“ผู้ชายที่เหมาะสมกับฉันงั้นเหรอ? หาคนมาคอยเจ้ากี้เจ้าการชีวิตฉัน? คอยสั่งฉันทำนู่นทำนี่? ฉันไม่ต้องการ ถ้าว่างขนาดนั้นไม่สู้จ่ายเงินจ้างคนใช้ผู้ชายมาฟังคำสั่งฉันดีกว่า”
“พี่ไม่เข้าใจความหมายของฉัน ผู้ชายที่เหมาะสมก็คือทั้งสองคนมีความรู้สึกดีๆต่อกัน ก็เหมือนฉันกับน้องชายพี่ เขายอมฉันเสมอ พี่จะเข้าใจว่าเขาเชื่อฟังคำสั่งของฉันตลอดก็ได้ แต่ทั้งหมดนี้มันอยู่บนพื้นฐานที่ว่าฉันก็ชอบเขาเหมือนกัน พี่ลองคิดดูดีๆ มีผู้ชายคนไหนไหมที่พี่เห็นแล้วไม่ขัดหูขัดตา?”
“ฉันมีเพื่อนผู้ชายเยอะ แต่ก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดา”
“งั้นเอาแบบนี้ เราใช้วิธีตัดทิ้ง พี่ลองจินตนาการดูว่าถ้าวันสิ้นโลกมาถึง พี่มีเรือเล็กๆอยู่ลำเดียว ครอบครัวพี่กับบรรดาเพื่อนผู้ชายของพี่กำลังอยู่ในน้ำ หลังจากที่พี่พาคนในครอบครัวขึ้นเรือได้หมดแล้ว มันเหลืออีกแค่ที่เดียว พี่คิดจะช่วยเพื่อนผู้ชายคนไหนขึ้นมา?”
“ถีบน้องเล็กทิ้งไม่ได้เหรอ? เขาว่ายน้ำเก่งจะตาย ไม่จมง่ายๆหรอก พี่ใหญ่ก็ถีบทิ้งไป อ้วนขนาดนั้นไงก็ลอยได้ พี่รองก็ตามลงไปด้วยแล้วกัน เขาขับเครื่องบิน ต้องใช้เรือด้วยเหรอ?”
“…กราบในความเมตตาที่พี่ยังให้ฉันอยู่บนเรือ” เสี่ยวเชี่ยนถอนหายใจ คุยกับศิลปินนี่ต้องรู้จักพลิกแพลงคำพูด
“พี่พาขึ้นไปได้แค่คนเดียว บอกฉันตามความรู้สึกของพี่”
“ไห่เจา”
อวี๋หมิงซีพูดจบก็เสียใจ โทษตัวเองที่ปากไวไปหน่อย
เสี่ยวเชี่ยนพอใจแล้ว
“เพราะพวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เธออย่าคิดลึกล่ะ อีกอย่าง เหตุการณ์สมมติแบบนี้ใช้อ้างอิงอะไรไม่ได้ จิตแพทย์อย่างพวกเธอชอบวางกับดักหลอกคน!” เสี่ยวซีทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
“เพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กมีตั้งหลายคน ทำไมช่วยเขาล่ะ?”
เสี่ยวเชี่ยนแน่ใจแล้ว ต่อให้อวี๋หมิงซีไม่ได้ชอบไห่เจาแบบในเชิงชู้สาว แต่ก็เป็นมากกว่าเพื่อนทั่วไปแน่ อย่างน้อยๆก็มีความรู้สึกดีๆอยู่บ้าง ก็แสดงว่านายไห่เจายังมีหวัง!
“ฉันก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้จริงจัง” อวี๋หมิงซีรีบปฎิเสธ
“แล้วทำไมพี่ไม่ช่วยซุนเสียล่ะ?”
