บทที่ 38 ข้ามีแค่พี่ชายข้าเท่านั้น ! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 38 ข้ามีแค่พี่ชายข้าเท่านั้น ! (ต้น)

ยอดผู้ฝึกกระบี่ ?

แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ยอดผู้ฝึกกระบี่หรอก กระบี่ของเขาสามารถส่งรังสีกระบี่ออกไปได้ก็ตอนที่เขาเรียก ใช้กระบวนท่า ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ เท่านั้น แสงกระบี่นี้นับว่าเป็นความพิเศษของทักษะกระบี่นี้ก็เท่านั้น

แท้จริงแล้วตัวเขาเองยังไม่ไปถึงระดับที่เรียกว่ายอดผู้ฝึกกระบี่ แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มอยู่ห่างจากขั้น นั้นไม่ไกลแล้ว !

เมื่อกระบี่จิตวิญญาณในมือของเยี่ยฉวนเปล่งรังสีกระบี่ออกมาจาง ๆ ทำให้ทุกคนในห้องเงียบกริบลง ฉับพลัน !

ชายที่มีพลังแข็งแกร่งหลายคนที่เดินมาอยู่ตรงหน้าเยี่ยฉวนก็ได้หยุดเดิน ในดวงตาของพวกเขาเปี่ยม แววตกตะลึงและดูเคร่งขรึม !

ในสายตาของพวกเขา แม้ผู้ฝึกกระบี่จะมีไม่มาก แต่ผู้ฝึกกระบี่ธรรมดาไม่ได้หายาก ทว่ายอดผู้ฝึกกระบี่นับว่าต่างออกไป

มีพวกเขาทั้งหมดกี่คนกันในแคว้นเจียง ?

มีเพียงผู้ที่ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่เพียงไม่ถึงร้อยคนเท่านั้น สิ่งนั้นไม่สำคัญเท่าใดนัก แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเด็กหนุ่มตรงหน้าพวกเขามีอายุเท่าใดกันแน่ ?

ขุมพลังเบื้องหลังน่ากลัวชนิดไหนกันที่สามารถสร้างยอดผู้ฝึกกระบี่อายุน้อยเช่นนี้ขึ้นมาได้ ?

ในตอนนี้สตรีในผ้าคลุมหน้าพลันมองลงมายังศพสองศพบนพื้นและออกคำสั่ง “โยนศพสองศพนี้ให้ สุนัขกินเสีย แล้วจงโบยคนที่เพิ่งหนีไปจนตายและโยนเขาออกจากเรือเหาะ !”

เอ่ยดังนี้จบ นางพลันหันมองมามองเยี่ยฉวนที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะพูดว่า “จัดห้องระดับสูงสุดให้คุณชายผู้นี้ อย่าละเลยเขาเป็นอันขาด !”

หลังจากนั้นหญิงสาวก็หันหน้าเดินจากไป !

ภายในห้อง เหล่าผู้คุมพลังแข็งแกร่งพากันโค้งศีรษะให้เยี่ยฉวนเล็กน้อยและเดินจากไป ก่อนเป็นหนึ่ง ในนั้นที่เอ่ยขึ้น “คุณชาย เชิญตามข้ามา !”

เยี่ยฉวนอ้ำอึ้งเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงตามหลังผู้คุมไปพร้อมกับเยี่ยหลิง

เมื่อมีผู้คุมนำทางไป สองพี่น้องก็มาถึงห้องระดับสูงสุด และเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว พวกเขาก็ถึงกับ ตะลึงงันกับภาพที่เห็นตรงหน้า

มันเป็นห้องใหญ่ !

ใหญ่โตอย่างยิ่ง !

ห้องระดับชั้นยอดทั้งห้องมีขนาดใหญ่กว่าห้องที่พวกเขาเคยอยู่อย่างน้อยสิบเท่า เช่นเดียวกับข้าวของ เครื่องใช้ภายในที่ดูหรูหราเป็นอย่างยิ่ง ผังโดยรอบดูราวกับอยู่ในราชวัง แม้แต่พื้นก็ปูด้วยขนสัตว์ไม่ทราบชนิดที่ให้ความรู้สึกนุ่มเท้าเป็นอย่างมาก !

