หลังจากที่ตาจินได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่โดยการไล่แก้แค้นผู้คนจากทะเลดวงดาวเนื่องจากฝั่งนู้นเริ่มก่อน ตอนนี้ต่างคนก็ต่างพักศึกชั่วคราว
ขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่พันธมิตรของดินแดนดวงดาวได้เวลาพักผ่อน พวกเขามีความแตกต่างจากผู้เล่นในตาจิน พวกเขามีโอกาสสูงที่จะสูญเสียความเข้มแข็งในการเพาะปลูกหลังจากแพ้การต่อสู้เพราะทักษะของพวกเขายังไม่สมบูรณ์เท่ากับผู้เล่นที่ตาจิน
เวลาเดียวกันที่หลายคนได้รับการฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งจนมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้คอมพิวเตอร์ของเมืองครึ่งนั้นเพิ่มขึ้นจากพันเครื่องเป็นสองพันเครื่องเพียงชั่วข้ามคืน
โชคดีที่ร้านค้ามีการจัดการดีภายใต้การดูแลของระบบและผู้ช่วยที่น่ารักอย่างซูโม
ขณะเดียวกันร้านที่จิวหัวนั้นมีกองกำลังขนาดใหญ่รวมไปถึงเหล่าทหารองครักษ์และกลุ่มโอเซียนที่เตรียมตัวเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งด้วยความกระตือรือร้น พวกเขายุ่งอยู่กับการฝึกเวทย์มนตร์และเทคนิคการต่อสู้
ทั้งเมืองครึ่งและจิวหัวนั้นค่อนข้างอยู่ในความสงบ
…
ความสงสุขในโลกใบนี้ไม่สามารถดำรงด้วยตัวเองตลอด หลายครั้งที่ความสุขมักเกิดขึ้นหลังสงครามหากได้รับชัยชนะ
เรือขนส่งทางจิตวิญญาณร้อยลำและเรือรบอีกยี่สิบลำ ..
หากผู้คนนั้นเห็นกลุ่มเรือจิตวิญญาณขนาดใหญ่ของประเทศหยุนเตียนกำลังเดินทางข้ามพริมแดนพวกเขาจะรู้ทันทีว่าข่าวกรองนั้นผิดเพียนไปมากเพียงใด! ด้วยความสามารถระดับสูงของคนจากหยุนเตียนแน่นอนพวกเขาสามารถซ่อนข้อมูลจากตาจินได้โดยไรข้อสงสัย
บนหัวเรือรบขนาดใหญ่ ผู้นำลัทธิเต๋าในชุดขาวยืนอยู่ข้างหน้าเขาดูราวๆ อายุประมาณห้าสิบ เขามีนามว่ากงหยางจุน “ชายคนนั้นที่ชื่อว่าจีวู ได้ข่าวว่าเขารับรู้เกี่ยวกับข้อมูลการเคลื่อนไหวของเรา”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าตาของเขากลมและหน้าผากกว้างสวมเสื้อคลุมสีดำขาวดัดกันเขาคือกงซูเกา “ในตอนที่จีซวนตงยังมีชีวิตอยู่เขาเคารพพวกเรามาก แต่เจ้าเด็กคนนั้นกล้าหารมากที่ทำให้กลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยร่วมคือกับเขาและต่อต้านพวกเรา!”
“เขาคิดว่าเราจะโจมตีป้อมปราการพระจันทร์ทางทิศตะวันตกโดยมีทหารเพียงแสนนายน่ะหรอ? ตลก!” กงหยางจุนหัวเราะและมองดูเรือขนส่งทางจิตวิญญาณที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังพวกเขาด้วยความเร็ว “การต่อรองของที่นี่จะแตกต่างจากการต่อรองในทางตะวันออกและทางตะวันตกหรือไม่?”
กงซูเกาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เราจะยืดเมืองสิบเมืองของเขาดูสิว่าพวกเขาจะตอบโต้อย่างไร!”
หน้าป้อมประตูทางทิศใต้ของตาจินทหารลาดตะเวนเงยหน้าขึ้นมอง
“นั่นมันคืออะไร?”
จากรูปร่างลางๆ ทันใดนั้นเรือจิตวิญญาณหลายลำก็ปรากฎขึ้นบนน่านฟ้าผู้ฝึกฝนหลายคนลอยตัวลงจากเรือมันเยอะมากจนนับไม่ถ้วนราวกับพายุตั๊กแตนที่ล่วงลงมาจากท้องฟ้า!
มันเยอะมากจนแทบมองไม่เห็นก้อนเมฆ ในช่วงเวลานี้ทหารลาดตะเวนและผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้กับป้อมประตูทางทิศใต้รู้สึกราวกับว่าจุดจบของโลกใกล้มาถึงแล้ว!
“ทหารผู้ฝึกฝน พวกเขาเป็นกองกำลังผู้ปลูกฝัง!”