เสี่ยวเชี่ยนประหนึ่งเอามีดแทงหัวใจอวี๋หมิงซี
นั่นสิ ทำไมเธอไม่พูดว่าซุนเสีย? อวี๋หมิงซีงงตัวเอง
“คำถามนี้ไว้พี่กลับไปคิดดูนะคะ ตอนนี้ฉันไม่อยากยั่วอารมณ์พี่ ฉันจะวิเคราะห์ชีวิตช่วงที่พี่โตมานะคะ พี่โตมาในครอบครัวที่ให้ความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่ ตอนวัยรุ่นพี่แอบรักคนๆหนึ่ง—”
“ฉันไม่เคยแอบรักใคร! เป็นแค่ครูกับลูกศิษย์เท่านั้น! พวกเรายังไม่เคยแม้แต่จะจับมือกัน!”
“พี่เป็นหมอหรือฉันเป็นหมอ? ฉันบอกว่าพี่แอบรักก็แอบรักสิ ถ้าไม่แอบรักเขาแล้วไปเป็นทหารทำไม? แต่ปัญหามันก็อยู่ตรงนี้ พี่รักเขาหรือรักดนตรีของเขา? อวี๋หมิงซี ยอมรับเถอะ พี่เห็นดนตรีเป็นตัวแทนของคนๆหนึ่ง จากนั้นก็ทุ่มเทความรู้สึกลงไปบนนั้น แล้วเรื่องราวต่างๆก็ตามมา ฉันขอถามตรงๆอีกหน่อย การแอบรักครั้งนี้ของพี่จริงหรือปลอม?”
เอ๋ ทำไมคำพูดฟังดูคุ้นๆ? เสี่ยวเชี่ยนนึกออกแล้ว เหมือนเธอก็พูดคล้ายๆกันนี้กับไห่เจา
สองคนนี้ จึ๊ๆ ความคิดคล้ายกันจริงๆเลยนะ
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน พูดอะไรน่ะ? ชอบจริงชอบปลอมอะไร? ชอบมันก็คือชอบ มีด้วยเหรอจริงปลอม?”
“นั่นไง! คำพูดของพี่เหมือนเขาเลย! ก็แสดงว่ามีหวังแล้ว!” เสี่ยวเชี่ยนพบว่าท่าทีของอวี๋หมิงซีเหมือนไห่เจามาก
“เหมือนใคร?”
“เหมือนใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือพวกเรามาวิเคราะห์เรื่องนี้กันดีกว่า นี่มันเกี่ยวพันถึงความรักในวัยรุ่น ผู้ใหญ่หลายคนเวลาเห็นลูกตัวเองมีความรักก่อนวัยอันควรก็จะทำตัวเหมือนป้องกันโจร กลัวลูกตัวเองจะพลั้งพลาด และคำว่ารักก่อนวัย อีกหลายปีให้หลังถือเป็นคำร้ายแรงมากทีเดียว”
มีวัยรุ่นกี่คนที่เคยผ่านการทำแท้งมาก่อน?
มีแน่นอน แต่ไม่เยอะ และนั่นก็เป็นเพราะผู้ปกครองไม่ได้ให้ความรู้ที่ถูกต้องกับพวกเขา เด็กสาววัยรุ่นที่ทำแท้งส่วนใหญ่ล้วนมีปัญหามาจากการที่พ่อแม่ไม่เอาใจใส่อย่างเพียงพอ ต่อให้ไม่ทำแท้งก็มีปัญหาอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวกับการมีความรักก่อนวัยอันควร
ถ้าหากตอนนั้นมีคนให้คำแนะนำกับอวี๋หมิงซีอย่างถูกต้อง เธอไม่มีทางมีสภาพจิตใจย่ำแย่ขนาดนี้แน่ ถึงกับปิดกั้นตัวเองจากความรัก
ปากเธอไม่ยอมรับว่าตัวเองแอบรักซุนเสีย ทั้งที่จริงมันก็ควรจะเป็นแค่ความรักแบบใสซื่อบริสุทธิ์ แต่พอผิดเพี้ยนกลายเป็นเรื่องทำร้ายจิตใจ ทำให้เดิมที่เธอควรได้ดื่มด่ำกับความรักต้องมาปิดกั้นตัวเอง
ถ้าจะบอกว่าเธอทรมานไห่เจา เอาของขวัญที่แสดงถึงความซื่อสัตย์ของไห่เจาไปให้คนอื่น ไม่สู้บอกว่าเธอกำลังลงโทษตัวเอง หัวใจของเธอยังติดอยู่ในความรักครั้งนั้นเดินออกมาไม่ได้
แล้วไห่เจาที่น่าสงสารก็กลายเป็นผุยผง
“ไม่ให้ห้าม ต้องให้กำลังใจหรือไง? เฉินเสี่ยวเชี่ยน เธออยากให้ลูกสาวเธอในอนาคตมีแฟนตอนอายุสิบกว่าเหรอ? จากนั้นก็ถูกผู้ชายเอาเปรียบทั้งชีวิต!”
