ตอนที่ 429 สตรีผู้สร้างปัญหา
เดิมทีหลิงอวี่หนิงอยากเห็นทัวป๋าถิงฟางฟาดฟันกับอันหลิงเกอ ทว่าในเมื่อตอนนี้นางต้องการความช่วยเหลือจากทัวป๋าถิงฟางก็คงต้องเป็นคนออกหน้าเอง
“เจ้าเต็มใจเข้าวังอย่างนั้นหรือ ? ”
แม่ทัพหลิงคาดมิถึงว่าบุตรีที่เขาเห็นเป็นคนรักสันโดษมาโดยตลอดจักตอบตกลงเพราะเขาคิดว่านางต้องปฏิเสธความคิดนี้อย่างแน่นอน
“ใช่เจ้าค่ะ เอ่ยตามตรงแล้วลูกเองก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระของท่านพ่อเหมือนพี่หญิงเจ้าค่ะ”
แม่ทัพหลิงมิรู้ว่าภายในใจของตนรู้สึกเช่นไรเพราะที่ผ่านมาเขามิเคยให้ความสำคัญต่อบุตรีคนนี้เลยสักนิด
“เจ้าคิดให้ดีเพราะวังหลวงมิเหมือนที่จวน…”
“ท่านพ่อ ลูกคิดดีแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นบุตรียืนยันหนักแน่นเช่นนี้ แม่ทัพหลิงจึงมิได้เอ่ยสิ่งใดอีก เขาทำเพียงพยักหน้าคล้ายไตร่ตรองบางอย่างอยู่
ขณะนั้นเององค์ชายเจ็ดก็เสด็จมาที่ตำหนักของหลี่กุ้ยเฟย
“หมู่เฟยพ่ะย่ะค่ะ”
เขารู้ดีว่าตนกำลังทำให้หมู่เฟยผิดหวังเพราะในตอนนี้มิอาจทำสิ่งใดได้เลย หลี่กุ้ยเฟยก็มองโอรสออกเช่นกัน นางจึงทำเพียงยิ้มให้เขาแต่มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
“มานี่สิ”
องค์ชายเจ็ดเดินไปหานาง เขาอยากยื่นมือไปสัมผัสรอยน้ำตาบนใบหน้าของหมู่เฟยแต่ก็มิทำ
“หมู่เฟย” ขาทั้งสองข้างของเขาอ่อนแรงจนทรุดและคุกเข่าลงกับพื้น
“ลูกแม่ ลุกขึ้นเร็ว ลุกขึ้นสิเด็กน้อย” หลี่กุ้ยเฟยเห็นดังนั้นก็ยิ่งกลั้นน้ำตาไว้มิอยู่
“หมู่เฟย ลูกทำผิดต่อท่าน ลูกรู้ดีว่าการอยู่ในวังหลวงยากลำบากเพียงใด แต่ลูกมิสามารถทำสิ่งใดเพื่อท่านได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เวลานี้ภายในใจขององค์ชายเจ็ดก็ทรมานมิน้อย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะมู่จวินฮานผู้เดียว หากมู่จวินฮานยืนอยู่ข้างเขาหรือหากฮ่องเต้มิแบ่งอำนาจให้มู่จวินฮาน สิ่งที่เขาจักได้รับต้องมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แน่นอน
“มิเป็นไรหรอก แม่มีเจ้าก็ถือว่าเป็นโชคดีของแม่แล้ว”
ดวงตาของหลี่กุ้ยเฟยคลอไปด้วยหยาดน้ำตาและสีหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“หมู่เฟย…” องค์ชายเจ็ดมิคิดว่ามารดาจักกล่าวเช่นนี้ออกมาจึงทำให้ภายในใจของเขาเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
“เจ้าวางใจได้ จงเก็บปิ่นนี้เอาไว้และต่อไปจักมีคนช่วยเจ้าแน่นอน” เมื่อกล่าวจบแววตาของหลี่กุ้ยเฟยก็ฉายแววประหลาดบางอย่างออกมา
องค์ชายเจ็ดมิรู้ความหมายของหลี่กุ้ยเฟย ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาต้องการคนช่วยมากที่สุด หากสามารถหาคนผู้นั้นได้ก็มิแน่ว่าเขาอาจรักษาตำแหน่งของหมู่เฟยเอาไว้ได้
