กู่ฉิงซานและท่านลอร์ดอีกตนรอไม่นานนัก

มารหญิงสองตนที่มีใบหน้าน่าเกลียด เขาแพะบนศีรษะกับขนนกสีดำได้ปรากฏตัวขึ้น

พวกนางคล้ายกับมีสถานะที่สูงส่งกว่า เทียบกับมารหญิงก่อนหน้านี้ สถานะของพวกนางดีกว่านัก

“ท่านลอร์ดตนก่อนได้พบนายท่านแล้ว ทีนี้ถึงตาท่านแล้วล่ะ”

มารหญิงทั้งสองกล่าวกับท่านลอร์ดอย่างพร้อมเพรียง

ท่านลอร์ดอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ “แต่พี่ชายที่ไปก่อนข้ายังไม่ลงมาเลยไม่ใช่หรือ”

มารหญิงตอบว่า “ท่านไม่ต้องรอเขาหรอก เขาตายแล้ว”

ท่านลอร์ดตกตะลึง เหงื่อเย็นค่อยๆ หลั่งออกมา

มารหญิงอีกตนกล่าวอย่างเห็นใจว่า “ท่านจำได้หรือไม่ ชั้นบนสุดคือสถานที่ที่พลังของโบสถ์ แข็งแกร่งที่สุด หลังจากขึ้นไปแล้ว หากพูดโกหกแม้เพียงนิดเดียว นายท่านของพวกข้าจะดูท่านกลายเป็นเครื่องประดับโบสถ์ชิ้นต่อไป”

“เขาไม่ได้ช่วยเขาหรือ เห็นว่ามาเพื่อคุยธุระพร้อมกับสมบัติจำนวนมากเชียวนะ” ท่านลอร์ดกล่าวขณะเช็ดเหงื่อเย็นตรงหน้าผาก

มารหญิงตอบว่า “น่าเสียดายที่นายท่านคิดว่าเครื่องประดับโบสถ์น่าสนใจยิ่งกว่าธุระนั่น”

มารหญิงอีกตนกล่าวว่า “ได้โปรด อย่าให้นายท่านรอนานไปกว่านี้อีกเลย ไม่อย่านั้น ถ้านายท่านโกรธขึ้นมาล่ะก็ ถึงตอนนั้น…”

ท่านลอร์ดหวาดกลัวขณะรีบก้าวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

มารหญิงสองตนมองหลังอีกฝ่ายจนอดที่จะหัวเราะไม่ได้

เมื่อท่านลอร์ดหายไปที่สุดขอบขั้นบันไดแล้ว มารหญิงสองตนหันมามองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานยิ้มกลับ

มารหญิงสองตนตกตะลึงเล็กน้อย

ต่อให้ราชาวิญญาณมารจะไร้ค่า แต่เขาก็หล่อเหลาทีเดียว แถมยังน่าหลงใหลมากอีกด้วย

ดวงตาของมารหญิงทอประกายขณะกล่าวชม “ความสง่าของท่านนับว่าหาได้ยากยิ่งในหมู่ท่านลอร์ดด้วยกัน”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “รูปลักษณ์ไม่ใช่จุดแข็งของข้าหรอกนะ”

“โห แล้วจุดแข็งของท่านคืออะไรล่ะ” มารหญิงถามพลางหัวเราะคิกคัก

“ความใจกว้างยังไงล่ะ” กู่ฉิงซานตอบ

เขาหยิงกล่องอัญมณีสองใบออกมาก่อนสะบัดมือออกไปอย่างแผ่วเบา พวกมันลอยไปอยู่ตรงหน้ามารหญิงทั้งสอง

มารหญิงสองตนเปิดกล่องเพื่อมองดู จากนั้นหยิบออกไป

ชุดอัญมณีล้ำค่าที่สุดในชุดสะสมของแม่มด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลกมาร สิ่งนี้ก็ยังเป็นของขวัญที่เป็นประโยชน์

ทว่า มารหญิงทั้งสองไม่แสดงความตื่นเต้น เพียงแค่ชำเลืองมองอัญมณีคร่าวๆ ก่อนหยิบออกไป

กู่ฉิงซานอดที่จะประหลาดใจไม่ได้

มารหญิงทั้งสองไม่ตอบสนองกับอัญมณี แต่เผยความสนใจในตัวกู่ฉิงซาน

มารหญิงถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า “ได้ข่าวว่าท่านฆ่าราชามารไปสองตนใช่หรือไม่”

