บทที่ 128 อดีตต้องชดใช้ Ink Stone_Romance
ตอนนั้นรึ
นายหญิงผู้เฒ่าฟางยิ้มเฝื่อนทีหนึ่ง
“เจ้าพูดถูก” นางเอ่ย “ตอนนั้นจวินเจินเจินผู้โง่เขลาคนนั้นข้าไม่ชอบจริงๆ ไม่สนใจใยดีจริงๆ”
ตระกูลหนิงรู้สึกว่านางขายหน้า ตระกูลฟางใยไม่ใช่
ตระกูลหนิงอยากให้นางตายไปเสียยิ่งนัก ส่วนตระกูลฟางก็คิดจะไล่นางไปไกลๆ มองไม่เห็นใจไม่ว้าวุ่น
ทุกสิ่งนี้ล้วนเพราะนางไม่มีประโยชน์สักนิด ล้วนเพราะรู้สึกว่านางนำมาให้เพียงความอับอาย
“พูดขึ้นมาคนก็น่าอับอายจริงๆ” นายหญิงผู้เฒ่าฟางนั่งลงหัวเราะหยันตนเอง “ข้ายังมีคุณสมบัติอะไรชี้มือชี้ไม้ใส่นางตอนนี้อีก”
ฟางเฉิงอวี่ส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่เช่นนั้น” เขาว่า บนหน้าเผยรอยยิ้ม “ท่านย่า ก็เพราะก่อนหน้านี้ติดค้าง ดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงต้องชดใช้ให้นาง ต้องชี้มือชี้ไม้ในธุระของนาง เป็นแม่ทัพยกพลให้ธุระของนาง”
เช่นนี้รึ?
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองไปทางเขาอย่างไม่เข้าใจ
“แม้เช่นนี้หน้าไม่อายอยู่บ้าง น่าขันอยู่บ้าง แต่หากเช่นนี้ชดใช้สิ่งที่ติดค้างตอนนั้นได้ ต่อให้หน้าไม่อาย ต่อให้น่าขันแล้วจะทำไม” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย หัวเราะอีกครั้ง “แม้อดีตไม่มีวันชดใช้ได้ แต่ทำบางสิ่งอย่างไรก็ดีกว่าไม่ทำ”
ชดใช้หรือ?
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองเขาเศร้าหมองอยู่บ้าง
จวินเจินเจินคนนั้นที่ถูกทั้งหยางเฉิงเยาะหยัน วิ่งไล่ตามคุณชายตระกูลหนิงเยี่ยงคนโง่ ประกาศหัวใจรักของตนเองเยี่ยงคนเขลา นางลืมสิ้นแล้ว
ชดใช้อย่างไร?
“ง่ายดายยิ่งนัก ก็คือเรื่องที่นางเคยทำกับผู้อื่น ผู้อื่นก็ต้องทำกับนาง” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเอ่ย “ก่อนหน้านี้นางวิ่งไล่ตามคนอื่น ตอนนี้คนอื่นวิ่งไล่ตามนาง ในอดีตนางถูกคนมากมายรังเกียจ ตอนนี้ก็ถูกคนมากมายชื่นชอบ”
เช่นนี้รึ? นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้ว เด็กน้อยเกินไปหน่อยกระมัง?
“เด็กน้อย? เด็กน้อยถึงดีที่สุดนี่” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเอ่ย “เด็กน้อยถึงสามารถแสดงความรู้สึกชอบของตนเองและชอบอย่างตรงไปตรงมาที่สุดได้มากที่สุด หัวใจที่เปล่าเปลือย ล้ำค่าที่สุดนะขอรับ”
“ดังนั้นความหมายของเจ้าก็คือ ตระกูลหนิงยิ่งทำเรื่องครึกโครมยิ่งดี ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรือ?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ย มองฟางเฉิงอวี่สีหน้าพิกลอยู่บ้าง
“แน่นอนไม่ได้” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยขึ้นจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นพวกเราใยไม่ใช่ยังคงเหมือนเมื่อก่อนเช่นนั้นไม่สนใจใยดี”
นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้ว
ถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าไปก่อกวน เจ้ายังมาตั้งคำถามข้าอีก?
