ตอนที่ 428 ปล้น
เมื่อได้เห็นลายมือคุ้นตา คนเหล่านั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นทันทีพร้อมตะโกนเสียงดัง “ท่านอ๋องได้โปรดไว้ชีวิตด้วย พวกข้าน้อยเพียงหลงผิดไปชั่ววูบเท่านั้น พวกข้าน้อยแค่ยึดข้าวเปลือกไว้เพื่อรอขึ้นราคาแล้วค่อย…”
“นำตัวไป”
มู่จวินฮานมิอยากฟังคำแก้ตัวอีกจึงโบกมือให้ชิงเฟิงนำตัวคนพวกนี้ออกไปทันที
หลังกุมอำนาจของเมืองเหล่านี้ได้แล้วสิ่งแรกที่มู่จวินฮานทำก็คือการเปิดยุ้งฉาง
เสบียงที่ทางการส่งมารวมถึงผลผลิตของชาวบ้านทั้งหมดถูกเหล่าเจ้าเมืองเก็บไว้ที่คลังส่วนตัว
แต่ครั้งนี้มู่จวินฮานได้แบ่งข้าวเปลือกทั้งหมดให้ชาวบ้านทำให้ปัญหาความอดอยากได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย
ทว่าในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกลับเมืองจิง ท่ามกลางฝูงชนมีคนผู้หนึ่งที่แววตาแฝงไว้ด้วยความชั่วร้ายอย่างยิ่งยวด
คนผู้นี้คือองค์ชายเจ็ดและทั้งหมดนี้ควรเป็นของพระองค์ !
เมื่อเห็นท่าทางมิแยแสของมู่จวินฮานแล้วภายในใจของเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น สักวันหนึ่งเขาต้องช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของตนกลับมาให้ได้
ภายในวังหลวง หมู่เฟยก็มิได้เป็นหนึ่งเดียวที่ได้รับความโปรดปรานอีกแล้ว
“ปัญหาความอดอยากในครั้งนี้อ๋องมู่มีความดีความชอบ ข้าจักแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่เว่ยกั๋ว ! ”
มู่จวินฮานคาดมิถึงว่าจักได้รับตำแหน่งสูงส่งเพียงนี้ เดิมทีเขาคิดว่าฮ่องเต้คงมอบตำแหน่งที่ไร้อำนาจใดให้ เขามิคิดว่าพระองค์จักมอบตำแหน่งขุนนางที่มีอำนาจทางทหารทั้งหมดให้แก่ตน
“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ! ”
เมื่อครู่แม่ทัพหลิงที่อยู่ด้านข้างก็แอบส่งสายตาบางอย่างให้องค์ชายเจ็ด ครั้งนี้ที่เขายังมิได้ลงมือทำอันใดก็เป็นเพราะองค์ชายเจ็ดอย่างนั้นหรือ
จ้าวหลานหยู่ก็รู้ดีว่ามิสามารถทำอันใดได้มากเพราะก่อนหน้านี้ฟู่หวงมิได้ให้อำนาจทหารแก่ตน หากต้องการต่อกรกับมู่จวินฮานก็ยังต้องเสริมความแข็งแกร่งให้ตนเองอีกมิน้อย
แต่ในจังหวะที่เขาเงยหน้ามองมู่จวินฮาน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าการที่ฟู่หวงมอบอำนาจมากมายเช่นนี้ให้อ๋องมู่และแม่ทัพน้อยลู่ก็เพราะกังวลว่าเหล่าองค์ชายเยี่ยงพวกตนจักต่อสู้กันเอง
ฟู่หวง สักวันหนึ่งลูกต้องดึงพระองค์ลงจากบัลลังก์ให้จงได้ !
