“ช่างเถอะ ฉันไม่อยาก ตอนนี้ฉันพอใจที่เป็นแบบนี้” อวี๋หมิงซียังคงปฏิเสธ
เสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่บังคับ คนนิสัยหัวดื้ออย่างอวี๋หมิงซีถ้าอยากให้เธอคิดได้ก็ต้องให้เวลาหน่อย
“พี่ไม่อยากรับการรักษา ไม่อยากเปิดใจก็ไม่เป็นไร แต่พี่ไม่อยากรู้เหรอว่าความรู้สึกที่พี่มีให้ซุนเสียมันจริงหรือปลอม? เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันเพิ่งให้ไห่เจาทำแบบทดสอบไป ในใจของไห่เจามีสาวสวยอยู่คนหนึ่ง พี่น่าจะรู้นะว่าใคร? แล้วก็…”
อวี๋หมิงซีแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้าแกะถั่วพิททาชิโอ้ แต่หูก็เงี่ยฟังรอเสี่ยวเชี่ยนพูดต่อ
ไม่มีต่อ เสี่ยวเชี่ยนเริ่มแกว่งแก้วไวน์ คล้ายกับว่ามีอะไรน่าสนใจอยู่ในนั้น
“ไวน์นี่รสชาติดีใช่ไหม? เจิ้งซวี่เก็บไว้ให้ฉันโดยเฉพาะ คนอื่นมาต่อให้อยากดื่มก็ไม่มีให้”
“อย่าลีลา แล้วไงต่อ?” อวี๋หมิงซีรออยู่นานก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่ตัวเองอยากฟัง เริ่มร้อนใจ
“แล้วไงต่อน่ะเหรอ? เจิ้งซวี่บอกว่า ครั้งหน้าถ้ามีไวน์ดีๆมาอีกก็จะเก็บไว้ให้ฉัน พี่อยากดื่มไหม ไว้ฉันจะบอกเขาให้เก็บไว้ให้พี่ด้วย”
“อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ บอกผลมาสิ! ถ้าเธอไม่พูดฉันจะบอกน้องเล็กว่าเธอมาที่ผับของเจิ้งซวี่ แถมยังเต้นระบำเปลื้องผ้าด้วย!”
“อุ๊บ! เวลาที่พี่หน้าไม่อายขึ้นมานี่คล้ายน้องชายพี่เลยนะคะ สมกับเป็นฝาแฝดที่อยู่ในท้องเดียวกันมาตั้งสิบเดือน!”
เสี่ยวเชี่ยนขำ “ก็ได้ เห็นแก่ที่พี่ทำนิสัยเหมือนสามีหน้าไม่อายของฉัน ฉันจะบอกให้ แต่ว่าถ้าพี่อยากจะรู้ผลทดสอบของไห่เจาล่ะก็ พี่ต้องทำแบบทดสอบให้ฉันก่อน ถ้าไม่ทำฉันก็ไม่บอก”
ขุดหลุมฝังอวี๋หมิงซี นับหนึ่งถึงห้า ทำแบบทดสอบก็ได้คำตอบแล้ว เสี่ยวเชี่ยนไม่คิดว่าตัวเองบีบบังคับใคร สมัครใจกันทั้งนั้น!
“ฉันไม่ทำแบบทดสอบไร้สาระของพวกเธอหรอก”
“อ่อ แล้วไป งั้นพี่ก็จะไม่รู้ตลอดไปว่าความรู้สึกที่ไห่เจามีให้พี่มันจริงหรือปลอม ถ้าปลอมนะ อาทิตย์นี้เขาคงไปดูตัวนับไม่ถ้วนเลยล่ะ ปลายปีก็แต่งงาน ปีหน้ามีลูก แน่นอน พี่เป็นผู้หญิงสบายๆไม่แคร์เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าความรู้สึกที่เขามีให้คือเรื่องจริง หลังจากถูกทำร้ายหัวใจจนแหลกสลายแบบนั้น ไม่แน่อาจไปก่อเรื่องแก้แค้นสังคม — จริงสิ คนที่อยู่ในคุกนั่น ก็ถือว่าแก้แค้นสังคมด้วยหรือเปล่า?”
