แดนนิรมิตเทพ บทที่ 456
“ไอ้หมอนี่มันบ้ามากเลย ถึงได้ไม่ให้เกียรติคุณหนูหยู่เหวินแบบนี้ น่าสนใจดีแฮะ!”

“พวกคุณมองไม่ออกงั้นหรือ สองพี่น้องตระกูลหยู่เหวิน เคยประมือกับหมอนี่มาก่อนแล้ว และดูเหมือนว่าจะเสียเปรียบ ที่คุณชายเฉิงเดินออกไป น่าจะไปหาคนมาช่วย”

“หมอนี่เป็นนักเรียนที่ย้ายมาจากอำเภอเล็กๆ จริงๆ งั้นหรือ? กล้าหาเรื่องกับตระกูลหยู่เหวินแบบนี้ ถ้าไม่มีคนคอยหนุนหลังคงไม่ไหวนะ”

หยูเจียหาวหัวเราะ “คนอยู่เบื้องหลังบ้าบออะไร ก็แค่ต่อยตีเก่งเท่านั้น อยู่ที่โรงเรียนหมอนี่ก็บ้าคลั่งจนเคยตัว คิดว่าด้านนอกจะเหมือนในโรงเรียน คิดว่าไม่มีใครเอาชนะมันได้หรือไง?”

ทุกคนก็แอบส่ายหัว ในโรงเรียนกับสังคมภายนอก มันเป็นโลกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง อยู่ในโรงเรียนไม่มีคนหนุนหลัง ไม่มีอิทธิพล แต่ถ้าตนเองโดดเด่น ก็ยังจะพอมีที่ให้ยืนได้บ้าง แต่ถ้าออกมานอกโรงเรียน ถ้าไม่มีคนหนุนหลังหรือมีอิทธิพล เส้นทางนี้มันก็จะเดินลำบาก

“ดูนั่นสิ คุณชายเฉิงกลับมาแล้ว ด้านหลังของเขาคือใครกัน? ทำไมถึงคุ้นหน้าคุ้นตา?”

“นั่นคือ…โจวเทียนวั่ง ลูกพี่โจว!พระเจ้าช่วย คุณชายเฉิงไปเชิญเขามาเลยหรือนี่ ทีนี้หมอนั่นลำบากแน่!”

“คุณหมายถึงโจวเทียนวั่งของตระกูลโจว ที่มีชื่อเสียงโด่งดังบริเวณชานเมืองเจียงหนานอย่างนั้นหรือ? นั่นเป็นตระกูลที่ด้อยกว่าตระกูลมู่หรงตระกูลเดียวเลยนะนั่น!”

“ได้ยินมานานแล้วว่าตระกูลหยู่เหวินกับตระกูลโจวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง พระเจ้าช่วย ถ้าตระกูลหยู่เหวินกับตระกูลโจวร่วมมือกัน ต่อให้เป็นตระกูลมู่หรงก็ต้องหวั่นเกรง!”

“ครั้งนี้ถ้าหมอนั่นไม่ตายก็ต้องมีเลือดตกยางออกบ้างล่ะ!”

พอได้ยินพวกลูกเศรษฐีแห่งเจียงหนานคุยกัน พวกนักเรียนที่มาจากโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว ไม่เพียงไม่กังวลใจแทนเฉินโม่ แต่กลับมีสีหน้าตื่นเต้นอยากจะเห็นกันขึ้นมา

เฉินโม่อยู่ที่โรงเรียนก็ออกนอกหน้าตลอดเวลา ถูกคนอื่นอิจฉาตลอด โดยเฉพาะที่ไปกอดมู่หรงยานเอ๋อร์ในงานเฉลิมฉลองโรงเรียน ยิ่งทำให้เฉินโม่มีศัตรูทั้งโรงเรียน