“พวกเขาเป็นกองกำลังผู้ปลูกฝังจากดินแดนหยุนเตียนระดับสูง พวกเขามาที่นี่ทำไมกัน!?”
“รีบส่งรายงานด่วน!”
“อ่ะ!”
การเผชิญหน้าระหว่างทหารผู้ปกป้องชายแดนกับผู้ฝึกฝนของกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเริ่มขึ้นในไม่ช้าความโกลาหลก็เกิดขึ้นพร้อมด้วยเสียงกรีดร้อง ณ ป้อมประตูทางทิศใต้ของตาจิน
…
ณ ตาจิน
“รายงาน! กองกำลังผู้ปลูกฝังแห่งดินแดนหยุนเตียนระดับสูงได้โจมตีป้อมปราการทางทิศใต้ของเมือง ขณะนี้ทหารของเราทั้งห้าหมื่นนายไม่สามารถรั้งพวกเขาไว้ได้ ขอกำลังเสริมด่วน!”
“รายงานจากป้อมปราการทางใต้ ขณะนี้ทหารสำรองของเราไม่สามารถรั้งไว้ได้แล้ว ถอยทัพกลับไปยังเมืองซ่อนดาบ!”
“รายงานจากเมืองซ่อนดาบ ขณะนี่ที่นี่ถูกโจมตี”
“รายงาน! กองกำลังผู้ปลูกฝังจากดินแดนหยุนเตียนตีเมืองเราอย่างต่อเนื่องตอนนี้พวกเขากำลังตีป้อมหมาป่า!”
“…”
จีวูที่ได้ยินรายงานด่วนเริ่มหัวร้อน “บ้าเอ้ย! จักรพรรดิองค์ก่อนหน้าได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภสพกับดินแดนหยุนเตียนระดับสูง แต่พวกเขากลับไม่สนใจมันและตีเมืองของข้างั้นหรอ?”
แม้ว่าเขาจะได้เตรียมการบางอย่างไว้และเพิ่มความปลอดภัยไว้บางส่วนแล้ว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าหยุนเตียนจะเตรียมการมาดีมากจนกระทั่งโดนโจมตีสามถึงสี่เมืองแล้วในตอนนี้
“ท่านจักรพรรดิ ท่านไม่ได้สั่งการทางเรือจิตวิญญาณหรือ” นายพลคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้ามีความเห็นว่าเราสามารถดึงเรือจิตวิญญาณได้ เราสามารถใช้ทหารสามหมื่นนายเพื่อถ่วงเวลาและป้องกันป้อมหมาป่า”
“ทหารสามหมื่นนายคงไม่พอ!” จีวูพูดพร้อมกัดฟันกรอด “ตามรายงานสงครามของหยุนเตียนได้ส่งกองทัพผู้ฝึกฝนลงมาอย่างน้อยก็สามหมื่นนายแล้ว!”
แม้ว่าตาจินจะมีผู้ฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมมากกว่าสามหมื่นคนแต่ก็คงเทียบไม่ได้กับกองกำลังผู้ปลูกฝังสามหมื่นคนของหยุนเตียน นับตั้งแต่ได้ยินที่รายงานว่าการเพาะปลูกของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ตอนนี้กองทัพของตาจินส่วนมากเป็นผู้ฝึกฝนและนักรบ พวกเขาจะเอาชนะได้อย่างไร!?
ท้ายที่สุดแล้วพลังของผู้ฝึกฝนแข็งแกร่งกว่านักรบเป็นหลายเท่า!
“นั่นเป็นตัวเลือกเดียวที่เรามีนะท่านจักรพรรดิ!” นายพลพูดด้วยเสียงสั่น “พวกเขาตั้งใจที่จะโจมตีกองกำลังหลักของเรา หากพวกเขาสามารถเข้าสู่ศูนย์กลางของดินแดงเราได้แล้วพวกเขาสามารถโจมตีพระราชวังหรือสำนักงานใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรได้อย่างง่ายดาย”
กาเคลื่อนย้ายของกองทัพหยุนเตียนนั้นทรงพลัง ชัดเจนแจ่มแจ้งว่ากองกำลังของตาจินนั้นแทบจะเทียบไม่ได้เลยในตอนนี้
ด้วยเรือขนส่งทางจิตวิญญาณจำนวนมากพร้อมไปด้วยผู้ฝึกฝนและผู้ปลูกฝังนับหมื่นของหยุนเตียน พวกเขาสามารถไล่ล่านักรบและผู้ฝึกฝนของตาจินได้อย่างง่ายดาย ตัวเลือกเดียวในการถ่วงเวลาตอนนี้คือการไล่ล่าพวกเขาด้วยเรือขนส่งทางจิตวิญญาณ แต่ปัญหาคือเรือทางจิตวิญญาณของตาจินนั้นสามารถบรรจุคนได้เพียงหมื่นคนเท่านั้น
“ข้ายินดีที่จะปิดกั้นศัตร๔ด้วยกองทัพนักฆ่าผู้แข็งแกร่งทั้งสามหมื่นนาย!”
