สวรรค์ดึกดำบรรพ์

นอกสวรรค์

ตำหนักราชาเทพ

มนุษย์แสงอยู่ในโถงอย่างเงียบงัน ไม่ขยับไปไหน

ลั่วปิงหลีจดจ่อกับการขัดเกลาแผ่นหยก

ฉานนู่ที่แสร้งเป็นเทพแห่งความเย็นยะเยือกนั่งสูงอยู่บนบัลลังก์ราชาเทพขณะคำนวณอยู่ในใจอย่างระมัดระวัง

อดีตราชาเทพและเทพแห่งความเย็นยะเยือกได้ตายไปหลายวันแล้ว

ตามกฎการเกิดของเผ่าพันธุ์เทพ เทพองค์ใหม่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งวันครึ่ง

ฉานนู่วิตกเล็กน้อยเมื่อคิดถึงตรงนี้

โชคยังดีที่นางสามารถใช้ความสามารถทั้งหมดของนายท่านได้

ไม่ต้องห่วง!

นางให้กำลังใจตัวเอง

เมื่อสงบสติลงแล้ว ตามที่นายท่านตระเตรียมเอาไว้ นางต้องเริ่มทำตามบทที่เขาวางเอาไว้

เริ่มแรกทำเป็นประหลาดใจ

จากนั้นนึกถึงเทพแห่งความตาย

ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ว่าจินเยี่ยนตายแล้วเช่นกัน

หากจะถามมนุษย์แสง แล้วแบบนี้จะไล่เรียงได้อย่างไรหากเทพจากอนาคตตายในอดีต

มนุษย์แสงต้องไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้มาก่อนแน่นอน

เช่นนั้นนางก็ต้องเริ่มใช้ทักษะพิเศษนั่นแล้ว

การแสดง

ด้วยทักษะการแสดง นางย่อมสามารถพูดคุยเกี่ยวกับคำตอบธรรมดากับมนุษย์แสงได้อย่างแน่นอน

เทพจากอนาคตตายที่นี่ ทำให้เร่งความเร็วการเกิดของเทพองค์ใหม่

การแสดง…

เมื่อคิดถึงทักษะพิเศษ ฉานนู่ก็อดที่จะท้อแท้เล็กน้อยไม่ได้

การแสดงของนายท่านเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติ ผู้คนอดที่จะตกอยู่ในสภาพที่เป็นไปตามจังหวะที่เขาต้องการไม่ได้

ถึงแม้นางจะสามารถใช้ทักษะของนายท่านได้ แต่เรื่องนี้แตกต่างจากทักษะทำลายล้าง นางยังต้องให้ความสนใจกับนิสัยและพรสวรรค์ส่วนตัวอีกด้วย

เป็นความจริงที่นางสามารถแสร้งทำเป็นนายท่านได้เพราะนางก็มีทักษะการแสดงของนายท่านเช่นกัน

แต่สีหน้า คำพูดและท่วงท่าของนายท่าน นางยังไม่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งหมด

ให้ตายสิ

นายท่านเนี่ยเป็นคนที่โกหกได้เป็นธรรมชาติเสียจริง

เมื่อคิดได้ดังนี้ ฉานนู่อดที่จะเผยรอยยิ้มอีกครั้งไม่ได้

นั่นมันไม่ถูก

นายท่านมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมาย หนึ่งในนั้นคือสามารถรับมือกับศัตรูทรงพลังจำนวนนับไม่ถ้วนได้ นางเกรงว่าจะไม่มีทักษะแบบนี้ ฉะนั้นถึงต้องคิดหาทางอื่น

ใช่ นายท่านจะใช้ทุกสิ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ไม่ได้ใช่แค่การแสดง

ขณะคิดไปมา มนุษย์แสงขยับ

“มีอะไรหรือ” ฉานนู่ถาม

“นายท่าน จู่ๆ ข้านึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อันโด่งดังขึ้นมาได้” มนุษย์แสงกล่าว

“เหตุการณ์อะไร” ฉานนู่ถาม

“ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับทะเลมารโกลาหล มีพวกมารจำนวนมากที่ตายไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่กู่ฉิงซานอยู่ในโลกวิญญาณมาร ดังนั้นจึงไม่น่าได้รับผลอะไร” มนุษย์แสงกล่าว

ฉานนู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”

กู่ฉิงซานรู้สึกถึงความวิตกขึ้นมา

สัมผัสวิญญาณของผู้ฝึกยุทธมีทั้งสูงและต่ำ บางคนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอนาคต บางคนสามารถรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

เซี่ยเต้าหลิงมองเห็นสัญญาณแห่งความตายชัดเจน ภายหลังถูกกู่ฉิงซานช่วยเอาไว้

สัมผัสวิญญาณของกู่ฉิงซานเฉียบคมเช่นกัน

ตอนนี้ เขากำลังยืนอยู่บนชายหาดนอกโบสถ์ขณะสัมผัสถึงความหวาดกลัวสุดหยั่งจากทะเลอันไม่มีสิ้นสุด

เวลาผันผ่านมาถึงวันต่อมา

อีกสิบห้านาทีก่อนการสำรวจจะเริ่มขึ้น

“ตายหรือเปล่า”

กู่ฉิงซานถามอย่างแผ่วเบา

สัมผัสวิญญาณยิ่งมายิ่งแก่กล้า

ความรู้สึกใจสั่นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

แม้จะเลือนราง แต่ความมืดคล้ายกับปรากฏที่ท้องทะเล ภาพมายาหนึ่งปรากฏต่อสายตาของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานเห็นว่าเขาตัวเปียกโชกขณะโซเซไปทิศทางหนึ่ง จากนั้น…

‘ฟิ่ว!’

