กู่ฉิงซานไม่พูดอะไรอีก

ทุกนาทีที่ล่าช้า ดาบพิภพจะเข้าใกล้สู่ความตาย

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเต็มใจทำข้อตกลงกับเขาแล้ว

เขาเองก็ได้แสดงความสามารถลี้ลับอันแก่กล้าให้ได้เห็นแล้วด้วย

ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว

“ท่านจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง ท่านคิดว่าพวกเราสามารถทำข้อตกลงตอนนี้ได้เลยหรือไม่” กู่ฉิงซานถาม

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งตอบว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องการแลกเปลี่ยน ข้าอยากให้เจ้าได้ดูสิ่งหนึ่งก่อน”

เขาสะบัดมือ

ทั้งหอสังเกตการณ์เริ่มจมลง

กำแพงอิฐก่อตัวรอบหอสังเกตการณ์อย่างรวดเร็ว

ห้องจำนวนนับไม่ถ้วน พวกมารที่กำลังสนทนาเกี่ยวกับธุรกิจและสมบัติแปลกประหลาดนานับชนิดกำลังหายไปราวสายน้ำ

แสงสว่างยิ่งมายิ่งมืดมน

ท้ายที่สุด หอสังเกตการณ์หยุดอยู่บนท้องทะเลที่เป็นประกายด้วยความมืดมิดสุดหยั่ง

“ดูด้านล่างสิ” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

กู่ฉิงซานไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร จึงกล่าวด้วยความไม่แน่ใจว่า “นี่เหมือนจะเป็นใต้ทะเลของของทวีปนี้ที่เชื่อมกับทะเลเลย”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

เขาสะบัดมืออีกครั้ง

ขั้นบันไดหินคดเคี้ยวปรากฏขึ้นที่ขอบของหอสังเกตการณ์

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งคว้าคบเพลิงที่กำลังลุกโชนจากความว่างเปล่าก่อนเดินไปตามขั้นบันได

กู่ฉิงซานเดินตามไป

พวกเขาสองคนเดินไปตามบันไดหินเก่าทุรดโทรมจนกระทั่งมาถึงทางแยกของขั้นบันไดและทะเล

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง

กู่ฉิงซานหยุดเข่นกันขณะยืนอยู่ข้างเขา

“นี่คือชั้นที่ลึกที่สุดของโบสถ์ มันถูกผนึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์จนไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อแสดงให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านล่าง” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

ตอนกู่ฉิงซานได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาปลดปล่อยจิตเทพออกไปเพื่อตรวจสอบทะเล

ถึงตอนนั้นเขาเข้าใจว่าจิตเทพตัวเองได้รับการปิดกั้นทันทีที่ไปถึงผิวน้ำ พวกมันไม่สามารถกระจายไปมากกว่านั้นได้อีก

เท่าที่สายตาของเขามองเห็น มีเงาสีดำอยู่ส่วนลึกของทะเล

นี่มันอะไร

นี่คือสถานที่ลับในโบสถ์ ทำไมจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งถึงอยากให้เขาดูสิ่งนี้กันล่ะ

ด้วยความสงสัย กู่ฉิงซานมองเงาสีดำในทะเลอย่างระวัง

น่าเสียดายที่เหมือนจะมีเงาสีดำบังไว้อีกชั้น ทำให้มองไม่เห็นว่าอะไรอยู่ข้างใน

กู่ฉิงซานเพียงรู้สึกแค่ว่ามันคือสิ่งมีชีวิต

“ข้ามองเห็นไม่ชัด” กู่ฉิงซานกล่าวตามตรง

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งโยนคบเพลิงลงไปก่อนกระซิบว่า “คลายข้อห้าม”

เปลวไฟส่องสว่างทะเล ทำให้สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่เด่นชัดขึ้นมา

กู่ฉิงซานตั้งใจมอง

เขาเห็นว่ามันคือนิ้ว

นิ้วสีดำสูงสามชั้นและหนายิ่ง

มีเล็บคมปลาบอยู่ที่นิ้ว มันดูเหมือนกับส่วนหนึ่งของกรงเล็บจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่

นิ้วยักษ์ทั้งหมดถูกพันธนาการอย่างแน่นหนาโดยโซ่สีดำเส้นเล็กหลายร้อยเส้นขณะตรึงไว้ที่ก้นทะเล

สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวคือนิ้วนั่นกำลังดิ้นรนอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามกำจัดพันธนาการของโซ่สีดำเหล่านี้ออกไป

