หยางเฟิงยกยิ้มแผ่วเบา“เจ้าบ้านจ้าว ทำไมคุณต้องทำขนาดนี้ด้วย ? ผมไม่ได้โกรธจริงๆสักหน่อย คุณทุบตีลูกหลานรุนแรงแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะตีพวกเขาจนตายหรือยังไง หากตายไปแล้ว ไม่มีใครไปเคารพที่หลุมฝังศพแล้วนะ?”
ได้ยินดังนั้น
จ้าวเทียนหลงก็ถึงกับหน้าเหวอ
ภายในใจอดไม่ได้ที่จะก่นด่า
ฉันไม่ทุบตีแบบนี้จะได้เหรอ ?
ถ้าแกบอกแต่แรกว่าไม่ได้โกรธก็จบแล้วไหม ?
ตอนนี้พอทุบตีไปแล้ว ก็ถึงมาบอก นี่มันหมายความว่ายังไง?
จ้าวหานกับจ้าวช่าวหลงที่นอนหมอบอยู่กับพื้นในตอนนี้ก็ถึงกับร้องไม่ออก
นี่คือการทุบตีระบายอารมณ์ที่เปล่าประโยชน์งั้นเหรอ ?
จ้าวเทียนหลงกล่าวอย่างเคียดแค้นชิงชัง“ เจ้าชั่วสองคนนี้ไปล่วงเกินเจ้าพันธมิตรหยาง มีความผิดใหญ่หลวงนัก!”
เมื่อจ้าวหานกับจ้าวเทียนหลงได้ยินคำพูดนี้ อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
คำพูดของนายท่านประโยคนี้หมายความว่ายังไง ?
เพื่อธำรงรักษาซึ่งความเป็นธรรมถึงขั้นสามารถลงโทษได้แม้กระทั่งคนในครอบครัวเลยเชียวเหรอ ?
หยางเฟิงหัวเราะ และโบกมือให้“ก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่หลานชายคุณคนนี้ ชอบคุยโวโอ้อวดเกินไป ผมกับภรรยาทานอาหารอยู่ที่นี่ จู่ๆก็บุกเข้ามา รบกวนเวลาของพวกเรา แล้วยังทำเสื้อผ้าของภรรยาผมเลอะไปด้วย”
ได้ยินดังนั้น
สีหน้าของจ้าวเทียนหลงก็อดไม่ได้ที่จะมืดมน
ในใจมีความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก!
นี่แค่รบกวนเวลากินข้าวของหยางเฟิงกับภรรยา ก็ถึงขั้นทำร้ายลูกหลานตัวเองจนแขนหักขาหักเชียวเหรอ มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว!
แต่ทว่า จ้าวเทียนหลง ทำได้แค่โกรธแต่ไม่กล้าพูดมันออกมา
“หลานชายของผม กล้ามารบกวนเวลาทานข้าวของเจ้าพันธมิตรหยางกับภรรยาสุดที่รักช่างสมควรตายจริงๆ……”
จ้าวเทียนหลง พูดด้วยน้ำหูน้ำตานองหน้า
เมื่อหยางเฟิงเห็น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ตัวเองกำลังกินผลไม้อยู่ แต่จ้าวเทียนหลงคนนี้ก็กลับร้องไห้น้ำตาน้ำมูกไหลย้อย ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ
หยางเฟิงวางแอปเปิลในมือลง พูดเสียงเรียบ“พอแล้ว!ผมไม่ถือสาเอาความ เรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านมันไปแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ เจ้าพันธมิตรหยาง……”
เมื่อเห็นว่าหยางเฟิงไม่ถือสาเอาความ จ้าวเทียนหลงก็รีบโค้งคำนับขอบคุณในทันที
“แต่ว่า……”
ไม่รอให้จ้าวเทียนหลงได้พูดจบ จู่ๆหยางเฟิงก็พูดโพล่งออกมา
ได้ยินดังนั้น
หัวใจของจ้าวเทียนหลงก็หล่นวูบ
เขาเงยหน้าขึ้น หันมองไปยังหยางเฟิง ถามอย่างอกสั่นขวัญแขวนว่า “แต่ว่าอะไรครับ?”
หยางเฟิงยิ้มและกล่าวว่า“เจ้าบ้านจ้าวไม่ต้องกังวลไป แต่ว่าหลานชายของคุณทำเสื้อผ้าของภรรยาผมเลอะ คุณคิดว่าชดใช้ด้วยการซื้อชุดใหม่สักชุดเป็นไง!”
ได้ยินคำนี้
สีหน้าของจ้าวเทียนหลงก็ดูแย่ขึ้นมาทันที
เขารู้ ว่านี่คือโอกาสที่หยางเฟิงจะใช้มันมาเพื่อเรียกร้องข้อเสนออีกมากมาย
จ้าวเทียนหลงยิ้มอย่างประจบสอพลอ“ สมควรครับ เพื่อแสดงคำขอโทษของผม ผมยินดีชดใช้เป็นเงินจำนวนหนึ่งแสน กับภรรยาของคุณครับ”
หยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า“ หนึ่งแสน ? คุณชดใช้ให้พวกขอทานหรือยังไง?”
หืม ?
จ้าวเทียนหลงอึ้งไปในทันที
ชดใช้ค่าเสื้อผ้าด้วยเงินหนึ่งแสนนั้นถือว่าให้กับพวกขอทานงั้นเหรอ ?
นี่ถ้าหากขอทานตัวจริงมาได้ยินเข้า คงเป็นลมล้มพับไปแล้ว
จ้าวเทียนหลงกัดฟันแล้วพูดว่า “หนึ่งล้าน!”
หยางเฟิงรินไวน์แดงมาแก้วหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นหยางเฟิงไม่พูดอะไร สีหน้าของจ้าวเทียนหลงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในที่สุด เขาก็กัดฟัน พูดพร้อมกระทืบเท้าว่า“สิบล้าน!เจ้าพันธมิตรหยาง นี่คงพอให้ภรรยาของคุณซื้อชุดใหม่ได้นะครับ?”
เย่เมิ่งเหยียนที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เสื้อผ้าชุดนี้ของตัวเองราคาแค่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น
แต่จ้าวเทียนหลงคนนี้กลับชดใช้ให้ในราคาสิบล้าน เขาบ้าไปแล้วหรือไง ?
เมื่อเห็นหยางเฟิงยังคงไม่พูดอะไร
จ้าวเทียนหลงก็พูดด้วยสีหน้าที่โศกเศร้าว่า“เจ้าพันธมิตรหยาง ราคาเท่าไร คุณก็พูดตัวเลขมาสิครับ !”
ในตอนนี้ ภายในใจของเขาก็แทบจะคลุ้มคลั่งอยู่แล้ว
เสื้อผ้าราคาสิบล้านก็สูงเสียดฟ้าแล้ว หยางเฟิงก็ยังคงไม่พูดอะไร นี่เขาต้องการอะไรกันแน่ ?
หยางเฟิงหันหน้ามา มองไปยังเย่เมิ่งเหยียนแล้วถามว่า“ที่รัก เสื้อผ้าชุดนี้ของคุณซื้อมาในราคาเท่าไรนะ ?”
เย่เมิ่งเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“เหมือนจะหนึ่ง……”