ฉับพลันนั้นเอง เงาสีขาวพุ่งออกจากถุงเก็บของขณะบินตรงมาที่ด้านหน้าของเขาอย่างสง่าผ่าเผย

ภาพนิมิตที่เกิดจากสัมผัสวิญญาณหายไปทันที

กู่ฉิงซานกลับมามีสติ

ทะเลเป็นสีคราม ไร้หมู่เมฆ ท้องนภาส่องแสงเจิดจ้า

ทุกสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ได้ถูกรบกวน

ภาพทั้งหมดหายไป

“ชิ…เจ้าทำอะไร เจ้าขัดขวางข้าอยู่นะ รู้ไหม?”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่พอใจ

ทว่า น้ำเต้าหยกสีขาวยังส่งเสียง “ฟิ่วๆ ” อย่างระแวดระวังเพื่อขอพลังวิญญาณจากเขา

กู่ฉิงซานไม่มีทางเลือก

จนถึงตอนนี้ เขายังไม่รู้ว่าจี้น้ำเต้าหยกมีบทบาทอย่างไรในด้าน “การหยิบยืมจากจักรวาล” “ร้อยแสงสาดส่อง” และ “หยกไร้ข้อบกพร่อง”

แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถยืนยันได้คือนี่คือเทวภัณฑ์จากยุคโบราณ

อา ตอนนี้ขอให้มีชีวิตรอดก่อนก็แล้วกัน

กู่ฉิงซานคว้าจี้น้ำเต้าหยกมาก่อนมอบพลังวิญญาณให้

“แค่นี้พอหรือยัง”

กู่ฉิงซานถาม

จี้น้ำเต้าหยกส่งเสียง “ปี๊บ” ออกมา ก่อนกลับเข้าไปในถุงเก็บของโดยไม่ขยับไปไหน

จิตของกู่ฉิงซานกวาดผ่าน

เอาล่ะ มันเริ่มหลับอีกแล้ว

เขาให้พลังวิญญาณไปสามพันแต้ม แล้วมาหลับแบบนี้อย่างนั้นหรือ

นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่มอบพลังวิญญาณให้

น่าจะแสดงบทบาทอะไรบ้างสิ

“หวังว่าจะไม่ใช่หลุมไร้ก้นนะ”

กู่ฉิงซานส่ายหน้าอย่างจนใจก่อนถอนหายใจ

ตอนนี้ อารักขามารสองตนเดินมาหากู่ฉิงซาน

“ได้เวลาร่องเรือแล้ว ราชาวิญญาณมาร นายท่านเตรียมเป้าหมายการล่าที่จะให้ท่านฆ่าได้อย่างพึงพอใจจนใช้งานทักษะตามเงื่อนได้เอาไว้แล้ว” อารักขามารกล่าว

“ที่ไหนล่ะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสนใจ

“บนเรือ ห้องครัว” อารักขามารตอบ

“…เยี่ยม”

กู่ฉิงซานตามอารักขามารขึ้นสู่ท้องนภาขณะเหาะไปที่เรือพร้อมกัน

นี่คือเรือใบยักษ์ มันลอยอยู่บนผิวทะเลมารโกลาหลอย่างเกียจคร้าน มีขนาดเทียบเท่ากับเมืองเมืองหนึ่ง

ความจริง ไม่ว่าจะเป็นบาร์ซิ่วเริ่น โบสถ์หลอมละลายหรือแม้แต่สิ่งปลูกสร้างอื่น ทั้งหมดล้วนอยู่บนเรือยักษ์ลำนี้

เรือยักษ์กำลังจะออกตัวแล้ว

ไม่มีใครรู้จุดหมายของการเดินทางนี้ก่อนจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งจะถ่ายทอดคำสั่ง

โดยไม่คิดให้มากความ กู่ฉิงซานตามอารักขาเข้าครัวของเรือไป

“ท่านลอร์ด ที่นี่แหละ สัตว์ประหลาดทะเลทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จะถูกใช้เป็นอาหารในวันนี้ นี่ก็สายมากแล้ว ได้โปรดรีบลงมือด้วย” อารักขามารกล่าว

กู่ฉิงซานยืนอยู่ด้านข้างขณะมองไปที่ครัว

มันคือทะเลสาบน้ำจืด

ดีมาก ครัวคือทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นอิสระจากทะเลมารโกลาหล