กู่ฉิงซานเห็นว่าโซ่สีดำสามถึงห้าเส้นขาดก่อนตกลงไปที่ก้นทะเล

“ข้าได้ศึกษาโบสถ์แห่งนี้จนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ท้ายที่สุดก็ได้พบว่าจุดประสงค์ของโบสถ์แห่งนี้ก็เพื่อขังเจ้านิ้วนี่เอาไว้” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

เมื่อได้เห็นทักษะลี้ลับ “ก้าวข้ามทะเลขมขื่น” ของกู่ฉิงซาน เขาก็ช่างพูดและมีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ข้าเกรงว่าโบสถ์แห่งนี้ไม่สามารถตรึงนิ้วนี่เอาไว้ได้นาน” กู่ฉิงซานกล่าว

ถึงแม้โซ่สามถึงห้าเส้นที่ขาดไปจะเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนโซ่ทั้งหมด

แต่นี่หมายความได้อย่างหนึ่ง

เพราะมันมีความสามารถที่เป็นอิสระจากโซ่สามถึงห้าเส้น เมื่อเวลาผ่านไป นิ้วยักษ์สีดำนี่จะต้องทำลายโซ่สีดำทุกเส้นจนเป็นอิสระจากใต้โบสถ์ได้ในที่สุด

“มันไม่สำคัญหรอก ตราบที่กระแสชีวิตอันทรงพลังและคงที่หลอมรวมกับโบสถ์จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์ จำนวนโซ่สีดำจะเพิ่มขึ้น นิ้วยักษ์นี่ก็จะถูกพันธนาการเอาไว้ตลอด” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

กู่ฉิงซานประหลาดใจ

ไม่สงสัยเลยว่าโบสถ์แห่งนี้ต้องกินพวกมารเสมอ

กลายเป็นว่ามันเอาไว้ดึงพลังของพวกมารนี่เอง

แต่แทนที่จะสังหารพวกมาร มันกลับใช้เพื่อเป็นแหล่งพลัง พูดให้ถูกก็คือ เป็นผลผลิตที่ใช้เก็บเกี่ยวอย่างต่อเนื่อง

ด้วยพลังของพวกมารจำนวนนับไม่ถ้วน โบสถ์จึงผนึกนิ้วสีดำนี้เอาไว้ได้

“นิ้วนี่มันคืออะไรกันแน่” กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้

“ข้าไม่รู้ ข้าพยายามโจมตีสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

เขาจ้องนิ้ว ดวงตาสีเขียวเทาเผยความบ้าคลั่งและความปรารถนา

“ทีนี้พวกเรามาคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่า”

เขาหันมามองกู่ฉิงซานทันที

“ราชาวิญญาณมาร ข้าสามารถให้ราชาพ่อมดกระดูกดำร่ายชะลอความตายกับอาวุธของเจ้าเพื่อช่วยชะลอการพังทลายของอาวุธได้”

กู่ฉิงซานยินดียิ่งแล้วกล่าวว่า “แบบนั้นก็แย่ล่ะสิ ถ้าร่ายวิชาเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ ข้าจะต้องยกโลกมารสองแห่งให้กับท่าน”

“ไม่จำเป็น” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

กู่ฉิงซานผงะ

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าวว่า “เศษเสี้ยวโลกมารสองแห่งเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจข้าพองโตกลับเป็นความสามารถของเจ้า”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“พรุ่งนี้ ทีมสำรวจของข้าจะไปสำรวจส่วนลึกของทะเลมารโกลาหล สิ่งที่เจ้าต้องรู้คือตราบที่เจ้าเต็มใจเข้าร่วมทีมของข้า เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องทำตามกฎ การแลกเปลี่ยนของเราก็เป็นอันเสร็จสิ้น”

“ท่านจะไม่ใช้กฎมาเป็นบรรทัดฐานการแลกเปลี่ยนงั้นหรือ” กู่ฉิงซานถาม

หลังจากได้เห็นนิ้วยักษ์ เขายอมจ่ายกฎเกณฑ์สองสายแทนที่จะไปสำรวจทะเลมารโกลาหลยังจะดีเสียกว่า

ว่าไปนั่น โบสถ์แห่งนี้แปลกประหลาด มีเพียงภูตผีเท่านั้นที่รู้ว่ามีอะไรหลงเหลืออยู่ใต้ทะเลมารโกลาหล

แต่คำตอบของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งทำให้กู่ฉิงซานผิดหวัง

“ราชาวิญญาณมาร เส้นกฎเกณฑ์ของเจ้ามีค่ามากจริง ๆ แต่ตอนนี้ข้ามีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือการสำรวจทะเลมารโกลาหล”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าวต่อว่า “ความสามารถของเจ้าในทะเลนับว่าเป็นประโยชน์นัก ข้าต้องการความสามารถของเจ้าเพื่อให้ทีมของข้าปลอดภัยและบรรลุเป้าหมายได้ง่ายยิ่งขึ้น”