“ถ้าเช่นนั้นจะเอายังไง? ไม่สนใจใยดีก็ไม่ได้ ออกหน้ายุ่งเกี่ยวก็ไม่ได้?” นางเอ่ย
“ไม่สนใจใยดีกับออกหน้ายุ่งเกี่ยวล้วนได้” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย “เพียงแต่ต้องถามความเห็นของนางก่อน ทุกสิ่งล้วนตามใจนาง”
ตามใจนาง ถามความเห็นของนาง
นายหญิงผู้เฒ่าฟางเลิกคิ้ว
“ตัวอย่างเช่น?” นางเอ่ยขึ้น
“ตัวอย่างเช่นวันนี้นางจะไปพบคุณชายหนิง พวกเราก็ต้องดีอกดีใจครึกครื้นส่งนางไป” ฟางเฉิงอวี่ดวงตาสว่างไสวเอ่ย
นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองเขาหัวเราะแล้ว
“ข้าเข้าใจแล้ว” นางพยักหน้า มองฟางเฉิงอวี่สีหน้าเวทนาอยู่หลายส่วน “ถ้าเช่นนั้นหากนางบอกว่าจะแต่งให้คุณชายหนิงเล่า?”
รอยยิ้มบนหน้าฟางเฉิงอวี่ยังคงเดิม
“ถ้าอย่างนั้นต้องยิ่งดีอกดีใจส่งนางแต่งงานสิ” เขาว่า แล้วท่าทางจริงจังอยู่บ้าง “หลังจากที่ข้าถามนางว่าอยากแต่งจริงๆ”
……………………………………….
ในห้องหนังสือของนายท่านใหญ่หนิงชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งเช่นกัน เขาตะโกนประโยคนั้นที่ว่าข้าจะไปหารือเรื่องแต่งงานกับตระกูลฟาง
บุตรชายตรงหน้าหาได้ยินดีที่ความปรารถนากำลังจะสำเร็จเช่นนั้นไม่ ถึงขั้นตื่นเต้นสักนิดก็ไม่มี
นี่ทำให้นายท่านใหญ่หนิงผู้ฮึกเหิมไม่สบายใจอยู่บ้าง
“ท่านพ่อคิดเช่นนี้ได้ ข้าเบิกบานยิ่งนัก” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย
บนหน้าเขามีรอยยิ้ม แต่นายท่านใหญ่หนิงกลับไม่รู้สึกว่าเบิกบานเท่าไร
“เพียงแต่ก่อนหน้าจะให้ท่านพ่อทำเช่นนี้ ข้าอยากคุยกับนางก่อน ถามความคิดเห็นของนาง” เขาเอ่ยต่อ
อ้อ พูดตรงๆ ก็คือกลัวถูกปฏิเสธ ในใจลำบากใจสินะ
นายท่านใหญ่หนิงยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ
ชายหนุ่มขลาดในรักจริงๆ ถูกปฏิเสธเรื่องเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรล้วนเป็นผู้อื่นเผชิญหน้ากับเขาถึงจะกังวลใจ ไม่คิดว่าเขาถึงกับจะมีความวิตกกังวลเช่นนี้ด้วย
นี่ก็เพราะบังเอิญอายุน้อยล่ะน่ะ อายุน้อยดีจริงๆ หนา หวั่นไหวได้ หวาดกลัวได้ วิตกได้ ครุ่นคิดนอนไม่หลับได้
“ได้ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปอีกสักครั้ง” เขาเอ่ย “เพียงแต่ครั้งนี้ อย่าได้ชักช้าอีกเด็ดขาด”
……………………………………….
ความเดือดดาลโกรธเกรี้ยวและการหารือของคนสองตระกูลซึ่งการพบหน้าที่ลั่วเหมยเซวียนครั้งนี้ชักนำให้เกิดขึ้น คุณหนูจวินล้วนคิดไม่ถึง
นางถึงขั้นไม่รู้สึกว่านี่เป็นการพบหน้าที่ไม่ประสบความสำเร็จครั้งหนึ่ง
ดื่มสุราดอกเหมยครึ่งจอกแล้ว ทานขนมดอกเหมยสองชิ้นแล้ว ยังได้ฟังหนิวอวิ๋นเจาเล่าเรื่องราวในอดีตของลั่วเหมยเซวียน นายหญิงผู้เฒ่าฟางเพราะดื่มสุราเพิ่มจอกหนึ่ง ทะเลาะกับเหล่าสาวใช้ ทำเรื่องตลกออกมา
นี่สำหรับนางแล้วล้วนเป็นเรื่องสำราญใจ ส่วนองครักษ์เสื้อแพรสี่คนที่นั่งอยู่ไม่ไกล กระทั่งลู่อวิ๋นฉีนางยังเมิน พวกเขายังนับเป็นอะไร
