บทที่ 468 ถล่ม
บทที่ 468 ถล่ม
“พี่ชาย ไม่ใช่ว่าพี่บอกอีกสองชั่วโมงเหรอ?”
หานเฟิงที่กำลังใช้ชุดและอุปกรณ์ระดับต่ำ เขาหันมองเซียวเฟิงที่เพิ่งเทเลพอร์ตมาที่เมืองเทียนหลงด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
อย่างที่ทราบกันแล้วว่าเมื่อเช้านี้เซียวเฟิงบอกเขาไว้ว่าจะมาช่วยเก็บเลเวลในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า แต่นี่เขากลับต้องมารอจนถึงบ่ายโมงเช่นนี้
“อะแฮ่ม…ฉันติดธุระนิดหน่อย เอาล่ะ ตอนนี้ไปกันที่เมืองแห่งความโศกเศร้าก่อน” เซียวเฟิงกระแอมไอแก้เขิน เพราะกว่าเขาจะลุกออกจากเตียงได้ก็เที่ยงเข้าไปแล้ว จะเอาอะไรมารักษาสัญญานั้นได้
“พวกเราจะไปเก็บเลเวลกันที่เขตแดนแห่งความมืดเหรอ?” หานเฟิงถาม
“เปล่า ในเมืองเทียนหลงเนี่ยแหละ แต่ฉันมีเรื่องที่ต้องไปทำที่เมืองแห่งความโศกเศร้าและที่อื่น ๆ ก่อน” นักบวชหนุ่มส่ายหน้า
เขาตั้งใจจะไปที่หุบเขากระดูกเพื่อเก็บเลเวล ยังไงเสียแผนที่นั้นก็คุ้นเคยกับเขามากที่สุดแล้ว แถมที่นั่นยังมีจำนวนมอนสเตอร์หนาแน่นอีกด้วย สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เซียวเฟิงเลือกที่นี่ก็เพราะธาตุของมอนสเตอร์ทั้งหมดนั้น เข้าทางเขาที่สุด ถึงแม้ว่าเลเวลพวกมันจะไม่สูงนัก ไม่เหมาะกับเซียวเฟิง แต่สำหรับเก็บเลเวลเพื่อเซียวหลิงและหานเฟิงแล้ว ที่แห่งนี้ถือว่าเหมาะสมมาก ๆ
อันที่จริง เซียวเฟิงอยากจะพาคิงคองมาด้วย เพราะเลเวลของเจ้าตัวเองก็ยังไม่สูงสักเท่าไหร่ ยังไงเสียในบรรดาคนที่หันมาเล่นเกม คิงคองก็ถือว่ามาทีหลังสุด ตอนนี้เขาเพิ่งจะออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นได้เท่านั้น แต่ด้วยความแข็งแกร่งของคิงคองเอง บางทีการช่วยเหลือของเซียวเฟิงก็คงไม่จำเป็นหรอก…
“พี่ชาย นายจะไปรับองค์หญิงเหรอ? ได้สิ ฉันไปด้วย!” หานเฟิงเดาจากคำพูดของเซียวเฟิง ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนอื่นไปได้ เพราะงั้นตอนนี้เขาจึงตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลย
เมื่อเทเลพอร์ตมายังเมืองแห่งความโศกเศร้ากันแล้ว เซียวเฟิงก็ยืนหยุดอยู่ที่จุดเทเลพอร์ตนั้น ครั้งนี้ซือเยี่ยจิ๋งไม่ได้มากับพวกเขาด้วย เนื่องจากเซียวเฟิงจะเป็นคนดูแลเซียวหลิงเอง ดังนั้นแม้แต่คนจากเฮลก็ไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยว
“เจ้าทาสนิสัยเสีย ชักช้าจริง ๆ!”
เซียวหลิงมาถึงที่นัดพบก่อนหน้าแล้วสองนาที และเมื่อเธอเห็นว่าเซียวเฟิงมาถึง เด็กสาวก็ดีใจจนออกนอกหน้าชนิดที่แทบจะข่มสีหน้าไว้ไม่ไหว แต่ท้ายสุดเธอก็ข่มมันได้และเปลี่ยนสีหน้าเป็นอารมณ์เสียแทน
“น้องเซียวหลิง พวกเราเจอกันอีกแล้ว!” เมื่อสิ้นแสงสว่างสีขาวลง หานเฟิงที่อยู่ด้านหลังเซียวเฟิงก็โผล่พรวดออกมาทักทายเซียวหลิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขสุด ๆ
“นะ…นายมัน ไอ้แมลงสาบน่าขยะแขยง!? ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้!? รีบ ๆ ไปให้พ้นตาฉันเลยนะ! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมองค์หญิงเซียวหลิงถึงได้กลิ่นสาบ!”
