ขณะเดินอยู่ในโบสถ์ กลิ่นโลหิตและเผาไหม้อันเข้มข้นลอยมา

กู่ฉิงซานขมวดคิ้วขณะมองรอบข้าง

เขาเห็นว่าทั่วทั้งผนัง มีพวกมารติดอยู่กับผนังโบสถ์ขณะยังดิ้นรนขัดขืน

พวกมันตายไม่ได้ ทำได้เพียงแช่อยู่ในลาวาหลอมละลายไปชั่วนิรันดร์

พวกมารอ้าปากพร้อมกับสีหน้าเจ็บปวดและสิ้นหวังขณะพยายามกรีดร้อง

แต่พวกมันไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ได้

ดูท่าโบสถ์จะกีดกันเสียงของพวกมัน

ฉากสยองอันเงียบงันอยู่ตามผนังทุกหนแห่งทั่วทั้งโบสถ์

ชายวัยกลางคนสังเกตเห็นสายตาของกู่ฉิงซานก่อนยิ้มออกมา “พวกที่คิดเล่นตุกติกก็มีจุดจบเลวร้ายเช่นนี้เสมอ ท่านคิดว่าไงล่ะ”

“ถ้าพวกมารไม่เล่นตุกติกเพียงหนึ่งวัน พวกมันจะรู้สึกไม่สบายไปหนึ่งวัน” กู่ฉิงซานกล่าว

“มีแขกน้อยตนนักที่จะรู้ดีเช่นท่าน ท่านลอร์ด”

ขณะพูด เขาเห็นมารตนหนึ่งที่มีเกล็ดทั่วทั้งร่างก็หยุดนิ่ง

มันมองผนังด้วยความประหลาดใจก่อนตะโกนว่า “ท่านผู้เฒ่า ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”

ตรงข้ามอีกฝ่าย มารตนหนึ่งติดอยู่กับผนัง มีเพียงแขนขาและศีรษะที่ยื่นออกมา

“ช่วยข้าด้วย เจ้าหนุ่ม รีบช่วยข้าที” มารตนนั้นส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

“นี่คือโบสถ์หลอมละลาย ข้าช่วยอะไรไม่ได้หรอก”

“เจ้าไปหาจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเพื่อข้า ขอแค่ยอมช่วย ข้าเต็มใจมอบทุกสิ่งที่มีให้”

“ทุกสิ่งหรือ ถ้างั้นของของท่าน…แบบนี้เป็นความคิดที่ดีเลย…”

มารมีเกล็ดเผยความละโมบก่อนรีบออกจากโบสถ์ไป

ดูท่ามันจะรู้ดีว่าของของอีกฝ่ายถูกเก็บไว้ที่ไหน

ในโบสถ์ มีพวกมารจำนวนมากที่เข้ามา จะอธิบายว่ามีความคึกคักก็ไม่ผิด แต่ไม่มีใครสนใจที่จะจัดการกับเรื่องเหล่านี้เลย

กู่ฉิงซานยังคงเงียบขณะตามชายวัยกลางคนไปยังโถง เดินผ่านตามทางเดิน เดินขึ้นบันไดสู่ตึกสูงก่อนเข้าสู่ห้องขนาดเล็ก

ห้องมีขนาดเล็ก แต่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นพร้อมใช้งาน แม้กระทั่งเตาผิงขนาดเล็กก็ยังมี

“นี่คือห้องส่วนตัวสำหรับท่าน”

ชายวัยกลางคนดีดนิ้ว

จานอาหารน่ากินและมีไอพวยพุ่งปรากฏขึ้นบนโต๊ะยาวพร้อมถังน้ำแข็งขนาดใหญ่กับขวดบรรจุสุราเจ็ดถึงแปดขวด

ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างสุภาพว่า “ท่านเดินทางจากโลกวิญญาณมารมาตั้งไกล โปรดพักเสียหน่อย มีท่านลอร์ดอยู่หน้าห้องตนหนึ่ง ทันทีที่ผู้ประเมินจัดการเสร็จสิ้นแล้ว เขาจะมาพบท่าน”

“ขอบคุณ” กู่ฉิงซานพยักหน้า

เขาเดินไปที่โต๊ะ หยิบขวดสุราขึ้นมาหนึ่งขวดก่อนเปิดฝาแล้วเทใส่แก้วตัวเอง

ผู้ประเมินของทะเลมารโกลาหลนับว่ามีชื่อเสียงมาก พูดง่ายๆ คือเขารับใช้พวกมารระดับลอร์ดเท่านั้น แถมยังเป็นยอดผู้เชี่ยวชาญความลี้ลับอีกด้วย