กู่ฉิงซานไม่ถามว่าพวกนางรู้ได้อย่างไรก่อนยิ้มออกมา “พูดให้ถูกคือฆ่าไปตนเดียว อีกตนนายหญิงเป็นผู้ลงมือน่ะ”

“แสดงว่าเจ้าชอบการฆ่าหรือ” มารหญิงถาม

“ไม่ชอบต่างหากล่ะ”

“ในฐานะท่านลอร์ด ท่านชอบอะไรล่ะ”

“ทำอาหาร”

มารหญิงถึงกับแข็งทื่อ

นางนิ่งอยู่สักพัก จากนั้นพลันป้องปากแล้วหัวเราะออกมา

“โบสถ์ไม่กินท่านแหะ ดูท่าท่านจะพูดความจริง” นางกล่าว

“ปกติข้าก็ไม่โกหกนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“เอาเถอะ…พูดตามตรงแล้ว ท่านเป็นท่านลอร์ดที่พิเศษมากจริงๆ” มารหญิงอีกตนเอียงศีรษะขณะมองเขา

“ความซื่อตรงทำให้อยู่ร่วมกันได้ด้วยความเชื่อใจ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่ชอบการถูกโกหกเช่นกัน” กู่ฉิงซานกล่าว

“ท่านคิดว่าข้าสวยหรือเปล่า” มารหญิงพลันถามขึ้น

รูปลักษณ์ของพวกนางไม่งดงามจริงๆ ออกจะดูน่าเกลียดด้วยซ้ำ

ดวงตาของกู่ฉิงซานจับจ้องอีกฝ่ายแล้วกล่าวว่า “ท่วงท่าช่างมีเสน่ห์และน่าเชยชมนัก”

นี่คือความจริง

มารหญิงชี้ไปที่สหายก่อนถามว่า “แล้วนางล่ะ”

“มีเสน่ห์เท่ากัน” กู่ฉิงซานตอบ

มารหญิงอีกตนถามเสียงดังว่า “เช่นนั้นใครที่งดงามกว่ากันล่ะ”

บรรยากาศตอนนี้คล้ายกับแข็งทื่อ

มารหญิงทั้งสองเผยรอยยิ้มบนใบหน้าขณะจ้องมองกู่ฉิงซานราวกับกำลังรอให้เขาพูดอะไรแย่ๆ ออกมา

ยังไงเสีย ในโบสถ์แห่งนี้ ไม่มีใครกล้าพูดโกหก

“พวกเจ้าไม่ได้ดูดีเหมือนกับข้า” กู่ฉิงซานกล่าว

สองสาวประหลาดใจก่อนพลันหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮ่าๆ ช่างเป็นผู้ชายที่มีอารมณ์ขันยิ่งนัก”

“เอาเถอะ ถึงรูปลักษณ์จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังเป็นท่านลอร์ดตัวจริงที่เป็นตัวตนแปลกประหลาดอยู่ดี”

ขณะสองสาวสนทนา หมอกสีดำค่อยๆ พวยพุ่งบนร่างของพวกนาง

หมอกสีดำเปลี่ยนขนนก เขายาวและใบหน้าน่าเกลียดให้กลายเป็นใบหน้างดงามที่มีผิวอ่อนนุ่ม

สองสาวมาปรากฏตัวตรงหน้ากู่ฉิงซาน

พวกนางดูเหมือนกัน เว้นแค่เพียงมีตนหนึ่งที่มีผมสีม่วงกับอีกตนมีผมสีเขียว

มีเพียงสีผมที่สามารถทำให้แยกพวกนางได้

นี่น่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของพวกนาง

กู่ฉิงซานตกตะลึง

การเปลี่ยนแปลงนี้ที่ควบคู่ไปกับร่างมีเสน่ห์ดั้งเดิมทำให้เจริญหูเจริญตามากยิ่งขึ้น

“ท่านยังคิดว่าตัวเองดูดีที่สุดอีกหรือไม่” หญิงสาวถาม

กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้างดงามยิ่งกว่าข้า”

สองสาวป้องปากแล้วหัวเราะออกมา

พวกนางมีความสุขเสมอที่ได้ลวนลามมารระดับลอร์ดเหล่านี้

พวกนางกำลังจะคุยต่อเมื่อจู่ๆ สายตาอีกฝ่ายเหลือบไปเห็นบางอย่าง

“น่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถคุยกันต่อได้แล้ว ทีนี้ถึงตาของท่านแล้ว ท่านลอร์ด นายท่านกำลังรออยู่” หญิงสาวกล่าว

