บทที่ 37 ขอโทษนะ แต่ข้าคือยอดผู้ฝึกกระบี่ ! (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 37 ขอโทษนะ แต่ข้าคือยอดผู้ฝึกกระบี่ ! (ปลาย)

เยี่ยฉวนเข้ามาในห้องใต้ท้องเรือเหาะพร้อมกับน้องสาวของเขา ทำให้พบว่าห้องนั้นเล็กอย่างยิ่ง มีแค่ เตียงหนึ่งเตียง เก้าอี้สองตัว และโต๊ะหนึ่งตัว ช่างมัธยัสถ์เสียจริง !

เยี่ยฉวนลูบศีรษะของเยี่ยหลิง “มีเวลาอีกครึ่งชั่วยามก่อนที่เรือจะออกจากท่า เมื่อเรือคงตัวแล้วเราคง ไปที่ดาดฟ้าและมองภาพเบื้องล่างได้”

เยี่ยหลิงยิ้มหวาน และเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ นางพลันหันไปค้นสัมภาระของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นนางจึงงัดเอารองเท้าผ้าออกมาให้เยี่ยฉวนราวกับกำลังมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้กับเขา “ท่านพี่ ข้าถักมันเองเชียวนะ ลองสวมดูสิเจ้าคะว่าใส่พอดีหรือไม่ !”

ว่าแล้วนางพลันนั่งยอง ๆ พร้อมกับถอดรองเท้าของเยี่ยฉวนออก

เยี่ยฉวนได้แต่นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก

“ทำไมนางถึงถักมันขึ้นมากัน ?”

“อี๋ !” ในตอนที่เยี่ยหลิงร้องออกมา มันทำให้เยี่ยฉวนตกใจจนรีบก้มหน้ามอง ก่อนพบภาพเด็กสาวกำลังใช้มือปิดจมูกไว้พลางกลอกตาใส่เขา “ท่านพี่ เท้าท่านเหม็นมากเลย !”

กล่าวจบแล้วนางก็พลันหันหน้าก่อนจะจรลีจากไป

ไม่นานนักนางก็กลับเข้ามาในห้อง ครั้งนี้นางมาพร้อมกับอ่างน้ำ….

เด็กสาววางอ่างน้ำตรงหน้าเยี่ยฉวน และยกเท้าของเขาวางลงในอ่าง ทำให้เยี่ยฉวนที่เห็นดังนั้นรีบเอ่ยขึ้นมา “ให้ข้าทำเองเถอะ !”

เยี่ยหลิงจ้องมองเขา จากนั้นนางจึงก้มหน้าและเริ่มล้างเท้าเยี่ยฉวนอย่างช้า ๆ

ขณะที่เด็กสาวกำลังล้างเท้าพี่ชายอยู่นั้น หยาดน้ำตาก็ได้ไหลรินออกมาอย่างฉับพลัน เพราะส้นเท้า ของเยี่ยฉวนทั้งหนาและด้าน แถมยังมีบาดเเผลจำนวนมากที่ยังไม่หายสนิทดี !

บาดเเผลเหล่านี้คือบาดแผลที่หลงเหลือจากการต่อสู้อันดุเดือดเพื่อตระกูลเยี่ยในตอนที่เขายังเป็น ทายาทสายตรง !

เห็นอาการผิดปกติของเยี่ยหลิง เยี่ยฉวนจึงเอ่ยถามนุ่มนวล “เจ้าร้องไห้ทำไมกัน ?”

เยี่ยหลิงปาดน้ำตาบนใบหน้าออก “ท่านพี่ ท่านทรมานมามาก ข้าสาบานว่าข้าถ้าได้เป็นผู้ที่มีพลัง อำนาจแก่กล้าในภายภาคหน้า ข้าจะหาเงินให้ได้มาก ๆ เพราะข้าอยากให้ท่านพี่มีชีวิตที่เรียบง่ายสะดวกสบายเจ้าค่ะ”

นางถูกเลี้ยงมาโดยท่านพี่ของนาง ! แต่คนจำนวนมากกลับไม่รู้ว่าเมื่อมารดาของพวกเขาจากไป เยี่ยฉวนที่มีอายุเพียงสิบปี และยังเป็นเด็กชายวัยกำลังเติบกล้า ส่วนนางนั้นมีอายุราวสี่หรือห้าขวบเท่านั้น ทำ ให้ในตอนแรกพวกเขาอยู่กันแบบขอทานในตระกูลเยี่ย และมีชีวิตอยู่รอดได้ด้วยอาหารเหลือทิ้ง ภายใต้สภาพ เช่นนั้นเองที่เยี่ยฉวนเลี้ยงนางมา ซึ่งแม้แต่ตัวเด็กสาวเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าเขาทุกข์ทรมานมากขนาดไหนในหลายปีที่ผ่านมานั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีที่เยี่ยฉวนต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อตระกูลหลังจากที่เขาได้เป็นผู้สืบทอด !