ทันทีที่เห็นหานเฟิง เซียวหลิงก็แสดงท่าทีรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง
“ระวังคำพูดหน่อย ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้หรอกนะ” เซียวเฟิงย้ำเตือน
หานเฟินรีบยกมือขึ้นปิดปากตนอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจเรื่องนี้ดีและเปลี่ยนไปเยินยอเซียวหลิงแทน ชายหนุ่มพยายามอย่างมากจนในที่สุดเซียวหลิงก็ยอมไม่ไล่เขาออกไปและสะบัดผมทวินเทลสีบลอนด์ก่อนจะเชิดหน้าหนีไม่สนใจแทน
หลังจากที่รอมาราว ๆ สองนาที ในที่สุดพวกเขาก็น่าจะได้เริ่มเดินทางไปเก็บเลเวลได้เสียทีหลังจากคนครบปาร์ตี้แล้ว ขืนเสียเวลามากกว่านี้มันจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายเอา
ดูเหมือนว่าหุบเขากระดูกนี้จะไม่ค่อยมีผู้เล่นแวะเวียนเข้ามาสักเท่าไหร่ เพราะงั้นจำนวนมอนสเตอร์ในแผนที่นี้จึงมีปริมาณในระดับที่มหาศาลเลยทีเดียว หากคุณเผลอไปล่อเป้าพวกมันเพียงตัวเดียว คุณจะได้พวกมันมาเป็นฝูง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นหายนะสำหรับผู้เล่นทั่วไปมาก ๆ ต่อให้พวกเขามาเป็นปาร์ตี้เล็ก ๆ ก็ตาม
อนึ่ง ก็เพราะมอนสเตอร์ประเภทอันเดดนั้นมีอัตราการดร็อปของที่ค่อนข้างต่ำ ถึงจะดร็อปส่วนใหญ่ก็เป็นของระดับต่ำ ๆ แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย ของบางชิ้นมีค่าน้อยกว่ายาที่ถูกที่สุดในเกมเสียอีก เพราะแบบนี้มันเลยไม่ล่อตาล่อใจให้กิลด์ใหญ่ ๆ ส่งคนมาเคลียร์มอนสเตอร์ในเขตนี้แต่อย่างใด
แม้แต่มอนสเตอร์ประเภทสัตว์อสูรยังดร็อปของที่มีมูลค่ามากกว่านี้เลย ไหนจะเหรียญทองที่ได้มากกว่าอีก จากการที่เซียวเฟิงมาเก็บเลเวลจากที่นี่อยู่หลายครั้ง มันก็เป็นที่มั่นใจแล้วว่า นอกจากชุดเซตระดับเงินที่ถือว่าเป็นของที่ล้ำค่าที่สุดในแผนที่แล้ว ที่นี่ไม่มีของอย่างอื่นอยู่เลยจริง ๆ เป็นดินแดนที่ไม่มีทางดร็อปของระดับสูงเลย!
เพราะแบบนี้ความนิยมของหุบเขากระดูกจึงค่อนข้างต่ำ ต่อให้เป็นกลุ่มผู้เล่นที่หลงเข้ามาในนี้ พวกเขาก็ไม่เลือกที่จะอยู่แช่แป้งที่นี่นานด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เมืองเทียนหลงยังถือเป็นเขตปกครองของกิลด์มิดซัมเมอร์ จึงทำให้ไม่มีกิลด์หลักกิลด์อื่นสามารถส่งคนมาเคลียร์มอนสเตอร์ในแผนที่นี้ได้ แถมผู้เล่นส่วนใหญ่ก็มีเลเวลสูงเกินกว่ามอนสเตอร์ละแวกนี้ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ ยามที่เซียวเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่หุบเขาแห่งนี้ เหล่าโครงกระดูกปริมาณมหาศาลจึงพากันมาต้อนรับพวกเขาอย่างโหยหาในทันที
“ฟู่ว…”
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปยังกลุ่มก้อนของความวุ่นวายที่กำลังถาโถมเข้ามาจากทางด้านหน้า คลื่นกระดูกลูกใหญ่นี้อาจจะทำให้ผู้เล่นทั่วไปหวาดกลัวกับปริมาณของมอนสเตอร์ที่รวมตัวกันมาได้ แต่กับเซียวเฟิงนั้นไม่
