“ท่านหญิงสวินหยาง ท่านวางแผนดักซุ่มทำร้ายซื่อจื่อของข้าที่นี่หรือ?” หลี่หลินเอ่ยอย่างโมโห

“ข้าแค่ขอความเห็นใจจากซื่อจื่อเท่านั้น เพียงแค่เขายอมถอยหนึ่งก้าว ยกเลิกการหมั้นหมายกับแม่นางฮั่ว ข้าจะขอโทษเขาอย่างแน่นอน!” ฉู่สวินหยางเอ่ย

ฉู่ฉีเหยียนจ้องนางอย่างไม่วางตามาตลอดอยู่นาน ทันใดนั้นเขากลับหัวเราะอย่างเข้าใจขึ้นมาทันทีว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

เขาหัวเราะอย่างกะทันหันเกินไป ทำให้ทุกคนต่างมองอย่างแปลกใจ

ฉู่ฉีเหยียนยังคงหัวเราะออกมาอีกเช่นเดิม แล้วหยุดไปอย่างรวดเร็ว เขาจ้องฉู่สวินหยางไม่ละสายตาด้วยสายตาที่ยิ่งแลดูเย็นเยียบมากขึ้นว่า “องค์รัชทายาทควบคุมราชสำนักไว้ได้แล้วใช่หรือไม่?”

ฉู่สวินหยางไม่จำเป็นต้องพูด หลี่หลินก็โพล่งออกไปอย่างตกใจมากว่า “เป็นไปได้อย่างไร?”

มีองครักษ์ลับอยู่ข้างกายฮ่องเต้ คนพวกนั้นไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น และยังถูกฮ่องเต้ควบคุมไว้ได้อยู่หมัด ไม่มีทางที่จะควบคุมได้ง่ายขนาดนั้น

แต่คำพูดของฉู่ฉีเหยียนกลับมีเบาะแสที่น่าตามสืบอย่างชัดเจน…

หากไม่ใช่ว่ากักตัวฮ่องเต้ไว้ได้แล้ว ฉู่สวินหยางจะเอาความกล้าที่อยากข่มขู่และบีบบังคับฉู่ฉีเหยียนให้ยอมถึงขั้นแตกหักกันอย่างเปิดเผยมาจากไหน?

“ข้าไม่สนเรื่องในราชสำนัก ข้าแค่ถามเจ้าว่าสรุปแล้วเจ้าจะปล่อยตัวหรือไม่ปล่อย!” ฉู่สวินหยางเอ่ย และไม่พูดอะไรกับเขาอีกแม้แต่นิดเดียว

เฟิงเหลียนเซิ่งคล้ายกับกำลังดูละครฉากหนึ่งอยู่นาน ทันใดนั้นเขาก็ตบมืออย่างไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลังว่า “เช่นนั้นหรือ? นี่หมายความว่าองค์รัชทายาทซีเยว่กำลังจะได้กุมอำนาจทางการเมืองเร็วๆ นี้และขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้แล้วหรือ? เช่นนั้นก็ดีมาก!”

เขาเอ่ยพลางหันไปมองฉู่สวินหยางด้วยรอยยิ้มสบายใจยิ่งขึ้นว่า “ดูเหมือนครั้งนี้ข้าจะวางเดิมพันถูกข้างแล้ว วันนี้เพิ่งจะส่งของหมั้นไปถึงวังบูรพา เพียงชั่วพริบตาท่านหญิงก็ทำให้ข้าประหลาดใจมากเช่นนี้ หากองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ เรื่องแต่งงานของพวกเราก็คงกำหนดวันแน่นอนได้แล้วใช่หรือไม่?”

วันที่สิบห้า ที่เขาอยู่ในวังนั้นยังรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างฉู่ฉีเหยียนกับฉู่สวินหยางผิดปกติและคาดเดาได้ยาก

ฉู่ฉีเหยียนคนนี้เก็บซ่อนอารมณ์ไว้ลึกเกินหยั่งถึง จึงสังเกตและคาดเดาความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้ยาก

แม้วันนี้…

ตอนที่พวกเขาสองคนเผชิญหน้ากัน สีหน้าของเขานอกจากเย็นชาแล้วก็มีเพียงความเคร่งขรึม

แต่เฟิงเหลียนเซิ่งอาศัยแค่สัญชาตญาณก็ยังได้กลิ่นทะแม่งๆ

ถึงแม้ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกว่ากลิ่นนี้ช่างเหลวไหลและแปลกมากจนอธิบายไม่ถูก ทว่าเมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ฉวยโอกาสนี้ลองทำให้มันชัดเจน