“ข้ายินดีที่จะเป็นผู้นับทัพหน้า!” นายพลวัยกลางไว้หนอดเคราคนตะโกน
พวกเขาเป็นนายพลระดับสูงครั้งหนึ่งพวกเขาเคยมีโอกาสหารือเกี่ยวกับคาถาที่แท้จริงที่สามารถควบคุมสายฟ้ากับนายกจาง นายพลผมขาวคือหวังตงส่วนนายพลผู้มีหนวดเคราชื่อว่าหลี่ไคฉาน พวกเขาเป็นผู้มีมากประสบการณ์ของตาจิน
“ทุกคนโปรดมองหาเหล่าผู้คนจากหยุนเตียนระดับสูง” หวังตงชี้นิ้วไปที่ภูเขาสีเขียวที่อยู่ห่างออกไป “มันสวยงามและเต็มไปด้วยทรัพยากร แต่ที่ดินของเราค่อยข้างยากจนและอยู่ในที่ชนบท”
“พวกเขามองว่าตัวเองเป็นผู้ปลูกฝังระดับสูงจากอาณาจักรชั้นสูงพวกเราต้องเคารพพวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาทำให้เรากลายเป็นมดต้อยต่ำที่สามารถจะบดขยี้เมื่อใดก็ได้ .. แต่วันนี้สิบเมืองของพวกเราได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง พี่น้องหลายคนของเราต้องเดือดร้านพวกท่านจะยอมรับความอัปยศอดสูครั้งนี้ได้หรือ!?”
“วันนี้ข้าจะออกไปต่อสู้เพื่อพวกเราแม้จะแลกด้วยความตายก็ตาม ใครจะเอากับข้าบ้าง!”
“เรายินดี” เสียงคำรามดึงกึกก้องปลุกพลังความกล้า ความรักชาติ!
ด้วยการแสดงออกที่น่ากลัวจีวูตัดสินใจ “ด้วยความเต็มใจในการทำสงครามเพื่อแผ่นดิน ชีวิตของเราทุกคนมีความเสี่ยงในฐานะจักรพรรดิข้ามีิอาจยืนนิ่งและเฝ้าดูได้!”
“ทหารองครักษ์ของข้าอยู่ที่ไหน?”
“กองทัพจิวหัวอยู่ที่ไหน!?”
“กองทัพพันธมิตรวู่เว้ยอยู่ที่ไหน?”
“พวกเราอยู่นี่!” ผู้คนกว่าสองพันคนตะโกนและโบกธงไปมาในสายลม
“วันนี้ข้าจะนำยอดทหารสามหื่นนายของกองทัพเกราะเหล็กและเหล่าผู้ฝึกฝนจากพันธมิตรวู่เว้ยพร้อมด้วยกองกำลังทัพร่วมของตาจิน(กองกำลังจากคาเฟ่) เข้าร่วมการต่อสู้ จะสู้แม้ตัวตายก็ยอม!”
“ไม่นะท่านจักรพรรดิ!”
“ท่านต้องอยู่เพื่อประชาชน”
“ได้ยังไง? จะหยุดพวกเขายังไง?” จีวูพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “พวกเขาจะกำจัดทหารของเราทีละคน!”
“อย่างน้อย เราก็สามารถถ่วงเวลาพวกมันด้วยการเจรจาจนกว่ากองกำลังหลักของเราจะมา!”
“กองกำลังของเราจะหยุดเขาได้อย่างไรเพียงแค่นั้น ทุกคนต้องแลกชีวิตไปหรอ ไม่เราจะต้องถ่วงเวลา” จีวูทุบกำปั้นของเขา “ตอนนี้ข้าเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน แม้เราจะมีทหารและนายผลจำนวนมาก แต่ศักยภาพในการปิดกั้นพวกเขาด้วยหารนับหมื่นในตอนนี้ก็คงไม่พอ”
หากปราศจากทหารและกองกำลังสำคัญไป ตาจินก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาปกป้องเมืองหลวง
จีวูไม่ใช่จักรพรรดิที่ไม่ได้อะไรหรือเลือกจะปกป้องสิ่งที่เขามีเท่านั้น ในฐานะจักรพรรดิที่สองแห่งตาจินแม้เขาจะรักที่นี่มาก แต่เขาก็ไม่สามารถละทิ้งบ้านเมืองประชาชนและทหารของเขาได้ แม้ใจลึกเขาเองจะปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเมืองเทียบกับจักรพรรดิองค์เก่าอย่างจีซวนจงก็ตาม
“ข้าตัดสินใจแล้ว!” จีวูพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเสื้อคลุมสีทองของเขากระพือตามสายลมด้วยศรัทธาอันแรงกล้า