ในเมื่อมีท่านลอร์ดเพียงตนเดียวเท่านั้น เขาจึงรอ

ชายวัยกลางคนยิ้มเมื่อเห็นภาพดังกล่าว เขาเปิดประตูก่อนเดินออกมา

ใช้เวลาไม่นานนัก

เมื่อกู่ฉิงซานดื่มสุราแก้วที่ห้าเข้าไป มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก

“เชิญเข้ามา”

กู่ฉิงซานวางแก้วลงขณะกล่าว

ประตูเปิดออก

เขาเห็นชายชรารูปหล่อเดินมาจากข้างนอก

หลังจากมารไปถึงระดับสูงก็มักจะปลอมแปลงตัวเองให้เหมือนมนุษย์เพื่อปกปิดเผ่าพันธุ์และตัวตนดั้งเดิมของตัวเอง

มิติที่ครอบครองโดยร่างมนุษย์มักมีขนาดเล็กเสมอ จากประสบการณ์ มันสะดวกสบายยิ่งเวลาสื่อสารในร่างมนุษย์

การเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์คือทักษะทั่วไประดับสูงที่มีเพียงมารระดับสูงเท่านั้นที่สามารถเชี่ยวชาญได้

“ยินดีต้อนรับ ราชาวิญญาณมาร การต่อสู้ของท่านน่าทึ่งนัก ถ้าข้าเห็นพลังของวิญญาณอสนีบาตก็คงคิดว่าท่านเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยซ้ำ” ชายชรากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

กู่ฉิงซานยิ้มและไม่กล่าวอะไร

จะโกหกไม่ได้

ชายชราถามอีกครั้งว่า “ถ้างั้น ท่านผู้มีโลกมารสองแห่ง การที่มาทะเลมารโกลาหลในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าต้องการสิ่งใด”

“เรียนผู้ประเมินที่เคารพ ข้ามาที่นี่เพื่อประกาศภารกิจ” กู่ฉิงซานกล่าว

ชายชราฟังขณะกล่าวด้วยความไม่ค่อยสนใจว่า “โห ภารกิจหรือ นี่ออกจะเป็นเรื่องที่เรียบง่ายนัก ข้าจะให้คนที่ระดับต่ำกว่าจัดการให้ก็แล้วกัน”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ยังต้องให้ท่านจัดการอยู่ดี”

เขาหยิบถุงขนาดเล็กออกมาก่อนโยนให้อีกฝ่าย

ชายชรารับถุงก่อนชั่งน้ำหนักแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้าสัมผัสได้ถึงน้ำหนักอันหนักอึ้งของมัน ดูท่าภารกิจของท่านต้องไม่เรียบง่ายเป็นแน่แท้ โปรดบอกพวกข้ามาคร่าวๆ ว่าภารกิจแบบไหนที่ท่านจะประกาศ”

“ช่วยเหลือวิญญาณ” กู่ฉิงซานกล่าว

กู่ฉิงซานหยิบกล่องยาวออกมาก่อนวางบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา

เขาวางมือบนกล่องก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า

“มีอาวุธหนึ่งชิ้นอยู่ในนี้ มันกำลังจะตาย ข้าอยากรู้ว่ามีมารตนไหนที่สามารถใช้พลังพิเศษซ่อมได้”

ชายชราพลันสนใจขึ้นมาก่อนกระซิบว่า

“วิญญาณวัตถุนั้นหาได้ยาก หากท่านต้องการช่วยพวกมัน แม้แต่ข้าก็ไม่มีประสบการณ์ที่ดีพอ ภารกิจเช่นนี้นับว่าหาได้ยากและควรค่าแก่การที่ข้าจะลงมือยิ่งนัก”

เขาเริ่มท่องคาถา “รายการสำรวจสิ่งลี้ลับ จงปรากฏ”

‘ปัง!’