พูดเสียดแทงใจไม่หยุด เล่นเอาอวี๋หมิงซีแทบทนไม่ไหว เธอไม่น่าไปมาหาสู่กับเสี่ยวเชี่ยนเลยจริงๆ ยัยคนนี้ปากร้ายมาก
“ฉันก็พูดไปเรื่อย พี่อย่าเก็บไปคิดนะคะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันคงต้องหาใครขับรถไปส่ง พรุ่งนี้ฉันยังต้องทำงานอีก”
เสี่ยวเชี่ยนทำเป็นหยิบกระเป๋าลุกขึ้นยืน จังหวะที่เดินผ่านอวี๋หมิงซีเธอก็รู้สึกว่าสายกระเป๋าถูกดึงไว้
อวี๋หมิงซีกัดฟันพูด
“ทำก็ได้!”
“ไปค่ะ เดี๋ยวฉันพาไปห้องทำงานเจิ้งซวี่ เวลานี้ห้องทำงานเขาว่าง” เสี่ยวเชี่ยนได้คำตอบที่ต้องการก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ทำไมฉันถึงได้มายุ่งกับคนแบบนี้นะ?” อวี๋หมิงซีบ่นพึมพำ การมาเจอเสี่ยวเชี่ยนถือว่ากรรมตามสนองเธอ
“ถ้าพี่ไม่พอใจไปลงกับน้องชายพี่ก็ได้นะคะ—ยังไงพี่ก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว”
ด้านในสุดของผับเป็นห้องทำงานของเจิ้งซวี่ ถึงจะบอกว่าเป็นห้องทำงาน แต่จริงๆแล้วมันก็คือห้องส่วนตัวที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ไม่เปิดให้คนนอกใช้ บางครั้งเจิ้งซวี่ก็จะพาคนมาอยู่ด้วย มีกำแพงกระจกด้านหนึ่งที่คนข้างในมองเห็นคนข้างนอก แต่ข้างนอกมองเข้าไปไม่เห็น
“ดูสิ หมอนี่รักสนุกขนาดไหน ไม่รู้พาสาวๆมาเล่นสนุกที่นี่ไปกี่คนแล้ว” เสี่ยวเชี่ยนให้ลูกน้องเจิ้งซวี่พาเข้ามา ปากก็ไม่วายแอบจิกกัดชีวิตส่วนตัวของเจิ้งซวี่
“รู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้เธอยังทำตัวสนิทสนมอีก ไม่กลัวน้องเล็กหึงหรือไง” อวี๋หมิงซีสำรวจรอบห้องแล้วเบ้ปาก ผู้ชายนี่นะ!
“ฉันไม่ใช่คนที่แยกไม่ออกระหว่างความรักกับมิตรภาพเสียหน่อย เขาจะหึงอะไร?”
ฉึก~
ถูกแทงอีกรอบ
“จะให้ทำอะไรเร็วๆหน่อย”
อวี๋หมิงซีเตรียมใจไว้แล้ว ไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะให้เธอทำอะไรเธอก็จะตอบมั่ว แบบทดสอบจิตวิทยามันวิเคราะห์จากผลคะแนนกับการพูดคุยไม่ใช่เหรอ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนถามเธอก็จะตอบมั่วๆ ต่อให้เสี่ยวเชี่ยนเป็นหมอที่เทพแค่ไหนก็ไม่น่าจะมองออกหรือเปล่า?
เสี่ยวเชี่ยนไม่รีบตอบ เธอเดินไปเปิดตู้เย็นขนาดเล็กแล้วหยิบไวน์ออกมาขวดหนึ่ง
“ดูเจิ้งซวี่คนขี้โกง มีซ่อนไวน์ลาฟีตเอาไว้ด้วย เดี๋ยวจะกินให้หมด”
“เธอพาฉันเข้ามาคงไม่ได้จะให้ฉันกินไวน์หรอกนะ?”
ยัยคนนี้คิดอะไรพิเรนทร์อีกหรือเปล่า?
อวี๋หมิงซีพบว่าตัวเองถูกเสี่ยวเชี่ยนจูงจมูกเข้าให้แล้ว
“อารมณ์พี่ตอนนี้ไม่เหมาะจะทำแบบทดสอบ มา ดื่มต่อ!”