“องค์ชาย พวกเราไปกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพหลิงมิเพียงสนับสนุนองค์ชายเจ็ดเท่านั้น ตอนนี้เขายังชอบองค์ชายเจ็ดมากเสียจนอยากยกบุตรีให้
แม้หลิงอวี่หนิงมิเป็นที่โปรดปรานในจวนอ๋อง แต่เขาก็ยังมีบุตรีอีกคนที่เกิดจากอนุภรรยาผู้ไร้การยอมรับมาก่อนและนางก็ถูกเลี้ยงดูมาเยี่ยงสาวใช้คนหนึ่ง
ตอนนั้นที่ยกบุตรีสุดที่รักเยี่ยงอวี่หนิงให้แต่งกับมู่จวินฮานก็เป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ แต่บุตรสาวอีกคนอาจนำมาใช้ดึงองค์ชายเจ็ดเป็นพวกก็ได้
“ท่านแม่ทัพสนับสนุนข้าเช่นนี้ ข้าต้องขอบคุณมากจริง ๆ ”
ตอนนี้ผู้ที่ยอมสนับสนุนเขามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ดังนั้นเขาต้องจับมือกับคนที่ช่วยไว้อย่างแน่นหนาและอาศัยคนเหล่านี้ปีนขึ้นที่สูงอีกครั้ง
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เป็นเพราะบุตรสาวคนเล็กของกระหม่อมชื่นชอบองค์ชายมานาน มิทราบว่า…”
“ถือเป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก”
หลังตอบรับแม่ทัพหลิงแล้ว องค์ชายเจ็ดก็มองไปยังบัลลังก์อีกครู่หนึ่ง ตอนนี้มู่จวินฮานและลู่จ้านปีนขึ้นมาได้สูงมาก ต่อไปเขาต้องดึงมันสองคนลงมาแล้วเยียบไว้ใต้เท้าให้จงได้ !
“เรียนทัวป๋าเช่อเฟย ท่านอ๋องกำลังอ่านเอกสารราชการอยู่ขอรับ”
“เช่อเฟย ท่านอ๋องกำลังทำงานอยู่ขอรับ”
“เช่อเฟย…”
ทัวป๋าถิงฟางมาที่นี่มิรู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งซึ่งทุกครั้งล้วนโดนขวางไว้เพียงด้านนอก แต่วันนี้นางเห็นอันหลิงเกอเพิ่งเดินเข้าไปด้านในแท้ ๆ
“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าหลิงอวี่หนิงนัดข้าไปพบใช่หรือไม่ ? ”
สาวใช้พยักหน้า แต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ท่านอ๋องจักไปจัดการเรื่องความอดอยากซึ่งก็ผ่านมานานจนนางลืมเรื่องหลิงอวี่หนิงไปแล้ว
“วันนี้ เจ้าไปเชิญนางมาพบข้าที”
“เจ้าค่ะ”
“เยว่เอ๋อ เจ้าช่วยข้าแต่งตัวทีเพราะวันนี้ข้าจักไปพบทัวป๋าถิงฟางเสียหน่อย”
ไปพบทัวป๋าถิงฟางหรือ ?
สาวใช้ตกใจจนแทบอ้าปากค้าง ทัวป๋าถิงฟางคนที่เข้าจวนมาก็มิได้สุงสิงกับผู้ใดเลยน่ะหรือ
“นายหญิงเจ้าคะ ท่านช่างสายตาแหลมคมยิ่งนัก ! บ่าวก็คิดว่าองค์หญิงทัวป๋าอาจช่วยเราได้เจ้าค่ะ”
เยว่เอ๋อรู้ดีว่าหากนายหญิงของตนเป็นที่โปรดปรานแล้วตำแหน่งของตนก็ต้องสูงขึ้น เป็นเช่นนั้นก็คงดีมิน้อย
“เอาล่ะ เอาล่ะ รีบช่วยข้าเปลี่ยนชุดเร็วเข้า”
หลิงอวี่หนิงอดร้อนใจมิได้ ดูท่าแล้วทัวป๋าถิงฟางเข้าหานางเยี่ยงนี้คงมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่ ทัวป๋าถิงฟางย่อมรู้ความคิดของนางดีก็แสดงว่าตกลงช่วยนางแล้วแน่นอน
“โชคดีจริงที่วันนี้มีโอกาสพบทัวป๋าเช่อเฟยอีกครั้ง ช่างเป็นเกียรติของข้าจริง ๆ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอวี่หนิง ฝ่ายทัวป๋าถิงฟางเพียงยิ้มออกมาเท่านั้นเพราะคำประจบสอพลอมีไว้เพื่อหลอกใช้ มิได้มีความหมายมากกว่านั้น