นางจำได้เพียงว่าท่านพี่ของนางออกไปในตอนกลางวันและกลับมาในตอนกลางคืน แต่ทุกครั้งที่เขา กลับมา เขามักจะกลับมาพร้อมบาดเเผลเต็มร่าง !

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยหลิง ความรู้สึกอุ่นซ่านก็พลันแผ่ไปทั้งกายและใจของเยี่ยฉวน เขาลูบศีรษะเล็กของเยี่ยหลิงเบา ๆ “สุขภาพของเจ้าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด อาการเจ็บป่วยของเจ้าคงจะรักษาหายในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คนเปี่ยมพรสวรรค์มากมายแน่ ไว้เมื่อเจ้าหายดีแล้ว ข้าจะสอนเจ้าฝึกวรยุทธ์เอง !”

เยี่ยหลิงล้างเท้าของเยี่ยฉวนอย่างนุ่มนวล พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงยิ่ง “ท่านพี่ หากข้าหายดีแล้ว ข้าจะตั้งใจฝึกเจ้าค่ะ เพราะข้าไม่กลัวความยากลำบากหรอก !”

เยี่ยฉวนยิ้ม ทันทีที่เขากำลังจะเอ่ย ประตูห้องพลันถูกเปิดออก ทันใดนั้นเองชายกลางคนและชายชรา อีกสองคนก็พลันก้าวเข้ามาในห้อง

เยี่ยหลิงตกใจจนรีบยืนขึ้น “พวกท่าน พวกท่านเป็นใครกัน ?”

ชายกลางคนที่นำหน้าเหลือบมองเยี่ยฉวนก่อนเอ่ยถาม “เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้า แน่นอนสิว่าเขาจำได้ เพราะคนสามคนตรงหน้าเขาคือคนสามคนที่ไล่ตามฉินชางอยู่ในป่า อีกทั้งเขายังจำได้อีกว่าชายกลางคนตรงหน้าเขามีชื่อว่าโม่ฉุน

เยี่ยฉวนเงียบไป โดยไม่ต้องเอ่ยกล่าว กลุ่มคนตรงหน้าเขามาที่นี่เพราะหินเสริมปราณพวกนั้นแน่ !

ชายหนุ่มเพียงไม่คิดว่าพวกเขาจะตามเขามาได้ถึงเรือเหาะนี้ !

ในตอนนั้นเอง โม่ฉุนก็พลันเอ่ยขึ้น “ส่งหินพวกนั้นมา แล้วเราจะไว้ชีวิตพวกเจ้า !”

เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงทุ้ม “บนเรือเหาะห้ามมีการต่อสู้กัน !”

โม่ฉุนยิ้มแสยะ “ถ้าเราฆ่าเจ้ากับน้องสาวเจ้าเงียบ ๆ แล้วหาโอกาสโยนศพพวกเจ้าลงไป ใครเล่าจะ ตรวจจับได้ ?”

เยี่ยฉวนคิดครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยถาม “ถ้าข้าส่งหินพวกนี้ให้ พวกท่านจะไว้ชีวิตข้ากับน้องสาวไหม ?”

ดวงตาของโม่ฉุนหรี่ลงเล็กน้อย “จริง ๆ แล้วเราแค่ต้องการหินเสริมปราณพวกนั้นก็เท่านั้น !”

เยี่ยฉวนสูดหายใจลึกแล้วจึงเอ่ย “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็คงไม่มีวาสนาพอได้ชื่นชมมันเสียแล้ว”

กล่าวดังนี้แล้วเขาจึงหยิบถุงสีดำออกมาแล้วเดินไปหาโม่ฉุน “ท่านต้องรักษาสัญญานะ !”

เห็นถุงดำแล้ว ดวงตาของโม่ฉุนพลันดูร้อนรุ่มยิ่งขึ้น “แน่นอน ข้าย่อมต้องรักษาสัญญาอยู่แล้ว !”

แต่มือขวาของเขากลับค่อย ๆ กำแน่น

เมื่อเยี่ยฉวนอยู่ห่างจากโม่ฉุนเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็พลันโยนถุงดำในมือไปให้ชายชราข้างกายโม่ฉุน ทำ ให้โม่ฉุนกับอีกสองคนที่เหลืออึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นโดยไม่รู้ตัว ชายชราผู้นั้นก็พลันเอื้อมมือคว้ามันไว้ ขณะที่ โม่ฉุนเองก็เอื้อมมือไปคว้ามันอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน

ถึงตอนนี้เอง แสงเย็นจาง ๆ ก็พลันฉายวาบออกมา !

ฉึกกก !

กระบี่เล่มหนึ่งพลันปรากฏตรงหน้าโม่ฉุน เมื่อโม่ฉุนรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น กระบี่ก็ได้เสียบทะลุลำคอของ เขาแล้ว

ชั่วพริบตาเดียว ศีรษะของโม่ฉุนก็พลันปลิวกระเด็น !

เลือดของเขาพุ่งกระฉูด !

อีกด้านหนึ่ง ชายชราทั้งสองต่างตื่นตกใจ ชั่วขณะต่อมาพวกเขาพากันรีบหันหลังวิ่ง แต่กระบี่ของ เยี่ยฉวนว่องไวกว่า ขณะที่ชายชราทั้งสองหันหลัง กระบี่ของเยี่ยฉวนก็ได้เสียบทะลุหลังของชายชราคนหนึ่ง !

ชายชราคนนั้นถูกสังหารในกระบี่เดียว !

แต่ชายชราอีกคนหนึ่งกลับวิ่งหนีไปได้ และไม่เพียงแต่เขาจะวิ่งออกไปเท่านั้น เขายังตะโกนร้องขอ ความช่วยเหลืออย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทุกคนที่อาศัยอยู่บนชั้นแรกของเรือเกิดการแตกตื่น !

ใบหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดไปเล็กน้อย เขาเก็บกระบี่และรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหลายเริ่ม ยุ่งเหยิงขึ้นมาเล็กน้อยแล้วในตอนนี้

ไม่นานนัก สตรีผู้หนึ่งสวมผ้าคลุมหน้าและชุดกระโปรงยาวสีม่วงก็ได้เดินเข้ามาในห้องของเยี่ยฉวน พร้อมกับผู้คุ้มกันของเรือเหาะ

เยี่ยฉวนกำมือ พร้อมกับใบหน้าสลดลงเล็กน้อย เขาไม่อาจรู้สึกถึงพลังยุทธ์ของสตรีในผ้าคลุมหน้าก็ จริง แต่ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงพลังยุทธ์ของบรรดาผู้คุ้มกันเหล่านั้น ทั้งสามคนมีพลังขั้นทะยานสวรรค์และอีกสอง คนมีพลังขั้นหลอมรวมลมปราณ !

กองกำลังนี้น่ากลัวไม่น้อยเลย !

อาจกล่าวได้ว่าพลังของคนจากสำนักอัปสรเมรัยช่างน่ากลัวนัก !

สตรีในผ้าคลุมหน้าเหลือบมองศพที่อยู่บนพื้น คิ้วเข้มของนางย่นเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นนางก็พลัน เบนสายตามองที่เยี่ยฉวน “เจ้าฆ่าพวกเขางั้นหรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้าและอธิบาย “พวกเขาต้องการ…”

สตรีในผ้าคลุมหน้าหันหลังพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ “งั้นไปอธิบายต่อในยมโลกเถอะ โบยพวกเขาจน ตายคาที่และโยนศพของพวกเขาออกจากเรือเสีย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยฉวนก็พลันกางมือขวาพร้อมกับกระบี่ที่ก่อตัวในฝ่ามือ

สตรีในผ้าคลุมหน้าที่เดินไปยังประตูพลันหยุดเดิน นางหันกลับมามองเยี่ยฉวน ในสายตาของนางมี แววพิกลอยู่ “เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่งั้นหรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้า

สตรีในผ้าคลุมหน้าส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ด้วยอายุน้อยเท่านี้ได้นับว่าเป็นเรื่องหายากนัก แต่มันทว่าไม่มีประโยชน์ในเรื่องนี้ กฎของเรือเหาะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต่อให้เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ก็ตาม เจ้าก็ไม่สามารถทำลายกฎเหล่านี้ได้ สังหารเขาเสีย !”

หลังจากนั้นนางก็พลันหันหลังและกำลังจะเดินออกไป

ในตอนนี้เอง ดวงตาของเยี่ยฉวนพลันหรี่ลงเล็กน้อย ส่วนมือขวาของเขาก็กำกระบี่ไว้แน่น ชั่วเสี้ยว วินาทีเดียว กระบี่พลันสั่นไหวเล็กน้อยและรังสีกระบี่จาง ๆ ก็ได้ฉายประกายขึ้นบนตัวกระบี่

คนจำนวนหนึ่งที่อยู่ในบริเวณนี้ถึงกับตกตะลึง

ส่วนสตรีในผ้าคลุมหน้าก็ถึงกับต้องหยุดเดินอีกครั้ง !

เยี่ยฉวนมองตาของสตรีในผ้าคลุมหน้า “ขอโทษนะ แต่ข้าเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่ !”

ถึงจะเอ่ยออกไปเช่นนั้น ทว่าเขากลับไม่มีอาการหน้าแดงแต่อย่างใด ทั้งยังคงมีลมหายใจเป็นจังหวะ มั่นคง ชายหนุ่มดูสงบนิ่งอย่างหาใดเปรียบ

แต่แท้จริงแล้วนั้น ในใจเขากลับกำลังร้อนใจและลุกลี้ลุกลนอย่าถึงที่สุดเลยทีเดียว !