไม่ได้โมโหพวกเขา ก็แค่อารมณ์เสียไม่ได้เหรอ”
“ได้ นายจะพูดอะไรก็ได้” ชุยหังรู้สึกว่าหลูจื้อเหมือนจะมีปัญหาบางอย่าง
เขาไม่เคยพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน วันนี้เหมือนเขามีเรื่องในใจที่ไม่อยากบอกตัวเอง
“นายไม่ได้โกรธฉันใช่ไหม” ชุยหังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สัญชาตญาณของเขารู้สึกแบบนี้
ไม่คิดว่าหลูจื้อจะยอมรับตามตรง “ใช่ นายรู้แล้วจะถามทำไมอีก”
ชุยหังตกตะลึง เขาโกรธตัวเองจริงๆ เหรอ
‘เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ’
‘เรื่องที่ตัวเองลาออก? หรือเพราะโทรไปหาเขาหลายครั้ง?’
‘ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนที่บ้านและนึกถึงใครไม่ได้ ตัวเองก็คงไม่โทรไปหาเขาหรอก’
‘บางทีการกระทำของตัวเองเมื่อสักครู่อาจทำทำให้เขาถูกตำหนิก็ได้’
“ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันกังวลมากไปหน่อย ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรหานายหรอก”
“แม่นายสิชุยหัง นายแกล้งโง่ใส่ฉันเหรอ” หลูจื้อด่าขึ้นมาทันที
ตอนนั้นชุยหังรู้สึกสับสนว่าคำขอโทษของตัวเองมีอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ทำไมเหรอ” เขาเอ่ยถาม
หลูจื้อเอ่ยตอบ “ตอนนั้นนายติดต่อฉันไม่ได้ นายฝากข้อความถึงฉันว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วรอให้ฉันโทรกลับไปตอนที่เห็นโทรศัพท์ไม่ได้เหรอ”
“ตอนนั้นฉันกังวลมากไป…”
“นายบอกพ่อแม่ไม่ได้เหรอ บอกว่าอาจารย์จะโทรไปหาหลังเลิกงาน นายคิดว่าอาจารย์มหา’ลัยว่างขนาดนั้นเลยเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมหลูจื้อถึงโกรธ
เพราะตัวเองโทรหาเขาหรือเป็นเพราะว่าตัวเองไม่รอให้เขาโทรกลับ
“นายขอให้ผู้บังคับกองร้อยซ่งช่วยนายโทรศัพท์ แล้วทำไมนายถึงติดต่อเขาไป” หลูจื้อเอ่ยถาม
ชุยหังเข้าใจแล้วว่าความจริงแล้วปัญหาอยู่ตรงนี้
ตัวเองไม่ได้รับอนุญาตจากเขาให้ซ่งไข่ช่วยเหลือ หลูจื้อจึงหึงเขา หึงหวงเขา
‘แต่ว่าเขาหึงได้น่าแปลกใจเกินไปหรือเปล่า’
“ไม่ใช่นะ ตอนนั้นฉันกังวลมากแล้วก็หาใครไม่เจอเลย ฉันไปขอให้อาจารย์ให้ช่วยโกหกจริงๆ ก็ไม่ได้หรือเปล่า” ชุยหังเอ่ยบอก
หลูจื้อเอ่ยบอกอย่างเย็นชา “ใช่ นายมีเหตุผลมาก เอาล่ะ โทรเสร็จแล้วใช่ไหม พ่อแม่ของนายก็ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ ถึงพ่อแม่ของนายจะมีปัญหาอีก นายก็คงโทรไปหาผู้บังคับกองร้อยซ่งให้ช่วยนายแก้ปัญหา”
ชุยหังเข้าใจแล้วว่าปัญหานี้เหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด
ไม่ใช่เพราะว่าครั้งหน้าอยากไปรบกวนซ่งไข่ให้ช่วยตัวเองโกหก แต่เนื่องจากนิสัยของพ่อแม่ตัวเองถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องหาวิธีไปตรวจสอบกับคุณครู
‘หลูจื้อไม่จำเป็นต้องหึงเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ’
ตอนนั้นเขานึกถึงสิ่งที่ซ่งไข่พูดกับตัวเองว่า ไม่ว่าหลูจื้อจะพูดอะไร ไม่ต้องไปทะเลาะกับเขา ขอแค่เข้าใจเขาก็พอ
‘มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาอีกแล้วเหรอ’
ตอนที่ 337 เหตุผลที่ทำให้โกรธ
“นายเป็นอะไร ทำไมถึงโกรธ” ชุยหังถามตามตรง
เขาเป็นคนที่ไม่สามารถเก็บคำพูดไว้ในใจได้ หากคิดอย่างไรก็มักจะแสดงออกไปตามตรง ถ้าอีกฝ่ายไม่พอใจในตัวเองก็หวังว่าอีกฝ่ายจะบอกมาตามตรงและไม่ปล่อยให้ความขัดแย้งระหว่างคนสองคนค้างคาอยู่อย่างนั้นเพราะเมื่อเวลาผ่านไปจะคืนดีกันได้ยากขึ้น
ถ้าปัญหาเป็นเพราะตัวเอง เขาจะได้เปิดใจแก้ไข แต่ถ้าปัญหาไม่ใช่เพราะตัวเอง เขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะตะหนักถึงข้อบกพร่องของตัวเองบ้าง