ตำราเล่มใหญ่ปรากฏขึ้นจากอากาศบางขณะลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง

นี่คือความสามารถลี้ลับขึ้นชื่อที่ผู้ประเมินทุ่มเทให้

“วางมือของท่านบนตำราแล้วกล่าวสิ่งที่ต้องการ” ชายชรากล่าว

กู่ฉิงซานวางมือบนผิวตำราเล่มใหญ่แล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการช่วยอาวุธของข้า”

ตำราเล่มใหญ่ไม่ขยับ ไม่มีเสียงใดๆ

ชายชราเสียดาย “ดูท่าทั่วทั้งทะเลมารโกลาหล ไม่มีมารตนใดมีความสามารถช่วยอาวุธได้”

“ข้าขอลองอีกสักครั้งด้วยการประกาศภารกิจที่ง่ายขึ้นอีกเล็กน้อย” กู่ฉิงซานกล่าว

“ยังไงกันล่ะ” ชายชราถาม

“ทำให้อาวุธอยู่ในสภาพอมตะชั่วคราว” กู่ฉิงซานกล่าว

ชายชราพยักหน้าก่อนส่งสัญญาณให้เขาลงมือต่อ

ตอนนี้ กู่ฉิงซานวิตกอย่างแท้จริง

ดาบพิภพสามารถมีชีวิตได้อีกเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น

หากไม่มีหนทางถ่วงเวลาการตายได้ก็เท่ากับจบสิ้น

กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ วางมือบนตำราเล่มใหญ่แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าอยากถ่วงเวลาการตายของอาวุธชิ้นนี้เพื่อไม่ให้มันแตกสลายชั่วคราว”

ตำราเล่มใหญ่ไม่ขยับ

ผ่านไปหนึ่งอึดใจ

ตำราสั่นไหวอย่างรุนแรง

‘เปรี้ยะ!’

มันลอยออกจากมือของกู่ฉิงซานขณะพลิกต่อไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดมาอยู่ที่หน้าหน้าหนึ่ง

นี่คือหน้าเปล่า แต่ชายชรายิ้มออกมา

“ดูท่าจะมีมารตนหนึ่งที่สามารถทำได้” เขากล่าว

“จริงหรือ” กู่ฉิงซานยินดี

“ใช่ ตอนนี้ข้าขอดูว่าใครกันที่มีความสามารถนี้ โปรดรอสักครู่”

ชายชราหยิบปากกาขนนกออกมาก่อนวางบนหน้าเปล่า

ทันทีที่ปากกาขนนกสัมผัสหน้าตำรา มันทะยานออกไปแล้วเริ่มเขียนข้อมูลจำนวนมากอย่างละเอียด

กู่ฉิงซานไม่เข้าใจว่าปากกาขนนกกำลังเขียนอะไรอยู่

เมื่อปากกาขนนกเขียนเสร็จ ชายชราอ่านรายละเอียดในตำรา “ราชาพ่อมดกระดูกดำ ทักษะลี้ลับ ชะลอความตาย”

“ราชาพ่อมดกระดูกดำอยู่ที่ไหนหรือ” กู่ฉิงซานถามทันที

ชายชราเผยสีหน้าแปลกประหลาดแล้วกล่าวว่า “ข้าคิดว่าท่านอาจจะไม่รู้ แต่เขาเหมือนกับข้า เป็นผู้รับบัญชาจากนายท่านของพวกข้า”

“แต่เขาไม่ได้อยู่ในแผนกธุรกิจเดียวกับข้า แต่อยู่องค์กรต่อสู้ หากไม่ได้รับคำสั่งจากนายท่าน เขาไม่สามารถลงมือได้”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร” กู่ฉิงซานถาม

“ท่านต้องไปพบนายท่านกับข้าแล้วนายท่านจะตอบตกลงให้กับภารกิจนี้” ชายชรากล่าว

กู่ฉิงซานตกตะลึง

ไปพบจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งหรือ

แม้กระทั่งดยุคมารโลหิตและนักบวชศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เต็มใจที่จะรับมือกับสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ด้วยซ้ำ

ชายชรากล่าวอีกครั้งว่า “เพราะเห็นแก่ความใจกว้างของท่าน ข้าขอเตือนไว้ก็แล้วกัน โปรดเตรียมค่าตอบแทนให้มากพอ ไม่อย่างนั้นหากนายท่านไม่ยินดี ท่านอาจจะกลายเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นบนผนังโบสถ์ก็เป็นได้”

กู่ฉิงซานคร่ำครวญออกมา “ข้าไม่รู้ว่าค่าตอบแทนแค่ไหนถึงจะพอ”

ชายชรากล่าวว่า “ข้าทำได้แค่ให้ข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น ครั้งที่แล้ว มารตนหนึ่งใช้เรือยักษ์สิบสองลำที่เต็มไปด้วยเพชรโลหิตวิญญาณมาขอให้นายท่านทำบางอย่างเพื่อเขา ผลที่ได้ มารตนนั้นยังอยู่บนผนังชั้นนอกของโบสถ์”