กู่ฉิงซานมองขึ้นไปบนขั้นบันไดสูงก่อนทวนคำพูดของท่านลอร์ดก่อนหน้านี้ “แต่พี่ชายที่ไปก่อนข้ายังไม่ลงมาเลยไม่ใช่หรือ”

“ไม่ต้องรอหรอก เขากลายเป็นเครื่องประดับไปแล้วเช่นกัน” มารหญิงกล่าวอย่างแผ่วเบา

กู่ฉิงซานถามว่า “มีใครเคยได้ลงมาหรือเปล่า”

มารหญิงทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นมองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานยิ้มให้พวกนาง “พวกเจ้าไม่บอกข้าก็ไม่เป็นไร ข้าขึ้นไปล่ะ”

มารหญิงจ้องเขาแล้วพลันลดเสียงต่ำก่อนกล่าวว่า “ท่านต้องจำให้ดี อย่าปล่อยให้เสียเวลา”

“อย่างแรกเลย นายท่านจะปล่อยพวกมารที่มีความสามารถลี้ลับทรงพลัง แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับธุรกิจและโบสถ์ด้วย” มารหญิงอีกตนเน้น

กู่ฉิงซานพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเข้าใจ

“เจ้าบอกแบบนี้ นายท่านของเจ้าจะไม่ลงโทษเอาหรือ” เขากังวล

“ไม่ต้องห่วง เขตอาคมตัดขาดทุกสิ่ง นายท่านเกลียดที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้ผลประโยชน์อะไร อีกอย่าง เขาไม่สนว่าพวกข้าจะพูดอะไร” มารหญิงกล่าว

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วพยักหน้าให้สองสาว เขาสาวเท้าก้าวขึ้นไปทีละขั้น

ใช่ เขาจำได้แล้ว

บาร์เทนเดอร์ที่บาร์ซิ่วเริ่นเคยบอกว่ามีกฎสองข้อที่นี่

หนึ่งคือไม่สามารถพูดโกหกได้

อีกข้อคือความยุติธรรม

พวกมารมักจดจำข้อแรกได้เป็นอย่างดีเพราะพวกมารมักพูดโกหกโดยไม่รู้ตัวเสมอไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตาม

นี่คือสัญชาตญาณของพวกมัน

ส่วนความยุติธรรม มันคือกฎการแลกเปลี่ยนของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง

จุดนี้สามารถมองข้ามไปได้อย่างง่ายดาย

เพราะสำหรับธุรกิจแล้ว นี่คือกฎที่ง่ายที่สุด

พูดให้ถูกก็คือจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งใส่ใจกับเรื่องนี้เมื่อเป็นเรื่องทำธุรกิจ

กฎสองข้อ

หากจำเพียงหนึ่งในนั้น

จุดจบมันแน่ชัดอยู่แล้ว

อีกอย่าง ถ้าเขาอยากเดินลงมาจากด้านบนทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็ต้องมีเงื่อนไขที่สาม

“อย่างแรกเลย นายท่านจะปล่อยพวกมารที่มีความสามารถลี้ลับทรงพลัง”

ครึ่งประโยคนี้แหละคือเงื่อนไขที่สาม!

ในที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดถึงกับเป็นประโยคแรก

เมื่อเวลามีจำกัด คนเรามักจะเลือกคำสำคัญที่สุดเป็นอันดับแรก

ประโยคนั้นคือสิ่งที่แม่มดตนแรกกล่าว

“ท่านต้องจำให้ดี อย่าปล่อยให้เสียเวลา”

นี่คือเงื่อนไขข้อที่สี่!

กู่ฉิงซานจัดเรียงสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว

เขาเดินไปยังขั้นบนสุดก่อนข้ามเขตอาคมบิดเบี้ยวสีดำ

ไม่ช้า เขาหายไปจากสายตาของมารหญิงทั้งสองเหมือนกับท่านลอร์ดสองตนก่อนหน้านี้

ท่ามกลางมารหญิงทั้งสอง หนึ่งในนั้นพลันถามว่า “พี่สาว พวกเราไปดูกันไหม”

มารหญิงอีกตนกล่าวว่า “เอาสิ ท่านลอร์ดผู้นี้น่าสนใจเหมือนกัน ข้าก็อยากรู้ว่าเขาจะเจอผลลัพธ์แบบไหน”

