ตอนที่ 83 ล้างบาง

 

จี้เทียนซิงกลับถึงตระกูลจี้ล่าช้าเนื่องจากหยุดสนทนากับหยุนเหยาเมื่อเขากลับมาถึงก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว

 

ในเวลานี้ ข่าวที่เขาเอาชนะองค์ชายจี้หลิงจนได้อันดับหนึ่งนั้นแพร่กระจายไปแล้วทั่วทั้งเมือง

ภายในตระกูลจี้ย่อมได้รับข่าวนี้แต่แรกเช่นกันสมาชิกภายในตระกูลจํานวนมากต่างก็ตื่นเต้นยินดีกันยกใหญ่

 

ทันทีที่ขี้เทียนซิงสาวเท้าเข้ามาในตระกูล พ่อบ้านก็พาสมาชิกตระกูลจี้จํานวนมากมารอคารวะด้วยความเคารพ

 

การได้มีโอกาสเห็นหน้าจี้เทียนซิงก็ทําให้ทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่เบิกบานเขาสนทนากับสมาชิกเหล่านั้นไม่กี่คนจากนั้นก็จากไป

หลังจากกลับมาถึงจวนของตัวเองเขาก็ส่งสาสน์ถึงรองหัวหน้าซานเพื่อเตรียมหารือเรื่องใหญ่ทันที

 

การทดสอบคัดเลือกเข้านิกายหนุนสวรรค์ได้สิ้นสุดลงแล้วและเขาก็ประสบความสําเร็จตามที่หวังด้วยการคว้าอันดับหนึ่งจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว

บัดนี้ได้เวลาสะสางปัญหาของตระกูลจี้แล้ว !

 

หลังจากนั้นไม่นานมูซานก็รีบเข้ามาที่จวนของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วดั่งสายลมและเอ่ยปากทักทาย

“คารวะคุณชายน้อย !”

จี้เทียนซิงโบกมือให้ฝ่ายเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องมากพิธีจากนั้นก็เอ่ยปากถามด้วยท่าทางที่สง่างามว่า “มูซานอาวุโสสองจี้หรูเพิ่งอยู่ในตระกูลหรือไม่”

ปูซานรีบรายงานอย่างรวดเร็วและตรงประเด็น “เรียนคุณชายเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนจี้หรูเพิ่งและบุตรชายของมันจี้ห่าวได้หลบหนีออกจากเมืองจักรวรรดิอย่างลับๆไปแล้วขอรับ !”

“แต่ว่า หากนายน้อยมีความประสงค์ ข้าจะรีบสั่งการเหล่าพี่น้องให้รีบติดตามพวกมันทันที”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้ว นัยน์ตาของเขาทอประกายเย็นชา “ข้าไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจี้หรูเฟิงกับจี้ห่าวจะหนีไป !”

“ตอนนี้ข้าเป็นประมุขผู้กุมอํานาจเบ็ดเสดในตระกูลอีกทั้งยังเป็นผู้ผ่านการทดสอบด้วยอันดับหนึ่งข้าเป็นศิษย์ของนิกายหนุนสวรรค์แล้วจี้หรูเพิ่งไม่อยู่ในสายตาข้าอีกต่อไป”

 

“ข้าสั่งให้มันอยู่แต่ในบ้านเพื่อเตรียมหาจังหวะเหมาะๆลงโทษในความผิดของมันต่อหน้าสาธารณะชนแต่มันกลับหนีไปพร้อมกับจี้ห่าวเสียได้ !”

 

มูซานรีบหยิบปีกกระดาษออกมาจากแขนเสื้อพร้อมกับขวดหยกขนาดเล็กขวดหนึ่งส่งมอบให้กับจี้เทียนซิงพลางกล่าวว่า “คุณชายนี่คือหลักฐานบางส่วนที่ข้าพบในห้องลับของอาวุโสสองโปรดตรวจสอบพวกมันดู”

 

จี้เทียนซึ่งรับสิ่งของทั้งสองมาและเพ่งพินิจ กระดาษพวกนั้นบันทึกข้อความลับระหว่างจี้หรูเฟิงกับองค์ชายจี้หลิงและใบเสร็จการซื้อขายอาวุธ

 

ส่วนขวดหยกขนาดเล็กนั้นมีผงยาอยู่ครึ่งขวดที่ยังใช้ไม่หมดจี้เทียนซิงสงสัยมานานแล้วว่ามีคนในตระกูลจี้ที่แอบวางยาพิษชางคงอย่างลับๆซึ่งนําไปสู่การพลาดพลั้งเสียทีให้แก่หลิงซื่อไห่ในวันที่พวกมันมาบุกตระกูลจี้

เมื่อตอนนี้ได้เห็นผงพิษที่เหลืออยู่ครึ่งขวด ในที่สุดจี้เทียนซิงก็ฟันธงได้แล้วว่า ผู้ที่วางยาพิษบิดาของมันก็คือจี้หรูเฟิง !