นางตอนนี้สีหน้านิ่งสงบอ่านจดหมายของอาจารย์ต่อ
ครึ่งหลังของจดหมาย ไม่รู้ว่าเพราะอารณ์ของอาจารย์ยิ่งย่ำแย่ลงหรือไม่ สิ่งที่เขียนยิ่งหวัดเละเทะขึ้น ยิ่งเหลวไหลไร้สาระมากขึ้น นางต้องพยายามมองให้ออกและขบคิดความหมายของถ้อยคำ แต่เวลาส่วนมากจนถึงท้ายที่สุดก็ค้นพบว่าไม่มีความหมาย
ปีสองปีหลังนั้น อาจารย์เงียบลงมากนักจริงๆ ที่แท้ข้างนอกเงียบงัน ในใจอารมณ์ไม่ดี
นางล้วนไม่สังเกต แล้วก็ไม่ได้สนใจ
อยู่ด้วยกันหกปี ที่แท้พวกเขาเหมือนกับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
นี่คือความผิดของนาง
คุณหนูจวินมองจดหมายตรงหน้า
นางมองไม่เห็นว่าอาจารย์ดีกับนาง ไม่ตระหนักว่าสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางล้ำค่าเพียงไร แล้วก็ไม่ตระหนักว่าอาจารย์ไม่ใช่เทพเซียนผู้ไม่ทานอาหารมนุษย์ไร้วิตกไร้กังวล
ดังนั้นสวรรค์จึงให้นางเกิดใหม่มาชดใช้ความผิดเหล่านี้
เพียงแต่ความผิดกระทำลงไปแล้ว คนก็ไม่อยู่แล้ว ยังจะชดใช้ได้หรือ?
คุณหนูจวินถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง กดที่คั่นหนังสือ พลิกเปิดจดหมาย
อ่านหน้าหนึ่งที่เป็นรายชื่อสมุนไพรสี่ห้าชนิดปะปนกันจบ คุณหนูจวินก็เลิกขบคิด อาจารย์ต้องไม่ได้เขียนสมุนไพรไม่กี่ชนิดนี้มั่วๆ อย่างไร้เจตนาแน่ แต่นางคิดเจตนาของอาจารย์ตอนนั้นไม่ออกจริงๆ
อ่านให้มาก ไม่ต้องเข้าใจนัก ทำตามหลักการที่เขาเคยบอกแล้วกัน
เปิดผ่านหน้านี้ไป คุณหนูจวินก็อึ้งเล็กน้อย
ความจริงแล้วจดหมายของอาจารย์ก็เหมือนชีวิตคน เจ้าไม่มีวันรู้ว่านาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ตื่นตะลึงตื่นเต้นยินดีอึ้งในจดหมายเล่มหนาที่กำลังจะพลิกเปิดหมดนี่ เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
ตั้งแต่ตอนแรกสุดตื่นตะลึงกับแผนที่ ศาสตราวุธ ภาพวาดกระบวนทัพ อ่านไปๆ ต้องหยุดพักนิดหนึ่ง จนถึงตอนนี้คุณหนูจวินคุ้นชินจนเฉยชาแล้ว แต่ครั้งนี้นางยังคงตะลึง
หน้านี้ไม่มีอักษรวุ่นวายแล้ว มีเพียงภาพภาพหนึ่ง
ไม่ใช่แผนที่ ไม่ช่ศาสตราวุธ แล้วก็ไม่ใช่กระบวนทัพ เป็นภาพวาดภาพหนึ่ง
ที่วาดเป็นภูเขาลูกหนึ่ง เขียวชอุ่ม เหมือนไกลเหมือนใกล้ ในหน้าร้อนดูไปแล้วอดไม่ได้รู้สึกสดชื่นอยู่บ้าง
คุณหนูจวินยิ้ม แม้บอกไม่ได้ว่าอาจารย์ที่แท้เป็นใคร แต่อย่างน้อยทักษะการวาดรูปของเขาก็ไม่เลว
ภาพภูเขาลำน้ำไม่เลว ไม่รู้ว่ายังวาดอะไรได้อีก
นางพลิกผ่านหน้านี้ไป ตะลึงอีกครั้ง
เป็นจิตรกรจริงๆ นะ
ตอนนี้สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านางยังคงเป็นภาพวาดภาพหนึ่ง ภาพเหมือนคน ไม่เหมือนภาพเหมือนคนทั้งตัวในภาพกระบวนทัพ นี่เป็นภาพเหมือนส่วนศีรษะภาพหนึ่ง
ภาพวาดเด็กสาวคนหนึ่ง ดวงตาโต ใบหน้ากลม รอยยิ้มหวาน น่ารักประหนึ่งตุ๊กตาเรียกโชคลาภในตลาด
นี่มัน ใครน่ะ?
……………………………………….