“ถ้าพวกเราลอบเข้าไปอีกจะเจอปัญหาอะไรไหมน่ะ”

“ไม่หรอก ท่านพ่อไม่ต่อว่าพวกเราต่อหน้าผู้อื่นหรอก”

“งั้นไปกันเถอะ”

“ได้”

นี่คือชั้นบนสุดของโบสถ์

มันคือหอสังเกตการณ์ที่ว่างเปล่าและกว้างขวาง

กู่ฉิงซานมองชายผู้หนึ่ง

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง

เขาสวมชุดคลุมสีดำ รองเท้าสีดำปลายแหลม ถือคทายาวสีดำไว้ในมือ เขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงอีกาขณะหันหลังให้กู่ฉิงซาน เขากำลังมองพายุในทะเล

ฝูงอีกาทั้งหมดจ้องมองกู่ฉิงซาน

“ราชาวิญญาณมารผู้มาจากดินแดนอันไกลโพ้น ข้าได้ยินว่าเจ้าอยากรักษาอาวุธเอาไว้สินะ”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งถามตามตรง

กู่ฉิงซานตอบว่า “ใช่ ข้าเต็มใจจ่ายค่าตอบแทนทั้งหมดเพื่อทำการแลกเปลี่ยนกับวิชาชะลอความตาย”

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าวว่า “ข้าเคารพในผลประโยชน์ของทุกผู้ แล้วเจ้าวางแผนจะจ่ายค่าตอบแทนด้วยอะไรล่ะ”

กู่ฉิงซานหยิบเส้นด้ายยาวสองเส้นที่ส่องแสงเจิดจ้าออกมาก่อนเผยต่อหน้าจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งไม่พูดอะไรสักพักใหญ่

นี่คือเส้นปกครองของโลกวิญญาณมารกับโลกมารกระดูกชั่วร้าย

เส้นกฎเกณฑ์สามารถหลอมรวมกับโลกมารได้

เมื่อโลกมารหลอมรวมกัน แหล่งกำเนิดโลกจำนวนมากจะหายไปเพื่อช่วยเพิ่มพละกำลังให้กับสิ่งมีชีวิต

แม้กระทั่งพวกมารเหล่านั้นที่เผชิญกับพันธนาการในการพัฒนาพละกำลังจะได้รับการพัฒนาในระดับต่างกันออกไปตามพรของแหล่งกำเนิดโลก

ดังนั้น โลกมารทุกแห่งคือสมบัติประเมินค่ามิได้ ทุกการหลอมรวมคือโอกาสอันมีค่า

เบื้องหน้าจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง มีโลกมารสองแห่ง

เพื่อรักษาอาวุธ ราชาวิญญาณมารถึงกับเสนอโลกมารสองแห่งให้!

อาจจะมีท่านลอร์ดจำนวนมากที่มาที่นี่เพื่อเสนอสมบัติจำนวนมากและขอความช่วยเหลือจากจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง

แต่จะมีท่านลอร์ดกี่ตนที่จะเสนอโลกมารให้

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเงียบไปสักพักก่อนถอนหายใจออกมา “มอบเศษเสี้ยวของโลกมารให้ในคราวเดียว ราชาวิญญาณมาร ปกติเจ้าหาญกล้าแบบนี้เสมอหรือ”

“ข้าแค่ไม่ชอบเล่นตุกติกนิดหน่อยน่ะ”

“เล่นตุกติกนิดหน่อยหรือ”

“ใช่ ถ้าข้าไม่มาพร้อมกับของที่ทำให้ท่านประทับใจได้ก็คงจะทำให้เสียเวลาเปล่า เวลาเป็นสิ่งที่ประเมินค่ามิได้” กู่ฉิงซานกล่าว

จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งไม่พูดอะไร

แต่ฝูงอีการอบตัวเขาล้วนสยายปีกก่อนบินออกจากหอสังเกตการณ์

จากจุดสูงสุดของโบสถ์ เสียงของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งดังก้อง

“ท่านลอร์ดหนุ่มผู้มีมันสมองนับว่าหาได้ยาก”

“รางวัลที่เจ้าจ่ายให้นับว่าโดนใจข้านัก ฉะนั้นข้าจึงไม่เสียเวลาเปล่า”

“ถ้าข้ายืนกรานจะใช้เจ้าเป็นเครื่องประดับผนัง แบบนั้นมันก็ไม่ยุติธรรมกันพอดี”

ในที่สุดเขาหันมามองกู่ฉิงซานซึ่งๆ หน้า