จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งมองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานมองอีกฝ่ายเช่นกัน

ความจริง ทันทีที่มารทรงพลังอย่างจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ พวกเขาก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากมนุษย์ธรรมดา

แต่เขาไม่ได้เปลี่ยนลูกตาสีเขียวเทา

ลูกตาคู่นี้คล้ายกับมีพลังวิเศษ เมื่อจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งมองกู่ฉิงซาน กู่ฉิงซานถึงขั้นรู้สึกว่าเขาถูกแยกออกจากโลก

ความรู้สึกนี้เหมือนกับการตัดสัมผัสวิญญาณก็ไม่ปาน

ใช่ หน้าต่างเทพสงครามหายไปแล้ว สกิลเลื่องชื่อจำนวนมากไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป

แต่เนตรเชือดเฉือนวิญญาณคือวิชาเนตรดาบที่กู่ฉิงซานฝึกฝนและสำรวจด้วยตัวเองช้าๆ มันได้รับการเสริมความแข็งแกร่งมากขึ้นภายใต้พรของหน้าต่างเทพสงครามจนท้ายที่สุดก็ก่อเกิดเป็นพลังวิเศษ

สกิลนี้ผสานเข้ากับลูกตาของเขา สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งหน้าต่างเทพสงคราม

ดังนั้น วิชาเนตร “เนตรเชือดเฉือนวิญญาณ” จึงยังคงอยู่

ส่วนสกิลชื่ออื่น อาทิ “พิชิต” ของเทพดาราอัคคี มันคือสกิลกฎเกณฑ์ทั่วไปที่ไม่มีเหตุผล ด้วยการจากไปของหน้าต่างเทพสงคราม สกิลนี้จึงหายไปชั่วคราว

“ราชาวิญญาณมาร ข้ามีปัญหานิดหน่อย” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

“เชิญพูดมาได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าว

“เจ้ารู้ไหม ข้าเพียงยอมให้พวกมารที่มีพลังลี้ลับเข้ามาที่นี่เท่านั้น แต่จากที่ข้ารู้เกี่ยวกับเจ้า เจ้าไม่คล้ายกับแสดงพลังลี้ลับอะไรเลย”

“เรื่องนี้สำคัญอย่างนั้นหรือ” กู่ฉิงซานถามกลับ

ความจริง เขารู้ว่านี่เป็นเงื่อนไขที่มารหญิงเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้

“อย่างแรกเลย นายท่านจะปล่อยพวกมารที่มีความสามารถลี้ลับทรงพลัง”

กู่ฉิงซานในตอนนี้ได้พบกับอีกเงื่อนไข ตอนนี้จึงต้องพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถลี้ลับอยู่จริง

ส่วนการถามกลับนั้น นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบอีกฝ่ายตามตรง

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งตอบอย่างฉะฉานว่า “แน่นอน มีเพียงพวกมารที่ได้รับความรักอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะได้รับความสามารถลี้ลับที่เป็นแหล่งกำเนิดของโลกมาร อย่างแรกคือเจ้าต้องพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของมารประเภทนี้ ราชาวิญญาณมาร”

“ราชาวิญญาณมาร ข้าจะมอบโอกาสการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมให้ ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถคลายความกังวลนี้ให้ข้าได้ด้วยเช่นกัน”

“ให้ข้าแสดงที่นี่ได้เลยอย่างนั้นหรือ” กู่ฉิงซานถามอีกครั้ง

แค่ถาม ไม่ได้ตอบ

นี่คือกลยุทธที่ปลอดภัย

“แน่นอน” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

ดวงตาของกู่ฉิงซานจับจ้องไปยังหน้าต่างต้นเพลิง

หลังจากสังหารราชาวิญญาณมารและแม่มด เขาได้รับพลังวิญญาณมาส่วนหนึ่ง

พลังวิญญาณเหล่านี้ถูกเตรียมไว้สำหรับใช้งานโหมด “อัปเกรดวิญญาณ”

แต่ตอนนี้ เพื่อรักษาดาบ เขาย่อมไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก

กู่ฉิงซานกำลังจะใช้พลังวิญญาณ แต่ฉับพลันก็หยุดมือ

เดี๋ยวก่อน…

ถึงแม้จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเต็มใจให้ที่หลบภัยกับพวกมารที่มีพลังลี้ลับแก่กล้า แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมากจนเกินไปได้

“เป็นอะไร มันยากเกินไปอย่างนั้นหรือ” มีความเย็นเยือกเจือในนำเสียงของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง

ครั้งนี้ เขาถามออกมาตรงๆ แล้ว

กู่ฉิงซานสังเกตเห็นความอดทนของอีกฝ่ายเช่นกัน

ได้เวลาเปลี่ยนกลยุทธแล้ว…

“ที่จริง ข้าอยากทำอย่างอื่นก่อนน่ะ” กู่ฉิงซานอธิบาย

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งสงสัย “อย่างอื่นหรือ”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ทักษะลี้ลับจำนวนมากมีข้อกำหนดเบื้องต้นมากมายก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งพยักหน้า