ไม่มีอะไรที่เซียวเฟิงชื่นชอบไปกว่าคลื่นกระดูกขนาดมหึมาตรงหน้านี้อีกแล้ว เพราะพวกมันกำจัดง่ายที่สุด เมื่อเห็นพวกมันเคลื่อนที่เข้ามาหาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ มันกลับทำให้เซียวเฟิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“เหวอ! มีแต่ตัวประหลาดเต็มไปหมดเลย! น่าขยะแขยงชะมัด!” เซียวหลิงมองไปรอบ ๆ เธอเริ่มตระหนักได้ถึงคลื่นกระดูกที่กำลังโถมเข้ามาและรีบวิ่งไปหลบด้านหลังเซียวเฟิงก่อน
“นายท่าน พวกเราเคยมาที่นี่กันก่อนแล้วหรือเปล่านะ?” หานเฟิงเองก็มองรอบ ๆ เช่นเดียวกับเซียวหลิง เขารู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ ถ้าจำไม่ผิด ครั้งหนึ่งเซียวเฟิงจะเคยขอให้มาช่วยกำจัดบอสผูิพิทักษ์ปราสาทใต้พิภพเมื่อนานมาแล้ว และทางเข้าปราสาทใต้พิภพนั้นต้องเดินผ่านภูเขากระดูกลูกนี้ไป
เพราะที่นี่มีคลื่นอันเดดกระดูกพวกนี้อยู่กันหนาแน่นจนเหมือนเป็นปราการธรรมชาติอยู่แล้ว มันเลยทำให้ผู้เล่นทั่วไปยากมากที่จะฝ่ามันเข้าไปได้ แผนที่ปราสาทใต้พิภพจึงกลายเป็นแผนที่ระดับสูงที่ถูกซ่อนไว้ในแผนที่ระดับกลางเช่นนี้ได้จนถึงปัจจุบัน
“เจ้าทาสนิสัยเสีย พวกเราจะเก็บเลเวลกันที่นี่จริง ๆ เหรอ? องค์หญิงเซียวหลิงไม่ชอบที่นี่เลยนะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันแปลกไปหมดเลย แถมบรรยากาศยังทำให้ผิวขององค์หญิงขึ้นผื่นด้วยนะ!”
หนิงเคอเค่อที่มาด้วยแทบจะหมดสติไปแล้ว เธอหลับตาตลอดเวลาตั้งแต่เห็นคลื่นสีขาวที่เกิดจากกองทัพโครงกระดูก โชคยังดีที่เซียวหลิงลากเธอไปหลบหลังเซียวเฟิงด้วย
“ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่ถึงนาทีพวกมันก็หายไปแล้ว” เซียวเฟิงหันไปปลอบสองสาว และเพื่อไม่ให้เสียเวลา เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าและตะโกนเสียงดังทันที
“เสี่ยวไป๋!”
วงแหวนอัญเชิญสีขาวปรากฏขึ้นข้างกายเซียวเฟิง ก่อนที่ร่างของเด็กสาวตัวเล็กผมสีเงินจะเดินออกมาจากวงแหวนนั้น เธอสวมชุดเกราะและกระโปรงเหล็กกล้าสีเงินสว่างไสวเปล่งประกาย ใบหน้าขาวผ่องและละเมียดละไมนิ่งมองตรงไปยังด้านหน้า แต่ทันทีที่เธอได้หันมาเห็นเซียวเฟิง สีหน้านิ่งเฉยก็เปลี่ยนเป็นมีความสุขสุด ๆ เด็กสาวรีบเดินเข้ามาหาเขาและจับมือไว้เหมือนอย่างที่ทำตลอด
“เสี่ยวไป๋!”
เซียวหลิงเองก็ดีใจ เธอวิ่งเข้าไปกอดคอเสี่ยวไป๋อย่างรวดเร็วพร้อมกับลูบหัวเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายจนผมสีเงินยุ่งเหยิงไปหมด
“ไว้ค่อยเล่นกันทีหลังนะ เสี่ยวไป๋ จัดการพื้นที่แถวนี้ที”
เซียวเฟิงขัดจังหวะการพบกันของเด็กสาวทั้งสอง เขาชี้นิ้วไปตรงคลื่นโครงกระดูกที่กำลังโถมเข้ามาก่อนจะพูด
ชิ้ง!