“ได้ข้อสรุปในแผนการทั้งหมดของมันเสียที ! จี้หรูเฟิงครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้ด้วยเลือด !”

จี้เทียนซิงแค่นเสียงต่ําด้วยโทสะและสั่งการออกไปทันที “มู่ชานเจ้าสั่งการให้ยอดฝีมือสักหลายคนจับตาดูเหล่าผู้บริหารระดับสูงของตระกูลอย่าให้พวกมันหนีไปได้แม้แต่คนเดียว !”

 

“ส่วนตัวเจ้า รีบไประดมคนมาติดตามข้าไปตามล่าจี้หรูเฟิงข้าจะล่ามันด้วยตัวเอง !”

 

“รับบัญชา !”

มู่ซ่านดีดปราดออกไปจากห้องทันทีและเรียกระดมเหล่ายอดฝีมือของหอเงากระบี่

สวนจี้เทียนก็ออกจากจวนของตัวเองขึ้นหาม้าและยืนรอมูซานวันนี้เขาสูญเสียพลังไปไม่น้อยจากการประลองแต่ทว่าอีกไม่นานเขาจะออกจากตระกูลเพื่อไปยังนิกายหนุนสวรรค์ดังนั้นเขาต้องรีบสะสางทุกเรื่องในตระกูลให้จบโดยเร็ว

 

หากปล่อยจี้หรูเพิ่งไปตอนนี้ ยามที่มันหวนกลับมาจะไม่มีใครคอยหยุดความทะเยอทะยานของมันได้ จี้เทียนซิงจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าวันนี้จหรูเพิ่งต้องถูกกําจัด

ไม่นาน จี้เทียนซิงก็ออกจากเคหะตระกูลจี้พร้อมกับมู่ซานและบรรดายอดฝีมือของหอเงากระบี่อีก 6 คน พวกเขาทั้งหมดออกจากเมืองจักรวรรดิไปทางทิศตะวันตก

 

ระหว่างทางมูซานจะได้รับสาสน์ลับจากผู้ใต้บังคับบัญชาจนสืบทราบร่องรอยของจี้หรู่เพิ่ง

สามชั่วโมงผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

 

พระอาทิตย์ตกดิน รัตติกาลเริ่มย่างกรายเข้ามา

 

ในเวลานี้จี้เทียนซิงกับมูซานรวมไปถึงยอดฝีมืออีกหลายคนได้ตามล่าจี้หรูเพิ่งมาเป็นระยะทางกว่า 300 ไมล์ห่างจากอาณาเขตเมืองจักรวรรดิพวกเขาเข้าสู่เขตชายแดนอิ่วโจว

 

เห็นได้ชัดว่าจี้หรูเฟิงก็รับรู้ได้เช่นกันว่ามีคนกําลังไล่ล่ามันอยู่แถมยังตามมาอย่างไม่ลดละ พวกมันจึงพยายามเดินทางอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก

แต่หลังจากผ่านอีกไปหนึ่งชั่วโมง จี้เทียนซิงกับมู่ซานก็ไล่ตามทันในที่สุด

กลางคืนที่มืดมิดภายในภูเขาสูงนับพันฟุต

จี้หรู่เพิ่งและจี้ห่าวรวมไปถึงผู้คุ้มกันอีก 4 คนที่สวมชุดเกราะกําลังยืนอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งเพื่อเตรียมรับการปะทะ

สารรูปของจี้หรูเพิ่งในยามนี้ดูทุลักทุเล เสื้อผ้าอาภรณ์ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ ดวงตาส่องประกายดุร้ายราวกับสุนัขจนตรอกที่คิดสู้ตาย

 

มันชี้ปลายกระบี่และจ้องเขม็งไปที่คนของหอเงากระบี่ที่อยู่รอบๆ ส่วนจี้ห่าวหน้าดําเป็นขี้เถ้า ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดผวาและหลบซ่อนอยู่ในกลุ่มคน

คนของหอเงากระบี่ทั้ง 8 ได้กระจายตัวออกไปล้อมรอบพวกมันทุกคนและเดินเข้าหาที่ละก้าว

จี้เทียนซิงเดินเข้ามาพร้อมกับมู่ซานและยืนห่างจากจี้หรูเพิ่งสิบเมตรเขามองไปที่จี้หรู่เพิ่งด้วยแววตาเยือกเย็นและตะโกนว่า “จี้หรูเฟิงเจ้ามันชั่วช้าสามานย์นักคิดว่าจะหนีพ้นงั้นหรือ

 

จี้หรูเพิ่งจ้องกลับไปที่จี้เทียนซิงด้วยใบหน้ามืดมนและถามอย่างโกรธเกรี้ยวว่า“จี้เทียนซิง ! ข้ามาอิ่วโจวเพื่อจัดการเรื่องธุรกิจของตระกูลไฉนเจ้าถึงได้ส่งคนมาตามล่าข้า ?!”