นี่เป็นเหตุผลที่นางรู้ตั้งแต่เกิดเป็นคนของราชวงศ์แล้ว
ถ้าบอกว่าโชคดีที่ได้พบ ก่อนหน้านี้พวกนางก็เคยพบกันมาแล้ว เพียงแต่ตอนนี้มันคือคำทักทายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหลิงอวี่หนิงก็เท่านั้น
“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยเชิญข้าไปพบ ตอนนั้นบังเอิญข้ามิสบายพอดี หลายวันมานี้ข้าลองคิดแล้วก็มิสบายใจจึงเชิญเจ้ามาที่เรือนข้าแทน”
ทัวป๋าถิงฟางที่อยู่ต่อหน้าตอนนี้เหมือนมีพลังกดดันบางอย่างที่ทำให้หลิงอวี่หนิงรู้สึกอัดอึดมิน้อย
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่แคว้นชิงเยว่ ทัวป๋ามีนิสัยหยิ่งผยอง และแม้ตอนนี้อันหลิงเกอมิชอบนางก็มิมีผู้ใดทำอันใดนางได้
“พี่สาวกล่าวเกินไปแล้ว อวี่หนิงแค่ชื่นชมท่านและเพียงได้พบหน้าพี่สาวบ้างก็ดีมากแล้ว” กล่าวจบหลิงอวี่หนิงก็ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
“หืม ? ชื่นชมข้าหรือชื่นชมท่านอ๋องกันแน่ ? ”
ทัวป๋าถิงฟางก็รู้เรื่องที่หลิงอวี่หนิงดึงฟางซู่ซู่และอวี๋หมิงหลันไปเป็นพวก ตอนนี้คงอยากมาดึงนางเป็นพวกอีกคน เป้าหมายของอีกฝ่ายก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินทัวป๋าถิงฟางกล่าว หลิงอวี่หนิงก็รีบก้มหน้าลงทันทีแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นว่าทัวป๋าถิงฟางมิได้มีอาการโกรธ แต่วางมาดราวกับเป็นผู้กุมอำนาจอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นหลิงอวี่หนิงก็ตัดสินใจกล่าวออกมาตามตรง
“ข้าขอพูดตามตรงก็แล้วกัน ทุกคนในจวนต่างก็รักท่านอ๋องมิใช่หรือ ? ”
หลิงอวี่หนิงกล่าวเสร็จก็ก้มหน้าลงแล้วทำท่าทางราวกับคนผิดหวัง เมื่อเห็นนางกล่าวออกมาตามตรง ด้านทัวป๋าถิงฟางก็เข้าใจดี
“ลุกขึ้นเถิด อย่าแสดงท่าทางขลาดกลัวเช่นนี้ อย่างไรเจ้าก็เป็นบุตรีของท่านแม่ทัพ เหตุใดเจ้ามิลองมองการณ์ไกลบ้างเล่า ? อันหลิงเกอก็เป็นเพียงบุตรีของโหวคนหนึ่งเท่านั้น”
เมื่อทัวป๋าถิงฟางกล่าวออกมาตามตรงเช่นนี้ก็ทำให้หลิงอวี่หนิงอดตื่นตระหนกขึ้นมามิได้ นางจึงมิกล้าพูดสิ่งใดออกมาอีกและทำได้เพียงก้มหน้าอยู่เช่นนั้น
“วันหน้าถ้าเจ้ามีเวลาว่างก็มานั่งเล่นที่เรือนของข้าได้”
คาดมิถึงว่าทัวป๋าถิงฟางจักเอ่ยปากเช่นนี้ หลิงอวี่หนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจได้ทันที ดูท่าแล้วทัวป๋าถิงฟางคงตกเป็นรองอันหลิงเกออยู่มากจนในที่สุดก็ทนมิไหวเสียเอง
“ดียิ่งนัก ขอบคุณพี่สาวที่เมตตา”
หลิงอวี่หนิงรู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดสิ่งใดอยู่และทัวป๋าถิงฟางก็รู้เช่นกันว่าหลิงอวี่หนิงคิดสิ่งใดอยู่ ในเมื่อทั้งคู่ต่างก็รู้ถึงความต้องการของแต่ละคนดีเช่นนี้จึงทำให้กลายเป็นพันธมิตรดีที่สุดของกันและกันอย่างง่ายดาย
หลิงอวี่หนิงมิได้รังเกียจที่จักร่วมมือกับผู้มีเป้าหมายชัดเจนเช่นนี้อยู่แล้ว ส่วนทัวป๋าถิงฟางก็มิได้ปฏิเสธมิตรภาพจากผู้ที่พูดออกมาตามตรงเช่นกัน