ความรักจำเป็นต้องเชื่อใจกันและพูดคุยกัน ถ้าหากไม่พูดคุยกันจะคบกันต่อไปได้อย่างไร
หลูจื้อดูเหมือนจะไม่อยากอธิบายอะไรมากจึงเอ่ยตอบ “ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่ค่อยชอบที่นายมีเรื่องสำคัญขนาดนั้นแต่กลับไปบอกให้คนอื่นช่วย”
ชุยหังอยากจะโกรธ แต่กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องตลกมากกว่า
หลูจื้อยังมีความเป็นเด็ก เขาจึงหึงไปมากขนาดนี้
ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะเขาไม่เชื่อมั่นใจตัวเอง แต่เขาแค่รู้สึกว่าในฐานะแฟนของตัวเอง เขาควรเป็นคนสำคัญที่ได้ช่วยตัวเองแบ่งเบาภาระและเป็นคนช่วยตัวเองแก้ไขปัญหาเหล่านั้น
ตอนนี้ตัวเองคิดซับซ้อนมากขึ้นแล้ว
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชื่อใจกัน
ตอนนี้เขาคงกำลังสับสน เห็นได้ชัดว่าหลูจื้อรู้สึกขอบคุณที่ซงไข่ช่วยเหลือตัวเองในก่อนหน้านี้และรู้ว่าซ่งไข่เป็นคนอย่างไร ตอนนั้นที่ชุยหังกำลังรออยู่ในเกสต์เฮาส์ หลูจื้อก็พาเขามาด้วย เมื่อเขากลับมาก็บอกแค่แซ่ไซ่และขอให้ซ่งไข่ช่วยหาห้องให้ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่ามีอะไรพิเศษระหว่างเขากับซ่งไข่
เขาแค่เป็นคนขี้หึงจึงไม่สามารถเก็บความระแวงได้
ความระแวงเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้
อารมณ์ของชุยหังกำลังแย่ลงแต่รีบปรับให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าหากหลูจื้อโกรธแบบนี้เพราะไม่เชื่อใจกัน ชุยหังก็คงจะโกรธอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามคนอย่างหลูจื้อนั้นเรียบง่าย แต่หึงหนักมาก ตัวเองจะโกรธเขาลงได้อย่างไร
เขารู้แล้วว่าปัญหานี้เป็นเพราะตัวเขาเอง
“ฉันเข้าใจแล้ว ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกจะปรึกษานายก่อน ถ้านายมาไม่ทันจะฝากข้อความไว้ให้นายอ่าน แบบนี้ดีไหม” ชุยหังเอ่ยถาม
หลูจื้อใช้น้ำเสียงอบอุ่นมากขึ้นเอ่ยตอบ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้นายแก้ไขปัญหา แต่หมายถึงอยากให้นายมีอะไรก็บอกฉันให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ขนาดนี้นายไม่ให้ฉันมีส่วนร่วมเลย แต่คนอื่นกลับมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ นายคิดว่าฉันจะดีใจเหรอ”
ชุยหังมั่นใจแล้วว่าที่เหตุผลที่หลูจื้อหึง เพราะเขาโกรธอย่างที่ตัวเองคิดไว้
‘ไม่คิดเลยว่าคนโตขนาดนี้แล้วยังจะรู้สึกไม่สบายใจเพราะเหตุผลนี้อีก’
ขณะที่ชุยหังคิดแบบนี้ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
หลูจื้อโกรธและพูดคำเหล่านั้นออกมาเขาสามารถเข้าใจ แต่ซ่งไข่เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าหลูจื้อจะพูดอะไรกับตัวเอง เขาไม่สามารถรู้อนาคตและไม่สามารถอ่านใจหลูจื้อได้ว่าจะมีท่าทีแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าซ่งไข่รู้อะไรบางอย่าง
ความบังเอิญนี้ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นในใจของตัวเอง
“หลูจื้อ นายมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า” ชุยหังถามตามตรง
“ฉันจะมีเรื่องอะไรปิดบังนาย นายคิดว่าฉันจะเหมือนนายเหรอ เรื่องมากมายขนาดนั้นก็ไม่เล่าไม่ละเอียดแล้วยังจะโกหกอีก” หลูจื้อเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
แม้ว่าชุยหังรู้ถึงความผิดของตัวเองและรู้เหตุผลที่เขาโกรธแล้ว แต่เขาก็ยังไม่คลายความโกรธลง
“โอเค ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด แล้วเมื่อไหร่นายจะกลับมาเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม
หลูจื้อครุ่นคิดสักพักแล้วเอ่ยตอบ “อาทิตย์นี้ ถึงตอนนั้นฉันมีอะไรจะบอกนายด้วย”