“แม่เข้าใจความหวังดีของเจ้า ทว่าตอนนี้ยังมิถึงเวลาที่เราจักใช้คนผู้นั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภายในใจขององค์ชายเจ็ดก็เต็มไปด้วยความขมขื่น ในวังแห่งนี้ผู้ที่เขาเชื่อใจที่สุดก็คือมารดาซึ่งเป็นที่โปรดปรานของฟู่หวงจึงทำให้ตัวเขาพลอยเป็นที่โปรดปรานไปด้วย ทว่าตอนนี้หมู่เฟยมิเป็นที่โปรดปรานแล้ว ฮ่องเต้จึงมิเข้าข้างเขาอีก ดังนั้นในราชวงศ์จึงไร้ให้เขายืน
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้แล้ว” หลี่กุ้ยเฟยปิดประตูแล้วหันหลังเข้าตำหนักไป องค์ชายเจ็ดจึงเห็นเพียงเงาของนางจากทางหน้าต่างเท่านั้นแต่ก็รับรู้ได้ถึงความโศกเศร้ามากมายของอีกฝ่าย
“หมู่เฟย ดูแลพระองค์เองด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
น้ำเสียงขององค์ชายเจ็ดเต็มไปด้วยพลังหนักแน่นคล้ายตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว ก่อนจักเดินออกไปด้านนอก ความอัปยศในวันนี้เขาต้องเอาคืนอย่างสาสม
ปิ่นเมื่อครู่ได้ปักลึกลงในเนื้อของเขาจึงทำให้มีโลหิตไหลออกมา จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ก้าวย่างออกไปแต่ชนเข้ากับใครบางคนเข้า
“เจ้า…หยู่เอ๋อ…”
“บังอาจ ! ”
เมื่อองครักษ์นายหนึ่งเรียกชื่อเช่นนี้ก็ทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก เพราะอย่างไรเขาก็ยังเป็นองค์ชายแล้วจักปล่อยให้คนหมิ่นเกียรติได้อย่างไร ?
“หยู่เอ๋อ อย่าเพิ่งกล่าวอันใดมากความ รีบไปพาหมู่เฟยของเจ้าออกมาก่อน”
พาเสด็จแม่ออกมาอย่างนั้นหรือ ?
องค์ชายเจ็ดนึกถึงปิ่นที่อยู่ในมือ หรือแม่ทัพฟางเจวี๋ยผู้บัญชาการองครักษ์แห่งวังหลังก็คือคนที่หมู่เฟยบอกไว้ ?
“อืม เช่นนั้นก็ตามข้ามา” ในเมื่อเป็นคำสั่งของมารดา เขาย่อมทำตามอยู่แล้ว
องค์ชายเจ็ดจึงเดินนำฟางเจวี๋ยย้อนไปยังตำหนักของหลี่กุ้ยเฟย
พวกเขาเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงโต๊ะกับเก้าอี้ล้มจากด้านใน องค์ชายเจ็ดจึงพังประตูเข้าไปอย่างร้อนรน
“หมู่เฟย ! ” หลี่กุ้ยเฟยกำลังผูกคอตายแต่โดนพวกเขาขัดขวางไว้เสียก่อน หากมาช้าอีกเพียงนิดนางคงแขวนคอได้สำเร็จไปแล้ว โชคดีที่ฟางเจวี๋ยช่วยจับตัวนางไว้ก่อน
“ฟางเจวี๋ย…”
“เอี่ยนเอ๋อ เหตุใดเจ้าจึงโง่เขลาเช่นนี้ ? ข้าบอกแล้วว่าจักพาเจ้าออกจากวัง ข้าก็ต้องทำให้ได้”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้วองค์ชายเจ็ดก็อดก้าวถอยหลังมิได้ บัดนี้เขาเข้าใจน้ำเสียงที่เรียกหยู่เอ๋อเมื่อครู่ได้แล้ว ทว่ามิกล้านึกถึงเรื่องต่อจากนี้เลย
“หมู่เฟย นี่คือผู้ที่ท่านบอกว่าต่อไปจักช่วยลูกอย่างนั้นหรือ ? ” องค์ชายเจ็ดถามออกมา
หลี่กุ้ยเฟยพยักหน้ารับอย่างกระดากอายแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไป
“หยู่เอ๋อ เจ้าฟังแม่แล้วอย่าตกใจไปเลย ที่จริงแล้วแม่ทัพฟางคือท่านพ่อของเจ้า…ในตอนแรกแม่ตั้งครรภ์บุตรของแม่ทัพฟางจึงคิดออกจากวัง แต่คาดมิถึงว่าจักโดนฝ่าบาท…”