แบบนี้ก็รับประกันความสดของวัตถุดิบได้

มารสองแถวเดินมาอยู่หน้ากู่ฉิงซาน

“นี่คือทีมเชฟที่จะร่วมเดินทางไปด้วย” อารักขามารกล่าว

“โห พวกเขารับผิดชอบการกินของทุกตนหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสนใจ

“เปล่า พวกเขารับผิดชอบอาหารของนายท่าน ไม่สำคัญหรอกว่ามารตนอื่นจะได้กินหรือไม่ แค่ไม่กี่วัน พวกเขาไม่หิวจนตายหรอก” อารักขามารกล่าว

กู่ฉิงซานมองดู “เจ้าก็ไม่กินเหมือนกันหรือ”

อารักขามารตอบว่า “ข้าสามารถไปทะเลเพื่อจับบางสิ่งมากินเองได้”

ตอนนี้ เชฟเดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ราชาวิญญาณมาร การทำอาหารควรจะเป็นหน้าที่ของพวกข้า แต่เพราะนายท่านสั่งมา เช่นนั้นพวกข้าจะรอท่านฆ่าก่อนจึงค่อยเริ่มกระบวนการทำอาหาร”

“เข้าใจแล้ว ข้าสร้างปัญหาให้พวกเจ้าแล้วสินะ” กู่ฉิงซานขอโทษ

เชฟมีสีหน้าดีขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้

กู่ฉิงซานเดินไปที่ทะเลสาบแล้วกล่าวว่า “เพราะเวลากระชั้น ข้าจะเริ่มงานเลยละกัน”

จิตของเขาขยับ

ดาบบินเจ็ดร้อยเล่มปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าด้านหลังของเขา

ดาบบินกระจายไปรอบด้านขณะล้อมทะเลสาบเอาไว้

กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วพึมพำว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าจะต้องมาใช้ค่ายกลดาบเพื่อทำอาหารทะเลแบบนี้”

ขณะพูด ดาบพุ่งออกไป!

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ห้องจัดเลี้ยงของโบสถ์

มีพวกมารทรงพลังจำนวนมากรวมตัวที่นี่ พวกเขาล้วนยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งขณะมองนายท่านด้วยความเคารพ

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง

เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ขณะกินมื้อเย็นอย่างช้าๆ

บนโต๊ะยาว มีจานทั้งหมดเก้าร้อยสามสิบห้าใบ

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเลือกจานที่ต้องการขณะลิ้มรสอาหารหายากจำนวนมาก

พวกมารทุกตนเงียบ ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ

ตอนนายท่านกำลังกิน หากใครบางคนส่งเสียงขึ้นมา ย่อมต้องไปติดอยู่บนผนังโบสถ์ทันที

แน่นอนว่าถ้ามารตนนั้นมีความข้องเกี่ยวกับอาหารมารขึ้นชื่อบนโต๊ะนี้ เช่นนั้นเชฟจะเป็นคนคัดออกไปก่อนจะส่งอีกฝ่ายไปที่ผนัง

คนเดียวที่สามารถพูดได้คือเสมียนของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง

“นายท่าน เวลาที่ท่านตั้งไว้ใกล้จะหมดแล้ว” เสมียนเตือน

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งนิ่งเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ไปที่เรือ”

“ขอรับ”

เสมียนตอบรับก่อนขยิบตาให้พวกมาร

พวกมารพลันกลายเป็นพายุก่อนหายไปจากโถง

‘ฟิ่ว’

เกิดเสียงสายลมพัดหวีดหวิวอยู่ด้านนอก

ใบเรือยักษ์ที่แขวนอยู่ตรงกลางเรือยักษ์ค่อยๆ ถูกชักขึ้น

ใบเรือยิ่งมายิ่งพองขึ้น

เรือยักษ์เริ่มขยับ

มันเหมือนกับเมืองกำลังขยับไปที่ทะเล

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งยังคงลิ้มรสอาหารเช้าต่อ

เขาพลันนึกบางอย่างออก ดวงตาจึงกวาดมองพวกมาร

“ราชาวิญญาณมาร” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

“ข้าอยู่นี่” กู่ฉิงซานยืนขึ้น

“วันนี้เจ้าฆ่ามากพอแล้วหรือยัง”

“มากพอแล้ว ความสามารถใช้งานได้ทุกเมื่อ”

“อย่างนั้นก็ดี”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งพยักหน้าก่อนหยุดให้ความสนใจกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานถอยกลับ ใบหน้าสงบนิ่ง

แต่เขาตื่นเต้นเล็กน้อย

ใช่แล้ว

อาหารทะเลในทะเลสาบน้ำจืดทั้งหมดถูกเขาเก็บกวาดจนหมด

พลังวิญญาณจำนวนมากทะลุถึงหนึ่งแสนแต้ม ภารกิจที่สองสำเร็จอย่างรวดเร็ว

นับจากนี้ไป เขาจะสามารถใช้พลังวิญญาณเพื่อพัฒนาระดับตัวเองได้

ระดับต่อไปคือระดับแสวงโลกา!

นี่คือระดับของจอมมาร!