“ที่ข้าอยากทำตอนนี้คือฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี” กู่ฉิงซานกล่าว

หลังจากพูดจบ เขารออยู่สักพัก

โบสถ์ไม่ตอบ

ใช่แล้ว เขาพูดเกี่ยวกับสองสิ่งที่แยกจากกัน หนึ่งคือสามัญสำนึกเรื่องทักษะลี้ลับ สองคือความปรารถนาของเขา

สองสิ่งนี้ไม่มีความสัมพันธ์ที่ข้องเกี่ยวกันทางเหตุผล ดังนั้นนี่ไม่ใช่การโกหก

แต่เมื่อจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกเหมือนกับได้พบเงื่อนไขที่จะทำให้ทักษะทำงาน

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งปรบมือ

ไม่ช้า มารแปดตนปรากฏขึ้นบนหอสังเกตการณ์พร้อมแบกสัตว์ทะเลขนาดใหญ่มาด้วย

นี่คือปลาทะเลที่เต็มไปด้วยหนาม แสงเลือนรางจากอสนีบาตปรากฏออกมาลางๆ

มันสูงเท่ากับตึกสามชั้น

มารแปดตนที่แบกมันมาถูกแทงจนโลหิตหลั่ง บางครั้งมีอาการกระตุกเพราะพลังอสนีบาต

แต่พวกเขาไม่พูดสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งชี้ไปที่ปลาทะเลยักษ์แล้วกล่าวว่า “เครื่องประดับของโบสถ์ไม่สามารถฆ่ามันได้ คนของข้าก็เช่นกัน นี่คือสัตว์ทะเลที่มีพละกำลังพอเหมาะ เป็นสมบัติหายากที่ข้าจับมาจากทะเลมารโกลาหลด้วยตัวเอง ข้าจะใช้มันเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับแขกเวลาจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ”

“ข้าฆ่ามันได้หรือ” กู่ฉิงซานถาม

“แน่นอน ข้าได้ยินว่าเจ้ามีทักษะการทำอาหารที่ดี ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะมีประสบการณ์แยกชิ้นส่วนเหยื่อด้วยเช่นกัน” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว

“การแยกชิ้นส่วนและการสังหารเป็นแค่ทักษะพื้นฐาน” กู่ฉิงซานกล่าว

นี่คือความจริง

จิตของกู่ฉิงซานขยับ

‘วิ้ง’

ดาบบินเจ็ดร้อยเล่มพลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

ดาบบินทุกเล่มกลายเป็นเงาอย่างรวดเร็วก่อนพุ่งเข้าหาปลาทะเลที่ปล่อยอสนีบาตสีครามออกมา จากนั้นมันบินกลับมาอยู่ที่ด้านหลังกู่ฉิงซานแล้วหายไปในความว่างเปล่าอีกครั้ง

สายฟ้าบนปลาทะเลหายไป

เพียงอึดใจเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบ มันคือการสับเนื้อที่สมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งตัวเนื้อเองก็ยังดูเป็นงานศิลปะ

ศีรษะของปลาทะเลพลันทะยานออกมา แต่ร่างของมันยังคงไม่ขยับ

ตอนนี้เองมันถึงรู้สึกเจ็บปวด

ตอนนี้ มันพบว่าตัวเองได้ตายแล้ว

“มีดดีนี่”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งปรบมือ

กู่ฉิงซานไม่ตอบ ดวงตาของเขาจับจ้องหน้าต่างต้นเพลิงเล็กน้อย

แถวข้อความขนาดเล็กสีโลหิตกำลังปรากฏขึ้น

“ท่านสังหารราชาหนามอสนีบาต”

“นี่คือสัตว์ประหลาดทะเลหายากยิ่ง ทั้งทรงพลังและดุร้าย กินเลือดเนื้อสดๆ เพื่อมีชีวิตรอด”

“เพราะมันได้รับบาดเจ็บปางตาย ท่านจึงฆ่าสิ่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์”

“พลังวิญญาณของท่านเพิ่มขึ้น ห้าพันแต้ม”

พลังวิญญาณ ห้าพันแต้มก็นับว่ามากเกินพอแล้ว!