“การอบรมเลี้ยงดูของครอบครัวพี่ทำให้พี่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบมากเกินไป หลังเกิดเรื่องพี่ถึงได้พยายามหาเหตุผลให้มันตลอด คิดตามแบบฉบับของทหาร ทำไมเป็นแบบนี้ สาเหตุของทั้งหมดนี้คืออะไร คิดเป็นร้อยแปดตลบพี่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ก็เลยโทษตัวเองเสียอย่างนั้น”
“ฉันไม่เข้าใจคำพูดเธอ”
“พี่เข้าใจ เพียงแค่ตอนนี้พี่ปฏิเสธที่จะคิด กลับไปคิดทบทวนให้เข้าใจ หลังจากนั้นการรักษาก็จะง่ายขึ้น มาต่อกันเรื่องที่พี่ถามฉัน ถ้าในอนาคตฉันมีลูกสาว เขาจะเอาจดหมายรักที่ได้จากที่โรงเรียนมาแบ่งฉันดู เด็กผู้ชายนัดเขาไปเล่นเขาก็จะบอกฉัน พวกเราจะคุยกันเรื่องรักของวัยรุ่นอย่างเปิดเผย มนุษย์เราเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งจะเริ่มสนใจเพศตรงข้ามมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ? มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ขอแค่ผู้ใหญ่สอนเขาอย่างถูกต้อง ไม่ปิดหูปิดตา เด็ก99.99%ล้วนหาทางแก้ปัญหาเรื่องความรักอย่างเหมาะสมได้ เรื่องธรรมชาติทั้งนั้นแต่กลับถูกผู้ใหญ่มองเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย”
ก็เพราะว่าผู้ใหญ่ชอบปิดหูปิดตา หรือถึงขนาดที่ว่าตำหนิเด็กอย่างรุนแรง ทำให้สุดท้ายเด็กอยากรู้อยากเห็นจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
มนุษย์เราเมื่อถึงช่วงหนึ่งของชีวิตจะเกิดความสนใจเพศตรงข้ามขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก เมื่อเติบโตเข้าสู่วัยรุ่นก็จะเริ่มสนใจเพศตรงข้ามขึ้นมาทันที อย่างเช่นอวี๋หมิงซีที่ชอบซุนเสีย แต่บางครั้งความรักแบบนี้ก็เป็นแค่รู้สึกดีๆที่มีให้ แตกต่างจากความรักของผู้ใหญ่
“มาพูดแบบนี้กับฉันตอนนี้มีประโยชน์เหรอ?” อวี๋หมิงซีประชด เธอรู้สึกว่าต่อให้มีเทพมาประทับก็ช่วยเธอไม่ได้แล้ว
เธอเกิดความรู้สึกในแง่ลบกับความรักและการแต่งงาน ต่อให้หาสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้แล้วไงล่ะ?
“ทำไมจะไม่มีประโยชน์ล่ะ? ถ้าพี่มีความตั้งใจอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ฉันช่วยพี่ได้ ปมในใจของพี่อยู่ที่ซุนเสีย ขอแค่พี่ยอมให้ฉันทำการรักษา บางทีอีกไม่นานพี่อาจกลับไปเผชิญความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้อีกครั้ง”