ความคิดของกู่ฉิงซานวูบไหว

ดูท่าเรื่องนี้จะปฏิเสธไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งจะไม่มีวันช่วยเหลืออย่างแน่นอน

ถ้าอยากรักษาดาบก็ต้องทำสัญญากับเขา

ถ้าอย่างนั้น

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าสามารถร่วมทีมของท่านเพื่อให้การเดินทางนี้บรรลุเป้าหมายได้ ขอเพียงท่านทำสิ่งที่ข้าขอได้เท่านั้น”

“ยุติธรรมดี งั้นเป็นอันตกลงใช่หรือไม่” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งถาม

“อีกอย่าง หากข้าจะแสดงสิ่งที่นายท่านได้เห็นก่อนหน้านี้ ข้าจำเป็นต้องฆ่าก่อน” กู่ฉิงซานกล่าว

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งหัวเราะออกมา “มีสัตว์ประหลาดทะเลในทะเลอยู่มากมาย ข้าให้เจ้ากวาดล้างพวกมันเพื่อเป็นประโยชน์กับข้าก็ยังได้”

“ถ้างั้นก็ดี” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสงบ

ใช่แล้ว นี่คือการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม ถึงตัวเองจะเสี่ยงไปหน่อย แต่ดาบพิภพจะได้รับการช่วยเหลือ

อาศัยความได้เปรียบจากโอกาสนี้ สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้คือหาพลังวิญญาณจำนวนมากอย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือจากพลังอันมหาศาลของอีกฝ่าย

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ ถือเป็นอันตกลงใช่หรือไม่”

“นายท่าน โปรดช่วยอาวุธของข้าก่อน เพราะมันทนได้อีกไม่นาน หลังจากนั้น ข้าจะทำตามที่ให้สัญญาไว้” กู่ฉิงซานกล่าว

“ได้ ข้าจะจัดการเรื่องของเจ้าให้เดี๋ยวนี้แหละ”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเข้าสู่ความว่างเปล่าแล้วกล่าวว่า “ให้ราชาพ่อมดกระดูกดำมาพบข้า”

“ขอรับ” เสียงหนึ่งดังขึ้น

ไม่นานนักก่อนราชาพ่อมดกระดูกดำจะมาถึง

“นายท่าน มีคำสั่งอะไรหรือ” ราชาพ่อมดกระดูกดำถาม

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งมองกู่ฉิงซาน “พูดเลย”

กู่ฉิงซานกล่าวคำขออีกครั้ง

ราชาพ่อมดกระดูกดำตั้งใจฟังแล้วพยักหน้า “หยิบอาวุธของเจ้าออกมา”

กู่ฉิงซานหยิบกล่องยาวที่เก็บดาบพิภพเอาไว้ออกมาอย่างระวังขณะถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

ราชาพ่อมดกระดูกดำคุกเข่ากับพื้นขณะมองจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งแล้วกล่าวว่า “นายท่าน เช่นนั้นข้าขอลงมือ”

“ตามสะดวกเลย”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

ราชาพ่อมดกระดูกดำพยักหน้าก่อนวางมือบนกล่องยาว

เขายื่นมืออีกข้างไปหยิบนาฬิกาโบราณจากความว่างเปล่าออกมา

ราชาพ่อมดกระดูกดำแผดเสียงคำรามก่อนใช้หมัดกระแทกใส่นาฬิกา

นาฬิกาแตกสลาย ร่างกายของเขาค่อย ๆ หายไป ท้ายที่สุดก็มองไม่เห็น

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งและกู่ฉิงซานกลับมาบนหองสังเกตการณ์อีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น” กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งตอบว่า “ทักษะลี้ลับของเขาที่ชะลอความตายนั้นสามารถใช้ได้เพียงสามครั้งในชั่วชีวิตนี้ ครั้งที่สามเพิ่งถูกใช้ไปเมื่อครู่ ทำให้เขาถึงแก่ความตาย”

กู่ฉิงซานมองกล่องยาวในมือก่อนสัมผัสอย่างละเอียด

เขารู้สึกถึงพลังที่คล้ายกับวิชาเวลาของเซี่ยเต้าหลิงจากกล่องยาว

เยี่ยม ในที่สุดดาบพิภพก็ไม่ตายแล้ว

เพราะจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งใช้ชีวิตลูกน้องของตัวเองจ่ายไปเพื่อช่วยรักษาดาบพิภพให้กับเขาแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธการแลกเปลี่ยนในส่วนที่เหลือได้

กู่ฉิงซานมองจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ”