กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ ตอนที่ 84 ผู้ชนะเป็นจ้าว
ตอนที่ 84 ผู้ชนะเป็นจ้าว
เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เทียนซิงสาธยาย จี้หรูเฟิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะอ อกมาดังลั่นและคํารามราวกับคนบ้า “ผายลม !”
“เจ้าคิดว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ากับบิดามีอะไรดีไปกว่าข้า ? ข้าเป็นบุตรคนที่สองของอดีตประมุข ตําแหน่งประมุขควรเป็นของข้าไม่ใช่มันและไม่ใช่เจ้า !”
“เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะจี้ชางคงที่พรากทุกสิ่งไปจากข้า มันเอาของที่ควรเป็นของข้าไป ! ต้นเหตุคือมัน !”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้ว นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเย็นเยือก “จี้หรูเฟิง เจ้ามันเสียสติไปแล้ว! อย่าได้พร่ำเพ้อไร้สาระอีก มู่ซานจัดการมันซะ”
ปูซานพยักหน้าและกระโดดปราดขึ้นไปบนฟ้าและชัดคลื่นกระบี่เข้าหาจี้หรูเฟิงทันที เหล่ายอดฝีมือของหอเงากระบี่ทั้งแปดคนต่างก็ปิดล้อมผู้คุ้มกันทั้งสี่ของจี้หรูเฟิงเช่นกัน
ทันใดนั้นภายในรัศมี 20 เมตร ลําแสงกระบี่และคลื่นกระบี่หัวพันเปล่งประกายไปทั่วทั้งบริเวณสะท้อนแสงของดวงจันทราบนฟากฟ้า
คลื่นกระบี่ของเหล่ายอดฝีมือเปล่งประกายชักนําสายลมอันรุนแรงและดุร้ายแผ่ขยายไปทั่ว ต้นไม้ ก้อนหิน พัดพลิ้วปลิวกระจาย
หลังจากการระเบิดอันรุนแรงของคลื่นกระบี่หลายต่อหลายสายได้ไม่นาน การต่อสู้ก็จบลง
เหล่าผู้คุ้มกันที่ซื่อสัตย์ของจี้หรูเฟิงแม้จะมีความแข็งแกร่งในเขตแดนเชื่อมปราณขั้นที่ 2 แต่ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งเหล่ายอดฝีมือของหอเงากระบี่ได้
ทั้งสองฝ่ายประมือกันเพียงไม่กี่กระบวนและผู้คุ้มกันทั้งสี่ก็ถูกสังหารด้วยน้ำมือของหอเงากระบี่ พวกมันจมลงในแอ่งเลือดและทอดร่างเป็นศพอยู่ ณ ที่นี้
ส่วนจี้ห่าวยิ่งแล้วใหญ่ มันไม่สามารถรับได้แม้แต่กระบี่เดียว สุดท้ายก็ถูกแทงเข้าที่กลางอกในระหว่างชุลมุนและสิ้นใจตายทันที
จี้หรูเฟิงยังมีชีวิตอยู่ แต่มันก็เต็มไปด้วยบาดแผลกระบี่ทั่วร่างกระบี่หลุดมือและถูกกระบี่พาดศีรษะเอาไว้
จี้เทียนซิงค่อยๆเดินเข้ามาด้วยแววตามืดมนและกล่าวว่า “จี้หรูเฟิง มีอะไรจะสั่งเสียก็พ่นออกมาซะ !”
จี้หรูเฟิงผมเผ้ารุงรังเป็นคนบ้า ใบหน้าเปื้อนเลือดแต่แววตายังไม่ยอมสยบ มันคํารามอย่างบ้าคลั่ง “ฮึๆๆ ฮ่าๆๆ จี้เทียนซิง ! แม้วันนี้ข้าจะตาย แต่เจ้าก็อยู่ไม่ได้นานไปกว่าข้าหรอก เจ้าจะถูกฝังหลังจากนี้ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะรอเจ้าอยู่ในนรก จนกว่าคนๆหนึ่งจะแก้แค้นให้ข้า ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ…”
หลังจากกล่าวจบจี้หรูเฟิงก็หัวเราะเสียงดัง
“สั่งเสียจบก็ไปนรกได้แล้ว !”
จี้เทียนซิงตะโกนอย่างเย็นชาแล้วแทงกระบี่เจาะไปที่คอของอีกฝ่าย
ฉึก !