กู่ฉิงซานจนคำพูด

ถึงแม้เขาจะเตรียมสมบัติล้ำค่าของโลกมารสองแห่งมาด้วยในรอบนี้ แต่เขารีบร้อนเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมของได้มากกว่านี้ ยังไงเสีย โลกมารสองแห่งก็นับว่ากว้างใหญ่นัก

ดังนั้น ค่าตอบแทนต้องเท่าไหร่จึงจะสมน้ำสมเนื้อ

เขาครุ่นคิดอย่างเงียบงัน

เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายชรากล่าวว่า “ท่านคิดว่าไง หากตัดใจตอนนี้ ข้าจะไม่รายงานนายท่าน ท่านจะไม่ต้องเสี่ยงอะไรอีก ท่านเพียงจ่ายค่าปรึกษามาบางส่วนเท่านั้นแล้วค่อยไป”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “โปรดรายงานให้ข้าที”

ชายชราพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ท่านรออยู่ที่นี่แหละ”

เขาเปิดประตูแล้วเดินออกไป

ผ่านไปสักพัก

มีเสียงเคาะประตูอีกครั้ง

“ท่านลอร์ดใช่หรือไม่” ใครบางคนถาม

“ข้าเอง” กู่ฉิงซานตอบ

ประตูพลันเปิดออก

แบนชีงดงามสองตนในชุดเดรสยืนอยู่คนละฝั่งของประตู

พวกนางคำนับให้กู่ฉิงซาน เผยรอยยิ้มให้แล้วกล่าวว่า

“นายท่านรับทราบคำขอแล้ว โปรดตามพวกข้ามา”

กู่ฉิงซานตามพวกนางออกไป

เขาเห็นว่าฉากด้านนอกประตูเปลี่ยนไป

ด้วยเหตุผลบางอย่าง บันไดที่แตกหักและเส้นทางอันว่างเปล่านอกห้องนี้หายไปแล้ว

มันถูกแทนที่ด้วยโถงอันงดงาม

พรมหรูหราถูกปูบนพื้น

กลิ่นบุปผาอบอวลทั่วโถง

ไม่มีผนังทั้งสองฝั่ง ทิวทัศน์ของทะเลไร้สิ่งบดบัง

สายลมและสายฝนกรีดร้อง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาถึงที่นี่

กู่ฉิงซานถึงขั้นมองเห็นทะเลที่อยู่ไกลลิบ มีสองร่างใหญ่กำลังต่อสู้กันบ้าคลั่ง

นั่นคือสัตว์ประหลาดทะเลสองตัว

เสียงร้องของสัตว์ประหลาดทะเลเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายและจิตสังหาร

กู่ฉิงซานมองรอบข้าง

เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ห้องตัวเองอยู่ด้านบนสุดของโบสถ์

นี่คือตำหนักที่เป็นของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง

กู่ฉิงซานตามมารหญิงงามทั้งสองขณะเดินไปตามบันไดยาว

มีมารตนหนึ่งที่มีบรรยากาศรุนแรงรออยู่ก่อนแล้ว

บนขั้นบันได ท่านลอร์ดอีกตนก้าวขึ้นบันไดอย่างระมัดระวัง

ที่ปลายทางขั้นบันไดถูกปิดกั้นด้วยชั้นเงาที่มองไม่เห็น ทำให้มองไม่เห็นฉากที่อยู่ข้างใน

“โปรดรอสักครู่ มีท่านลอร์ดสองท่านกำลังขอเข้าพบนายท่านอยู่ก่อนแล้ว”

มารหญิงทั้งสองยิ้มให้กู่ฉิงซาน จากนั้นจึงก้าวถอยออกมา

กู่ฉิงซานและท่านลอร์ดอีกตนรออยู่ใต้ขั้นบันได

เขาชำเลืองมองท่านลอร์ดตนนั้น

เขาเห็นว่าอีกฝ่ายมีใบหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าวิตกยิ่ง

“เจ้ามาขออะไรหรือ” ท่านลอร์ดถาม

“เรื่องอาวุธน่ะ แล้วเจ้าล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

“มีความผิดปกติเกิดกับร่างกายน่ะ” ท่านลอร์ดกล่าว

ทั้งสองพยักหน้าให้กัน จากนั้นจึงหยุดสนทนา

พวกเขาต่างรำพึงรำพัน

ที่นี่ไม่มีใครโกหกได้

คงดีกว่าที่จะไม่สนทนามากไปกว่านี้

ไม่อย่างนั้น มีหวังได้ถูกขุดคุ้ยเป็นแน่