ตามเข้ามาถึงขนาดนี้แล้วอยากจะออกคงเป็นไปไม่ได้ อวี๋หมิงซีถูกเสี่ยวเชี่ยนหลอกจนหมดทางถอย ทำได้แค่ดื่มไวน์เป็นเพื่อนเสี่ยวเชี่ยน
ดื่มไวน์แดงหมดไปสองขวด เสี่ยวเชี่ยนเห็นอวี๋หมิงซีแค่หน้าแดงนิดๆ ดวงตายังแป๋วอยู่ ครั้นแล้วจึงหรี่ตามองอวี๋หมิงซี เห็นทีต้องใช้ไม้ตายแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนบอกอวี๋หมิงซีว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่พอออกไปก็เรียกบอดี้การ์ดผับมา
“ไปเอาวอดก้ามาสองแก้ว”
“…พี่ครับ ดื่มวอดก้ามันจะดีเหรอครับ?” เหล้านี้มันแรงมากความเข้นข้น88.8%เลยนะ! มีผู้ชายไม่เยอะที่ดื่มได้
“ไม่เป็นไร ในเหล้ามีไซลิมารินที่ช่วยบำรุงตับ มากสุดก็แค่ทำให้เขามึนไปครึ่งวัน ไม่เป็นไรหรอก”
เสี่ยวเชี่ยนมั่นใจว่าตัวเองรู้ระดับความอึดในการกินเหล้าของคนตระกูลอวี๋ ถึงตอนนี้เธอจะยังไม่รู้ว่าเสี่ยวเฉียงกินได้มากสุดเท่าไหนกันแน่ แต่เท่าที่ดู เธอล้มอวี๋หมิงซีได้ไม่ยาก
“พี่ครับ ถ้าพวกพี่เกิดเป็นอะไรขึ้นมาพี่ซวี่เอาผมตายแน่”
นี่เป็นลูกค้าระดับซุปเปอร์วีไอพีที่บอสสั่งให้ดูแล
“วางใจเถอะ”
อวี๋หมิงซีที่เริ่มเมานิดๆ เธอมองชายหญิงที่นัวเนียกันอยู่ข้างนอก เธอไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง อะไรที่ทำให้คนพวกนี้เล่นเกมความรักที่แสนน่าเบื่อได้ทุกวัน?
“ทำไมยังเอาเหล้ามาเพิ่มอีก? ถ้าไม่ทำแบบทดสอบฉันกลับละ” พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนถือเหล้ามาอีกสองแก้วอวี๋หมิงซีก็ประท้วง
“ไม่เป็นไร อันนี้เอามาให้พี่ชิม เคยดื่มไหม?” เสี่ยวเชี่ยนส่งให้เธอหนึ่งแก้ว อวี๋หมิงซีจิบเล็กน้อย ถุย รสชาติแย่มาก
“ไม่เคย”
อืม ไม่เคยงั้นยิ่งดี
“ดื่มแก้วนี้หมดเดี๋ยวฉันจะบอกคำตอบพี่เลย”
อวี๋หมิงซีรีบปฏิบัติทันใด ยกดื่มรวดเดียว เสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่เอาเปรียบ ดื่มตามเธอ
เหล้านี้พอลงท้องไปอวี๋หมิงซีก็รู้สึกแปลกๆ แต่กว่าเธอจะได้สติก็สายไปเสียแล้ว มันหมดแก้วแล้ว
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน เหล้าที่เธอให้ฉันดื่มมันกี่ดีกรี?” ทำไมไฟบนเพดานห้องมันเริ่มหมุน?
“รอเดี๋ยวนะ ขอฉันออกไปโทรศัพท์แปบ” เสี่ยวเชี่ยนมีสติมากกว่าอวี๋หมิงซี เธอล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาอวี๋หมิงหลาง
“ที่รัก ฉันดื่มเหล้าอยู่กับเสี่ยวซีที่ผับของเจิ้งซวี่ในเมืองQ หาคนมารับฉันกลับไปหน่อยแล้วก็ให้เอาชาสร่างเมามาให้ด้วย ฉันไม่อยากทำเสียงานวันพรุ่งนี้ กินไปเท่าไรน่ะเหรอ? ไม่เยอะหรอก แค่ไวน์สองขวด กับวอดก้าอีกสองแก้ว นายก็รู้ว่าความเข้มข้นมันแค่แปดสิบกว่า แรงกว่าเหล้าเหิงสุ่ยเหล่าไป๋กานที่เจ็ดสิบสองดีกรีแค่นิดเดียวเอง ในบรรดาเหล้าที่แรงที่สุดในโลกก็แค่…”