นางฟ้าตัวน้อยเข้าสู่โหมดต่อสู้ทันที กระโปรงสีเงินที่เป็นเกราะเหล็กนั้นยืดยาวออกมา รวมถึงข้อต่อต่าง ๆ ก็มีชุดเกราะปรากฏขึ้นมาด้วย ใบหน้าอันงดงามถูกปิดบังไว้ครึ่งหนึ่งด้วยหน้ากากเหล็ก
ในขณะเดียวกัน แสงศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องสว่างจ้าออกมาจากในมือเล็ก ๆ นั้นก่อนที่มันจะกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มโต ปีกทั้งหกข้างสยายออกจากกลางหลัง ปีกเหล่านั้นกระพือพร้อม ๆ กันและพาเสี่ยวไป๋ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าเหนือหุบเขากระดูก
วิวจากมุมสูงทำให้เด็กสาวสามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ทั้งหมด เธอยกดาบขึ้นมาถือให้มั่นด้วยสองมือ จากนั้นก็ตวัดดาบรุนแรงหนึ่งครั้งใส่พื้นที่เป้าหมาย!
ซู่ม!
คลื่นโจมตีจากดาบของเสี่ยวไป๋ ทำให้หุบเขากระดูกทั้งลูกเสมือนถูกไฟป่าลุกไหม้ แสงศักดิ์สิทธิ์อาบชโลมไปทั่วทุกแห่งหนจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย!
มีเพียงเซียวเฟิงเท่านั้นที่รู้แจ้งชัดเจนว่าเสี่ยวไป๋ใช้สกิลการชำระล้างศักดิ์สิทธิ์ เพราะสกิลดังกล่าวเป็นสกิลที่ใช้ในการรักษา เขาสามารถรับรู้ถึงสกิลนี้ได้เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่ต่อให้ไม่เห็นก็น่าจะรู้สึกได้ว่าตนเองได้รับการรักษาหากพวกเขาพลังชีวิตขาดหายไปบางส่วน
เป้าหมายหลักของเสี่ยวไป๋นั้นคือกองทัพโครงกระดูกสีขาวนับไม่ถ้วน และในตอนนี้พวกมันทั่วทั้งภูเขากระดูกต่างก็กำลังถูกเผาไหม้ไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อยู่!
-14,040! คริติคอล!
-14,040! คริติคอล!
-14,040! คริติคอล!
…
เพียงวินาทีเดียวที่แสงศักดิ์สิทธิ์ได้อาบชโลมหุบเขากระดูก ตัวเลขสีแดงก็ปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมหาศาล พวกมันคือตัวเลขแสดงความเสียหายที่เสี่ยวไป๋สร้างไว้ที่เป็นความเสียหายแบบคริติคอลทุกตัวเลยด้วย!
และด้วยความเสียหายเหล่านี้ มันทำให้มอนสเตอร์เลเวล 20 และ 30 ต่างพากันถูกกำจัดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว สิ่งนี้ต่อให้เสี่ยวไป๋จะระดับต่ำกว่านี้มันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะยังไงเสีย เธอก็เป็นเผ่าพันธุ์นางฟ้า เผ่าพันธุ์คู่อาฆาตของอันเดธมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว! ดังนั้นการโจมตีของเธอจึงรุนแรงกับมอนสเตอร์พวกนี้เอาเสียมาก ๆ
[เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของท่านได้ทำการกำจัด…สำเร็จ ท่านได้รับค่าประสบการณ์…]
[เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของท่านได้ทำการกำจัด…สำเร็จ ท่านได้รับค่าประสบการณ์…]
[เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของท่านได้ทำการกำจัด…สำเร็จ ท่านได้รับค่าประสบการณ์…]
เสียงของระบบประกาศติดต่อกันหลายครั้ง เกี่ยวกับเรื่องค่าประสบการณ์ที่ได้รับ ซึ่งในขณะเดียวกัน ที่ด้านหลังของเซียวเฟิง ก็มีกลุ่มแสงของผู้ที่ได้รับการเลเวลอัปส่องสว่างขึ้นมารัว ๆ
วิ้ง!!!
ทั้งเซียวหลิงและหนิงเคอเค่อ ต่างก็เลเวลอัปกันขั้นต่ำก็ 10 เลเวล แม้พวกเธอจะเลเวลไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหานเฟิงที่เหมือนได้เริ่มต้นเล่นเกมใหม่จะเลเวลเพิ่มขึ้นสูงขนาดไหน!
แสงสว่างสีขาวที่เปล่งจากตัวเขายังคงไม่หยุดหย่อน และนับจากแสงที่สว่างเหมือนไฟกะพริบนั้นแล้ว เป็นไปได้ว่าขั้นต่ำของเขาก็น่าจะมีสัก 20 เลเวลได้!
เพราะขนาดเซียวเฟิงที่แถบค่าประสบการณ์เลเวล 47 ของเขานั้นจุได้มากกว่าคนเหล่านี้ ก็ยังเกือบจะเลเวลอัปด้วยเหมือนกัน!
แสงศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างจ้าทั่วทั้งหุบเขากระดูกจางหายไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับแสงสว่างบนตัวเซียวหลิงและคนอื่น ๆ ก็หยุดเปล่งแสงไปแล้วด้วย เพราะงั้นพวกเขาถึงได้มีเวลาหันมาสนใจบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเสียที ซึ่งพลันเมื่อทั้งสามเห็นสภาพของหุบเขากระดูกตอนนี้ พวกเขาก็ชะงักกันไปทันที!
คลื่นกระดูกสีขาวขนาดมหึมาก่อนหน้านี้ได้อันตรธานหายไปแล้ว หุบเขากระดูกที่ซึ่งเป็นแผนที่ระดับกลางในตอนนี้นั้น นอกจากจะถูกปกคลุมไปด้วยเถ้ากระดูกของอันเดดกลุ่มเมื่อครู่จนกลายเป็นทะเลทรายสีขาวที่กำลังเปล่งแสงแล้ว บนกองเถ้ากระดูกพวกนี้ก็มีอุปกรณ์และเหรียญทองมากมายตกอยู่ด้วย
“น่าเสียดายจัง” เซียวเฟิงส่ายหน้าและถอนหายใจ เขาเสียดายที่พวกตนไม่มีเวลาว่างขนาดมาเก็บเหรียญทองและอุปกรณ์ที่ตกเต็มพื้นเหล่านี้ ซึ่งมองด้วยตาแล้วน่าจะมีอย่างน้อย ๆ ก็หมื่นเหรียญเลยทีเดียว และถ้าหากแปลงมันเป็นเงินจริง ก็จะมีมูลค่าสูงมากถึงสิบล้านหยวน! นี่ยังไม่นับรวมอุปกรณ์ที่ฝากร้านค้ามหาสมบัติขายได้อีกด้วยนะ
“สะ…สุดยอดไปเลย…” หานเฟิงตกตะลึงกับภาพที่เห็น เขาไม่สามารถละมือลงจากการปิดปากตนไว้ได้เลย
“เจ้าทาสนิสัยเสียนั่นแข็งแกร่งสุด ๆ ไปเลยนี่นา…ไม่สิ! นี่มันเป็นพลังของเสี่ยวไป๋ต่างหาก!” เซียวหลิงรีบเปลี่ยนคำพูดในตอนท้ายและพูดด้วยเสียงเบาลงเพื่อย้ำเตือนว่าเซียวเฟิงไม่ได้เก่งถึงขนาดนี้
ในส่วนของหนิงเคอเค่อ เธอจับจ้องไปยังทะเลทรายสีขาวตรงหน้า ก่อนจะวิ่งเข้าไปแล้วเริ่มเก็บเอาเหรียญทองพวกนั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน มะ…เมื่อกี้นี้มันน่ากลัวสุด ๆ ไปเลย! ฉันเลเวล 33 ได้เพียงอึดใจเดียว! นะ…นะ…นี่มัน…นี่มันพลังของอันดับ 1 แห่งเซิร์ฟเวอร์! อันดับ 1 นี่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริง ๆ!”
หานเฟิงที่เริ่มได้สติหันมายิ้มเจื่อน ๆ และกล่าวเยินยอเซียวเฟิงจากใจจริง
“ก็แค่พลังของสัตว์เลี้ยงน่า” เซียวเฟิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่ใช่พวกหลงตัวเองจากคำเยินยอ ถึงแม้ว่าหากไม่มีเสี่ยวไป๋ เรื่องนี้เขาก็ทำได้สบาย ๆ ก็ตาม เพราะยังไงเขาก็สามารถขี่เสี่ยวเสวียขึ้นไปบนฟ้าแล้วสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ ถ้อยคำแห่งเงาและสกิลฮีลลงมาพร้อม ๆ กันได้ ด้วยค่าสถานะต่าง ๆ ของเขาผนวกกับพลังของชุดเกราะมังกร เพียงแค่สามสกิลนี้ ก็น่าจะจัดการมอนสเตอร์บนหุบเขากระดูกได้หมดแล้ว
“เคอเค่อ ไม่ต้องเก็บหรอก เราจะไปอีกด่านกันแล้ว”
เซียวเฟิงไม่อยากจะเสียเวลา เขาจึงเรียกหนิงเคอเค่อที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บเหรียญทองกลับมาเพื่อที่จะได้พาทั้งหมดไปยังด่านมหาสุสานใต้พิภพต่อ