หลี่กุ้ยเฟยกล่าวไปพลางมองไปทางฟางเจวี๋ยด้วย แม้ตอนนี้ทั้งคู่อายุมากแล้ว ทว่าก็ยังคิดถึงการอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
ทว่าความรักที่มั่นคงของทั้งสองกลับทำลายความคิดในการแย่งชิงบัลลังก์ขององค์ชายเจ็ดจนสิ้น เดิมทีเขาคิดว่าตนทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ดูแล้วสิ่งที่ตนกำลังทำได้กลายเป็นการก่อกบฏโดยมิต้องสงสัย
มิน่าฟู่หวงจึงยอมมอบอำนาจให้ผู้อื่น แต่มิมอบให้เขาแม้แต่น้อย
น่าขัน ช่างน่าขันเสียจริง
ที่ผ่านมาเขาคิดว่าเป็นเพราะฟู่หวงเปลี่ยนไป คาดมิถึงว่าจักเป็นเพราะเหตุนี้
“เอาล่ะ หยู่เอ๋อ พวกเราไปกันเถิด”
ฟางเจวี๋ยมองจ้าวหลานหยู่และภายในใจของเขามีความสุขยิ่งนัก ตอนนี้สามคนพ่อแม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว
“ไปหรือ ? เฮอะ…”
หัวใจขององค์ชายเจ็ดเจ็บปวดแสนสาหัส ตอนนี้จักให้เขาเป็นองค์ชายต่อไปได้อย่างไร
“ท่านสองคนไปเถิด ข้าแซ่จ้าวและยังเป็นคนของราชวงศ์ต้าโจว”
องค์ชายเจ็ดเหนื่อยล้าทั้งกายใจ ฟางเจวี๋ยผู้นี้มีสิทธิ์อันใดเรียกเขาว่าลูก?
“ลูกรัก เจ้ายังหวังได้ครองบัลลังก์อีกหรือ ? ”
ฟางเจวี๋ยมองเขาด้วยสายตามีความหวัง เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฟางเจวี๋ยก็ทำให้องค์ชายเจ็ดยิ่งรู้สึกเหยียดหยามขึ้นไปอีก เจ้ามีสิทธิ์อันใด !
สายเลือดที่มิถูกต้อง ต่อให้เป็นตัวเองก็ยังมิอาจยอมรับได้ เหตุใด เหตุใดต้องบอกเขาในเวลาเช่นนี้ด้วย ที่แท้การมีตัวตนของเขาก็เป็นเพียงเครื่องยืนยันการทรยศอย่างนั้นหรือ ที่แท้การมีอยู่ของเขาเป็นแค่เรื่องสกปรกหรืออย่างไร
“ลูกแม่…”
หลี่กุ้ยเฟยมองออกและในขณะที่นางกำลังกล่าวบางอย่างก็ถูกองค์เจ็ดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“หมู่เฟยกับท่านแม่ทัพรีบออกไปเถิด หยู่เอ๋อจักคอยระวังหลังให้เอง เพียงแต่ในภายภาคหน้าเกรงว่ามิสามารถติดต่อหยู่เอ๋อได้อีก จากนี้พวกเราอย่ามีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันเลย ! ”
ตอนนี้เขามิได้ละอายใจต่อต้าโจว เพียงแต่ภายในใจมิอาจยอมรับเรื่องนี้ได้ หากทั้งสองจากไป ตนก็อาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง
“ลูกรัก แม่กับพ่อมิมีทางหักหลังเจ้าหรอก”
เข้าใจว่าข้ากำลังคิดเช่นนี้หรือ ?
องค์ชายเจ็ดเอียงคอมองหลี่กุ้ยเฟยและหัวเราะออกมา แต่สุดท้ายก็มิได้กล่าวอันใดอีก
“ช่างเถิด ท่านแม่ทัพกลับไปก่อนแล้วกัน” หลี่กุ้ยเฟยมิคิดว่าจักเป็นเช่นนี้จึงส่งสายตาให้ฟางเจวี๋ยกลับไปก่อน
“หมู่เฟยยังมีสิ่งใดจักกล่าวอีกหรือ ! ” จ้าวหลานหยู่คาดมิถึงว่าเรื่องทั้งหมดกลายเช่นนี้ไปได้
หลี่กุ้ยเฟยแสดงละครฆ่าตัวตายเมื่อครู่ก็เพื่อต้องการกระตุ้นโอรส แต่นางคาดมิถึงว่าผลลัพธ์ที่ได้จักตรงข้ามกับสิ่งที่คาดหวังเอาไว้เช่นนี้