กู่ฉิงซานเดินไปที่ขอบหอสังเกตการณ์

เขามองท้องทะเลโอ่อ่าท่ามกลางพายุ

“ดาบคลื่นเสียง”

เขาเรียกมันด้วยจิตเทพอันแผ่วเบา

‘วิ้ง’

คลื่นเสียงที่ซ่อนอยู่ในทะเลแห่งความตระหนักรู้ของเขาได้ยินเสียงเรียก มันกรีดร้องอย่างแผ่วเบาราวกับอดรนทนไม่ไหว

“เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยเถอะ”

กู่ฉิงซานตอบ

เขาเริ่มถ่ายพลังวิญญาณให้ดาบคลื่นเสียง

ในท้องทะเล ฉากที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกลับปรากฏขึ้นมา

สัตว์ประหลาดทะเลยักษ์สองตัวกำลังสู้กัน

แต่ตอนนี้ คลื่นทะเลเคลื่อนออกจากสัตว์ประหลาดทะเลสองตัว ก่อเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่สองโพรงที่ไม่มีน้ำทะเลใดๆ

สัตว์ประหลาดทะเลสองตัวที่กำลังสู้กันเองอยู่นั้นตกลงจากผิวทะเลทันที

น้ำทะเลทั้งหมดหลีกเลี่ยงพวกมัน ไม่มีน้ำทะเลสักหยดที่เต็มใจจะสัมผัสพวกมัน

‘โฮก!’

สัตว์ประหลาดทะเลทั้งสองแผดเสียงคำรามสะเทือนปฐพี

แต่มันไม่ได้ผล

พวกมันพึ่งท้องทะเลเพื่อการมีชีวิต พวกมันตกลงไป ไม่มีทางทำอะไรได้

เมื่อไม่มีพวกมันสร้างคลื่นขึ้นมา พายุจึงค่อยๆ สงบลง

ทั่วท้องทะเลกลับสู่ความสงบ

มีเพียงโพรงขนาดใหญ่สองโพรงนี้ที่ยังอยู่บนผิวทะเลราวกับกำลังเตือนพวกมารที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ให้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งมองโพรงท้องทะเลขนาดใหญ่สองโพรงก่อนใบหน้าค่อยๆ เผยความสนใจออกมา

“ถ้าแบบนี้…”

เขาพึมพำราวกับกำลังคิดบางสิ่งอยู่

ตอนนี้ กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าได้ยินว่าหุบเหวทะเลลึกของทะเลมารโกลาหลนั้นลึกมาก ไม่มีใครถึงกับไปถึงด้านล่างได้”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าวว่า “ที่นี่อยู่ใกล้กับชายฝั่ง เพราะอย่างนั้นก็เลยไม่ลึกมาก”

กู่ฉิงซานถามว่า “ที่นี่ห่างจากตรงนั้นมากแค่ไหน”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ประมาณหนึ่งนาที”

หนึ่งนาทีผ่านไป

‘ตูม!’

มีเสียงกระแทกอย่างรุนแรงมาจากส่วนลึกของปฐพี ตามมาด้วยแผ่นดินไหวจากทั่วทั้งชายหาดกับดินแดนรกร้างในเขตชายฝั่ง

ปฐพีกำลังสั่นไหว!

แม้กระทั่งโบสถ์ก็สั่นไหวอยู่นานก่อนจะกลับมามั่นคง

สัตว์ประหลาดทะเลยักษ์สองตัวตกลงมาจากผิวทะเลก่อนกระแทกกับชั้นหินลึกที่อยู่ในก้นทะเลจนเกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่

กู่ฉิงซานสะบัดมืออย่างแผ่วเบา

บนทะเล โพรงขนาดใหญ่สองโพรงนั้นหายไปอย่างเงียบงัน

ทะเลกลับมาสงบอีกครั้ง

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างพึงพอใจว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ความสามารถควบคุมทะเลจะมาควบคุมทะเลมารโกลาหล อีกอย่าง สัตว์ประหลาดทะเลครอบครองทั้งที่หลบภัยทะเล สายสัมพันธ์ทะเล บุตรแห่งทะเล เจ้าไม่น่าจะทำแบบนี้ได้เลย”

จากนั้นเขาถามว่า “ถ้าอย่างนั้น ความสามารถนี้มันคืออะไรกันแน่”

กู่ฉิงซานนิ่งไปสักพัก

โชคยังดี ปัญหานี้สามารถจัดการได้โดยไม่ต้องโกหก

เขานึกถึงคำบรรยายของดาบคลื่นเสียงในหน้าต่างเทพสงครามขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

“ดาบโบราณ ชื่อของดาบเล่มนั้นคือคลื่นเสียง”

“ในยุคโบราณ โลกอันสดใสเต็มไปด้วยทะเลไม่มีสิ้นสุด เมื่อเทพจากไป พวกเขาใช้ดาบเพื่อปกป้องโลก”

“ผู้ที่กุมดาบเล่มนี้ไว้คือราชาแห่งทะเลทั้งมวล”

“ดาบเล่มนี้มีพลังลี้ลับ: ก้าวข้ามทะเลขมขื่น”

กู่ฉิงซานยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ความสามารถนี้มีชื่อว่าก้าวข้ามทะเลขมขื่น”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งชื่นชม “เป็นชื่อที่ดี มีเสน่ห์แบบยุคโบราณ”