เบื้องหลังเยี่ยฉวนและน้องสาว ผู้คุมทำการค้อมศีรษะคารวะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป

“ว้าวว !”

เยี่ยหลิงมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น “ท่านพี่ ห้องนี้ช่างกว้างขวางและดูสวยงามนักเจ้าค่ะ !”

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็กของเยี่ยหลิงอย่างอ่อนโยน คลี่ยิ้มบางเบาโดยไม่พูดอะไร

เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ นางพลันเงยใบหน้าเล็กขึ้นและมองเยี่ยฉวน “ท่านพี่ เป็นเพราะพี่เป็น ยอดผู้ฝึกกระบี่ใช่ไหมเจ้าคะ พวกเขาจึงปฏิบัติต่อเราดีเช่นนี้ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้า

“ทำไมล่ะเจ้าคะ ?” เยี่ยหลิงงุนงงไป

เยี่ยฉวนยิ้ม “เพราะพวกเขาจริงจังมากน่ะสิ !”

เยี่ยหลิงยังอยากถามอะไรบางอย่างอยู่ แต่ในตอนนี้กลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เยี่ยฉวนจึงหันไปเอ่ย “เข้ามาได้!”

ประตูเปิดออกและสตรีคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา !

นางคือสตรีในผ้าคลุมหน้าเมื่อก่อนหน้านี้ !

สตรีในผ้าคลุมหน้านั่งทางด้านหนึ่งและเชื้อเชิญเยี่ยฉวน “คุณชาย โปรดนั่งลง !”

เยี่ยฉวนนั่งลงยังฝ่ายตรงข้ามสตรีในผ้าคลุมหน้า ขณะเดียวกันเยี่ยหลิงก็เลือกที่จะนั่งอย่างสงบเสงี่ยม ไม่ไกลนักและเอาแต่จ้องมองสตรีในผ้าคลุมอย่างใคร่รู้

สตรีในผ้าคลุมรินชาให้เยี่ยฉวน “นี่คือชาอัปสรยอดไผ่ คุณชาย โปรดลองชิมดู !”

เยี่ยหลิงพยักหน้าเบา ๆ “แม่นางช่างกรุณานัก”

หลังจากนั้นเขาก็จิบอึกหนึ่ง ชาหวานเย็นไหลลงลำคอ ทำให้เขารู้สึกสดชื่นอย่างยิ่ง !

ชาดีนัก !

เยี่ยฉวนวางถ้วยชาลงและมองสตรีในผ้าคลุมหน้าตรงหน้าเขา “ข้าคือเยี่ยฉวนมาจากเมืองชิง”

สตรีในผ้าคลุมหน้าเหลือบมองเยี่ยฉวน “ข้าคือฮั่นเซียงเหมิง”

เยี่ยฉวนยิ้มแต่ไม่เอ่ยอะไรออกมา นางเอ่ยเพียงชื่อของนาง เห็นชัดว่านางไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองมากนัก

ฮั่นเซียงเหมิงจิบชาอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “คุณชาย ท่านเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่ตั้งแต่อายุยังน้อย เท่านี้ ข้าเดาว่าท่านต้องได้รับการฝึกโดยตระกูลมีชื่อเป็นแน่ ท่านฝึกจากที่ไหนมาหรือ ?”

นางกำลังถามถึงที่มาของเขา !

เยี่ยฉวนส่ายหน้าพลางยิ้ม

เห็นดังนี้ ฮั่นเซียงเหมิงพลันย่นคิ้วเข้มเล็กน้อย “ท่านหมายความว่าอย่างไร คุณชาย ?”

เยี่ยฉวนมองตรงไปที่ฮั่นเซียงเหมิง “แม่นางฮั่น ขออภัยด้วยที่ข้าต้องพูดโดยตรง ท่านให้คุณค่าเพียง พื้นหลังของคนยามสมาคมกับผู้อื่นหรือ ?”

ฮั่นเซียงเหมิงหรี่ตาลง เห็นชัดว่านางไม่คิดว่าเยี่ยฉวนจะพูดเช่นนี้

เยี่ยฉวนเอ่ยอีกครั้ง “แม่นางฉวน หากท่านต้องการเป็นมิตรกับผู้อื่น ท่านต้องปฏิบัติต่อพวกเขาด้วย ความจริงใจมากกว่าจะเล่นลูกไม้กับพวกเขา หรือแม้แต่ดูเพียงพื้นหลังของพวกเขา แน่นอนว่าถ้าหากเป็นวิธีการผูกมิตรของแม่นางฮั่นแล้วล่ะก็ ข้าก็คงต้องขออภัยที่ไม่อาจให้ความร่วมมือกับท่านได้”

หลังกล่าวจบ เขาก็พลันลุกขึ้นและมองเยี่ยหลิงที่อยู่ไม่ไกล “เราไปกันเถอะ !”

เยี่ยหลิงวิ่งตามหลังเยี่ยฉวนไปอย่างเชื่อฟัง !

เยี่ยฉวนเดินออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย แต่เมื่อสองพี่น้องเดินไปที่ประตู ฮั่นเซียงเหมิงพลันเอ่ยขึ้น “คุณชาย ได้โปรดหยุดก่อน !”

เยี่ยฉวนหยุดเดิน ฮั่นเซียงเหมิงกระซิบ “ข้าต้องขออภัยที่ละลาบละล้วงเมื่อก่อนหน้านี้ โปรดอย่าถือสาข้าเลยคุณชาย”

เยี่ยฉวนหันมองฮั่นเซียงเหมิง “แม่นางฮั่น ท่านเมินการสังหารก่อนหน้านี้ของข้า ข้าจะจดจำความดีของท่านไว้ ! ไว้จะหาทางตอบแทนท่านในภายภาคหน้าแน่นอน !”

เอ่ยดังนี้แล้วชายหนุ่มก็พลันมีท่าทีเหินห่างกับนางอย่างจงใจ !

ที่จริงแล้วฮั่นเซียงเหมิงเข้าใจเจตนาของเยี่ยฉวน แต่นางก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ หญิงสาวจึง เพียงพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “ดึกแล้ว คุณชายโปรดพักผ่อนเถอะ !”

หลังจากนั้นนางก็หันหลังเดินออกจากห้องไป

ด้านนอกห้อง ชายชราคนหนึ่งพลันปรากฏตัวเบื้องหลังฮั่นเซียงเหมิง “แม่นาง ?”

ฮั่นเซียงเหมิงหยุดเท้าและเอ่ยขึ้น “เขาช่างเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่ที่มีนิสัยน่ารังเกียจเสียจริง !”

ชายชราพยักหน้า “ยอดผู้ฝึกกระบี่มักจะเดินทางตามลำพัง พวกเขาจึงมีนิสัยประหลาดไปบ้าง ท่าน เผยชื่อของท่านให้เขาฟังก็ถือว่าจริงใจเพียงพอแล้ว แต่ชายคนนี้กลับคิดว่าท่านหยิ่งผยอง เรื่องนั้นช่าง…”

ฮั่นเซียงเหมิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก เขามีนิสัยตรงไปตรงมายิ่ง แม้เขาจะทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดไปบ้าง แต่เขาก็ดีกว่าคนพวกนั้นที่พูดอย่างหนึ่งแต่คิดอีกอย่างหนึ่ง จงกระจายคำสั่งของข้าไปว่าพวกเขาสามารถอยู่ในห้องระดับสูงนี้ก่อนจะไปถึงเมืองหลวงได้ และต้องให้การปฏิบัติแก่เขาอย่างดีเยี่ยมห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่ น้อย !”

หลังจากนั้นนางก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วและหายไปกับระยะทางเบื้องหน้า