ทันใดนั้นจี้หรูเฟิงก็สิ้นลมหายใจ ดวงตาของมันเปิดกว้างและร่างกายล้มลงกับพื้น
ภูเขาสงบลงและสายลมยามราตรีก็พัดพากลิ่นคาวเลือดให้จางหายไป
“จัดการศพทั้งหมดด้วย”
จี้เทียนซิงออกคําสั่งกับมู่ซานจากนั้นก็เดินไปที่ร่างไร้วิญญาณของจี้ห่าว
ในระหว่างที่เขาตามล่าสองพ่อลูกคู่นี้ เขารู้สึกแปลกๆเนื่องจากจี้ห่าวมีท่าทางหวาดกลัวเขามากและไม่พูดอะไรแม้แต่คําเดียวจนกระทั่งตกตาย
เขารู้สึกผิดสังเกตอีกข้อและพบว่าส่วนสูงของจี้ห่าวนั้นผิดขนาดไปจากความทรงจําของเขา ทั้งหมดนี้ทําให้จี้เทียนซิงคลางแคลงใจและสังหรณ์ไม่ดี จี้ห่าว “คนนี้” ย่อมมีปัญหาแล้ว
เขาเดินมาที่ศพของจี้ห่าวและใช้ปลายกระบี่เขี่ยปัดผมที่ปิดบังใบหน้าของมันออก จากนั้นก็เพ่งพินิจใบหน้าของมันอย่างละเอียด
หลังจากนั้นไม่นานจี้เทียนซิงก็เห็นเบาะแสและขมวดคิ้วทันทีพลางตะโกนออกมาว่า “ปูซาน เจ้าลองตรวจสอบศพของจี้ห่าวดูหน่อย”
ปูซานเข้าใจในทันทีว่าจี้เทียนซึ่งหมายถึงอะไร เขาพยักหน้าและตรวจสอบใบหน้าของจี้ห่าวอย่างรวดเร็ว
เขาเหยียดนิ้วสองนิ้วออกไปแล้วแตะคลําทั่วใบหน้าของจี้ห่าวอยู่ครู่หนึ่งจนเจอจุดผิดปกติ จากนั้นก็ออกแรงกระชากใบหน้าจนหน้ากากหนังมนุษย์หลุดลอกออกไป
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าดําคล้ำและสามัญธรรมดาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
จี้เทียนซึ่งมองไปที่ใบหน้าแปลกตานั้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเย็นชา “ที่แท้ก็ตัวปลอม !”
“สารเลวจี้หรูเฟิง มันหาคนมาปลอมตัวเป็นจี้ห่าวมาหลอกเรา!”
ปูซานรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นและกล่าวขอขมา “คุณชายเป็นมู่ซานเองที่ประมาทเลินเล่อจนปล่อยให้จี้ห่าวมีโอกาสหลบหนี ขอคุณชายให้โอกาสข้าทําคุณไถ่โทษ ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบจนลากจี้ห่าวตัวจริงกลับมาให้ท่านลงโทษ !”
จี้เทียนซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า “เรื่องนี้ล่าช้าไม่ได้รีบส่งยอดฝีมือติดตามมันไปทันที ! จดจําไว้ พามันกลับมาแบบยังมีชีวิต ข้ามีเรื่องต้องคุยกับมัน”
“รับบัญชา !”
ปูซานรับคําและจัดแจงผู้คนเริ่มออกตามล่าตัวจี้ห่าวในทันที
หลังจากที่สั่งการเสร็จเรียบร้อย บรรดาศพในที่เกิดเหตุก็ถูกพวกเขาจัดการเสร็จสิ้นเช่นกัน
จากนั้นจี้เทียนซิงก็ลงจากเขาพร้อมกับทุกคนและเดินทางกลับเมือง
ตอนเที่ยงวันถัดมา ณ ห้องโถงใหญ่ตระกูลจี้
จี้เทียนซิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตําแหน่งประมุข วันนี้เขาต้องเก็บกวาดปัญหาภายในและจัดระเบียบตระกูลจี้ใหม่ทั้งหมด
มู่ซานกุมกระบี่และยืนอยู่ข้างๆเขาด้วยใบหน้าดําทะมันราวกับพร้อมที่จะสับสังหารผู้คนได้ทุกเวลา
ทั้งสองข้างของห้องโถงยืนเรียงรายไว้ด้วยผู้อาวุโสใหญ่จี้ต้าเจียงรวมถึงสมาชิกนอกตระกูลและผู้อาวุโสรวมไปถึงผู้บริหารอีกหลาย คน
ส่วนผู้อาวุโสจี้ชางเหอและบรรดาตัวแทนตระกูลสาขาทั้ง 5 กําลังถูกจับให้นั่งคุกเข่าอยู่กลางห้องโถงด้วยคนของหอเงากระบี่
จี้เทียนซิงหยิบบันทึกความผิดทั้งหมดของพวกเขาออกมาอ่านเผยแพร่พร้อมทั้งประกาศบทลงโทษ
“ริบคืนตําแหน่งของหัวหน้าตระกูลสาขาทั้ง 5 ตรวจสอบสมาชิกทั้งหมดของตระกูลสาขาทั้ง 5 และขับพวกมันออกจากตระกูลจี้ ลบชื่อจากลําดับวงศ์ตระกูลให้หมด !”