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย จี้เทียนซิงก็หัวเราะเยาะและกล่าวว่า “จี้หรูเพิ่งเจ้าจะเสแสร้งไปจนตายเลยหรือไง ? ในเมื่อเจ้าก็เคยส่งมือสังหารมาตามล่าข้าทําไมข้าจะทําแบบเจ้าบ้างไม่ได้เล่า ?!”

“เจ้ามีเจตนาจะทําลายรากฐานของตระกูลจี้ เจ้าชักนําผู้บริหารระดับสูงให้บ่อนทําลายภายใน เจ้าวางยาพิษบิดาข้า เจ้าลักลอบนําอาวุธของตระกูลไปขายให้กับองค์ชายจี้หลิง ความผิดมหันต์ขนาดนี้สมควรตายนับสิบครั้ง !”

“จี้หรูเฟิงความผิดบาปทั้งมวลที่เจ้าก่อขึ้น ไม่ต้องรอศาลตระกูลตัดสินข้าก็สามารถปลิดชีวิตสุนัขของเจ้าได้ทันที !”

ทันใดนั้นสีหน้าของจี้หรูเฟิงก็เปลี่ยนไป ดวงตาพวยพุ่งไปด้วยโทสะและความเกลียดชัง

 

อย่างไรก็ตาม มันยังคงยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดและโต้แย้งว่า “เทียนซิงนี่เป็นการใส่ความข้างเดียวของเจ้า เจ้ากล่าวหาข้าเช่นนี้เจ้ามีหลักฐานหรือไม่ !? ไร้ซึ่งหลักฐานแต่ เจ้ากลับส่งคนของหอเงากระบี่มาฆ่าข้าเจ้ามันบ้าอํานาจไปแล้ว !”

 

จี้เทียนชิงแสยะยิ้มและโยนปักกระดาษบันทึกพร้อมกับขวดหยกไปให้อีกฝ่ายพลางกล่าวว่า “นี่ไงหลักฐานเพิ่งตาสุนัขของเจ้าดูซี

จี้หรูเพิ่งเห็นปักกระดาษและขวดหยกที่โยนมา เขารู้ได้ทันทีว่าตนเองถูกสาวไส้หมดเปลือกจนเปลือยร่อนจ้อนไปแล้ว ไม่จําเป็นต้องดูเนื้อหาและเปิดขวดหยกพิสูจน์อะไรอีกต่อไป

 

ใบหน้าของเขาเขียวคล้ําและตะโกนออกมาอย่างคับแค้นใจ “จี้เทียนซิง ข้าประมาทเด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าเกินไป ! เดิมที่ข้าคิดว่าวันนี้เจ้าจะต้องตาย ข้าวางใจจนคาดไม่ถึงว่าขยะอย่างเจ้าจะผงาดขึ้นมาได้อีกครั้งจนเอาชนะองค์ราชาไปได้ ข้าเสียใจและแค้นใจที่สุดที่ไม่ยอมหักใจสังหารเจ้าแต่เนิ่นๆจนปล่อยให้เจ้าปักกล้าขา แข็งขนาดนี้ !”

 

“หากไม่มีเจ้าสักคนมาคอยทําลายแผนการ ตําแหน่งประมุขตระกูลจี้ควรจะตกเป็นของข้าไปนานแล้ว !”

ใบหน้าของจี้เทียนซิงเย็นชาและตะโกนออกมาว่า “จี้หรูเฟิงบิดาข้าหลับตาข้างเดียวเพราะเห็นแก่สัมพันธ์พี่น้องกับเจ้ามาโดยตลอด ท่านรู้ว่าเจ้าลักลอบเอาสินค้าของตระกูลไปขายและล่วงล้ําธุรกิจของตระกูลจนเกินพอดีแต่ท่านก็ไม่เคยว่ากล่าวหรือลงโทษเจ้าส่วนข้าปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเป็นลุงแท้ๆ แล้วดูแผนการทั้งหมดที่เจ้า ทําซี่ เราพ่อลูกไม่เคยล่วงเกินเจ้าแต่เจ้ากลับคิดฆ่าพวกเราซ้ําแล้วซ้ําเล่าบาปของเจ้าความตายก็ยังไม่เพียงพอ !”

 

“คืนนี้ข้าจะชําระล้างสิ่งสกปรกในตระกูลชี้ให้หมดสิ้น !”