แต่น่าเสียดาย ต่อมาเฉินโม่ลาเรียน พวกคนที่อยากจะเอาเรื่องเฉินโม่ก็เลยไม่มีโอกาส ถ้าหากว่าได้เห็นเฉินโม่ถูกคนของมณฑลเจียงหนานกระทืบ พวกของหยูเจียหาวก็พร้อมที่ยืนดูอย่างสนุก และพอกลับไปโรงเรียนก็จะป่าวประกาศไปทั่ว ทำให้ชื่อเสียงของเฉินโม่เหม็นโฉ่

อานเข่อเยว่สีหน้าเย็นชา สายตาเผยความเยาะเย้ยออกมา “เมื่อครู่นี้ฉันเตือนนายแล้ว ว่าให้กลับไป ตอนนี้คิดจะกลับก็ไม่ทันแล้ว เฉินโม่ ดูสิว่าครั้งนี้นายจะโชคดีรอดไปได้อีกหรือเปล่า จะให้เจอกับสาวสวยอย่างจินเพ่ยอวิ๋นมาช่วยนายอีกงั้นหรือ?”

หยู่เหวินเฉิงพาชายวัยกลางคนรูปร่างใหญ่เดินเข้ามาตรงหน้าเฉินโม่ จ้องมองเฉินโม่อย่างโหดร้าย กัดฟันพูดว่า “คุณลุงโจว ไอ้คนนี้แหละครับ”

หยู่เหวินฟางเฟยรีบเดินเข้ามา ดึงแขนของชายวัยกลางคนคนนั้น แล้วทำหน้าตาน่าสงสาร พูดออดอ้อนว่า “คุณลุงโจวคะ จะต้องช่วยหนูด้วยนะคะ ไอ้บ้านี่มันรังแกหนู”

โจวเทียนวั่งพยักหน้า “วางใจเถอะ ลุงเองกับพ่อของหนูเป็นเพื่อนสนิทกัน ใครมารังแกพวกหนู ก็เท่ากับ มารังแกลูกของลุงเองเหมือนกัน ลุงไม่ปล่อยมันไปแน่!”

พูดจบ โจวเทียนวั่งก็มองไปยังเฉินโม่ สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาดั่งพยัคฆ์แฝงความเย็นชา “ไอ้หนู กูไม่สนใจว่ามึงจะเป็นใครใหญ่มาจากไหน กล้ามารังแกหลานชายหลานสาวกูในพื้นที่ของเจียงหนาน ก็เท่ากับอยู่ร่วมกับกูไม่ได้!”

“เห็นแก่ที่มึงมาอวยพรให้กับยานเอ๋อร์ กูจะให้โอกาสมึง ขอโทษพวกเขาสองคนเสีย จากนั้นก็ให้เขาทำคืนในสิ่งที่มึงทำกับเขาลงไป แล้วกูจะปล่อยมึงไป”

พวกลูกเศรษฐีทั้งหลายก็เผยสีหน้าสะใจออกมา “โจวเทียนวั่งลงมือเอง หมอนี่เสร็จแน่”

หยูเจียหาวพูดด้วยสีหน้าร้ายกาจว่า “กระจอก จะจัดการมึงไม่ต้องให้กูลงมือเองหรอก กล้ามาตอแยกับมู่หรงยานเอ๋อร์ อย่ามึงน่ะหรือเหมาะสม?”

ในสายตาของอานเข่อเยว่ก็เผยความเยาะเย้ยออกมา “โจวเทียนวั่ง เจ้าสัวใหญ่แห่งมณฑลเจียงหนานลงมือเอง ต่อให้คนตระกูลจินอยู่ที่นี่ ก็ช่วยแกไม่ได้ เฉินโม่ ดูสิว่าครั้งนี้แกจะทำยังไง?”

“อยากอยู่อย่างสงบๆ แต่สภาพแวดล้อมมันวุ่นวายจริงเลยนะ!” เฉินโม่ถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอาเขามาที่นี่เพื่อจะมามอบของขวัญแล้วก็กลับ แต่คนพวกนี้กลับไม่อยากให้เขาได้ทำตามดั่งหวัง

มองดูใบหน้าที่หาเรื่องของโจวเทียนวั่ง เฉินโม่ก็พูดออกมานิ่งๆ คำเดียว “ไสหัวไป!”