นับจากนี้ไป หัวหน้าตระกูลสาขาทั้งห้าคนนี้ไร้ที่พักพิงอีกแล้ว หากไม่มีตระกูลจี้คุมกะลาหัว พวกมันรวมไปถึงบรรดาญาติมิตรเป็นเพียงขอทานข้างถนน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันทั้งหมดถูกขับไล่ออกจากตระกูลและถูกปลดออกจากลําดับวงศ์ตระกูล หลังจากตายก็ไม่สามารถเก็บสังขารไว้ในห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลจี้อีกด้วย กล่าวได้ว่านับจากนี้ไปไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลจี้อีกแล้ว !
นี่เป็นบทลงโทษที่สมเหตุสมผลที่สุดสําหรับพวกมันอย่างแน่นอน!
ผลที่ตามมาจากการประกาศบทลงโทษของจี้เทียนซิงนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นดั่งอสนีบาตฟาดกลางจิตวิญญาณของพวกมัน พวกมันอ้าปากค้างดวงตาเบิกกว้างและมีสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเห็นผี
หลังจากดึงสติกลับมาได้แล้ว หัวหน้าตระกูลสาขาทั้ง 5 ก็สติแตกโดยสิ้นเชิง พวกมันโขกศีรษะขอขมาและร้องไห้ขอความเมตตาต่อจี้เทียนซิง
พวกมันทําได้อยู่สองสิ่งในตอนนี้ ร้องไห้และขอความเมตตา
อย่างไรก็ตาม คําพูดและความคิดชั่วร้ายของพวกมันที่ผลักไสจี้เทียนซิงให้ไปตายในแดนต้องห้ามของตระกูลนั้นยังสดใหม่อยู่ในใจของเขา เขาจะให้อภัยพวกมันได้อย่างไร ?
ในช่วงเวลานั้นหัวหน้าตระกูลสาขาทั้ง 5 ต่างก็พยายามเข้าข้างช่วยจี้หรูเฟิงยึดอํานาจและกดดันจี้เทียนซิงอยู่หมาดๆ พอวันนี้จี้หรูเฟิงตกตาย พวกมันกลับมาคุกเข่าขอร้อง ?
ทุกวันนี้จี้เทียนซึ่งไม่ใช่คุณชายผู้อ่อนโยนและใจอ่อนง่ายๆอีกต่อไป แม้พวกมันจะคุกเข่าขอความเมตตาอย่างน่าอดสูเพียงใดก็ตาม !
หลังจากจัดการสมาชิกตระกูลสาขาทั้ง 5 แล้ว จี้เทียนซิงก็จัดการกับอาวุโสสาม จี้ชางเหอเป็นคิวต่อไป
“ผู้อาวุโสสามจี้ชางเหอสมคบคิดกับอาวุโสสองจี้หรูเฟิง ยักยอกทรัพย์ของตระกูลเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างชั่วช้า”
“จี้ชางเหอ ถึงแม้เจ้าจะมีความผิดมหันต์แทบไม่ต่างกับจี้หรูเฟิง แต่เห็นแก่ที่เจ้าเป็นพี่ชายของบิดาข้าและมีศักดิ์เป็นลุงของข้า ข้าจะลงโทษเจ้าสถานเบา”
“นับจากนี้ไปข้าขอสั่งในฐานะประมุข ริบคืนศักดิ์ฐานะและตําแหน่งทั้งหมดของจี้ชางเหอ ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซงกับกิจการใดๆของตระกูลจี้ นอกจากนี้ กักบริเวณจี้ชางเหอไว้ในจวนของตัวเอง ห้ามออกไปไหนเด็ดขาดชั่วชีวิต !”
หลังจากจี้เทียนซิงประกาศบทลงโทษทั้งหมดของจี้ชางเหอแล้ว เขาก็ถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “จี้ชางเหอ เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่ ?”
ในขณะนี้จี้ชางเหอไม่ได้มีสีหน้าเย่อหยิ่งสูงส่งเหมือนเมื่อหลายวันก่อนอีกต่อไป ผมเผ้ารุงรัง ดวงตาว่างเปล่าเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความโกรธแค้น
มันเงยหน้าขึ้นมองจี้เทียนซิงและแสยะยิ้มเย้ยหยันพลางกล่าวว่า
“เหอๆ จี้เทียนซิง ผู้ชนะเป็นจ้าว ผู้แพ้เป็นขี้ข้า หากสลับตําแหน่งกันในตอนนี้ข้าก็จะทําแบบเดียวกับเจ้า ดังนั้น ข้าไม่มีอะไรจะพูด !”
“ข้าเพียงคาดไม่ถึงว่าเจ้ายังเห็นข้าเป็นลุง ทั้งๆที่ลงโทษข้าอย่างร้ายแรงเช่นนี้ เหอะ !”
“เจ้าเป็นเพียงชายหนุ่มอายุ 17 ปีเท่านั้นแต่เจ้ากลับเต็มไปด้วยความเด็ดขาดและโหดเหี้ยม !”