สายตาของฉู่ฉีเหยียนค่อยๆ เคร่งขรึม ความโกรธผุดขึ้นในใจในชั่วพริบตา

เขามองไปทางเฟิงเหลียนเซิ่ง

เฟิงเหลียนเซิ่งอมยิ้ม แต่กลับรวบรวมสมาธิสังเกตสีหน้าที่เขาแสดงออกมา อยากจะเห็นร่องรอยอะไรบางอย่างจากในนั้น…

หากมีบางอย่างผิดปกติระหว่างสองคนนี้จริง ฉู่ฉีเหยียนได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย

ทว่าไม่ว่าจะสังเกตอย่างละเอียดแค่ไหน ฉู่ฉีเหยียนก็ยังคงสีหน้าเคร่งขรึมมากเป็นพิเศษเช่นเดิม ไม่ต้องพูดถึงสีหน้าอื่น แม้แต่สายตาของเขาก็ไม่แสดงอารมณ์อะไรมากนัก

เขากลอกตามองเฟิงเหลียนเซิ่งเพียงครั้งเดียว แล้วหันกลับไปมองหน้าฉู่สวินหยางใหม่อีกครั้ง

“ความแค้นส่วนตัวระหว่างจวนอ๋องหนานเหอกับตระกูลฮั่ว ไม่ต้องให้เจ้ามาออกคำสั่งตามใจชอบ สวินหยาง!”

ฉู่ฉีเหยียนเอ่ย เหมือนเขาไม่ได้ยินคำพูดของเฟิงเหลียนเซิ่งแม้แต่นิดเดียว ทั้งเขายังชักดาบออกมาระหว่างที่พูด ชั่วขณะที่แสงเย็นสาดส่อง เขาก็จับดาบคมกดลงตรงซอกคอของฮั่วชิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างล่าง

ความรู้สึกเย็นยะเยือกปนจิตสังหารที่หนาวสะท้านแผ่จากผิวสัมผัสเข้าไปในกระแสเลือด ฮั่วชิงเอ๋อร์รู้สึกเพียงหนาวไปทั้งตัว แข้งขาอ่อนแรงจนแทบจะคุกเข่าลงไป

“ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมกับเจ้า ถึงแม้เดิมทีข้าไม่ได้อยากทำให้นางลำบาก แต่ว่าสวินหยางเจ้าทำเช่นนี้จะรังแกกันเกินไปหน่อยแล้ว!” ฉู่ฉีเหยียนเอ่ย พลางยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ถึงตอนแรกข้าจะคว้าน้ำเหลว แต่ตอนนี้ก็ฆ่าทิ้งพร้อมกันที่นี่เสียเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายอีก!”

ระหว่างที่เอ่ยนั้นนิ้วมือที่จับดาบยาวของเขาก็ขยับเล็กน้อย

สายตาของฉู่สวินหยางนิ่งสนิท นางสะบัดแส้ในมือออกมาขณะที่รีบสาวเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

ปลายแส้ว่องไวพันรอบข้อมือข้างที่ถือดาบของฉู่ฉีเหยียนอย่างคล่องแคล่วและบีบบังคับให้เขาผ่อนแรงตาม

หลัวซืออวี่ดูสถานการณ์แล้วกัดฟันโถมเข้าใส่ทั้งตัวชนฮั่วชิงเอ๋อร์ที่ยังโดนฉู่ฉีเหยียนใช้คมดาบขู่อยู่ล้มลงกับพื้นทันที

ฉู่สวินหยางพันแส้รอบข้อมือฉู่ฉีเหยียนแล้วถึงตกใจที่ได้รู้ว่าเขาคิดจะฆ่าจริงๆ เพราะเขาไม่ออมแรงแม้แต่นิดเดียวจริงๆ หากแส้ของนางขวางไว้ไม่ทันเวลา ฮั่วชิงเอ๋อร์ต้องเลือดสาดกระเด็นตรงนี้แน่นอน

คนนี้…

เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ?

หากฮั่วชิงเอ๋อร์เกิด ‘อุบัติเหตุ’ ถูกฝังเพราะภูเขาถล่ม เขายังสามารถอธิบายได้ แต่หากถูกฆ่าเช่นนี้…

ฉู่ฉีเหยียนไม่ใช่คนใช้อารมณ์แบบนั้น

ฉู่สวินหยางใช้แรงทั้งหมดรั้งมือข้างที่ถือดาบของเขาเอาไว้ ในขณะที่ข้างในกลับตกใจมาก

ฉู่ฉีเหยียนถูกสกัดความเคลื่อนไหว ทว่าเขากลับมีท่าทีต่างไปจากปกติโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเยาะออกมา แล้วพลิกข้อมือใช้คมดาบตัดแส้ในมือของฉู่สวินหยาง

ถ้าเป็นแส้ทั่วไปต้องถูกเขาตัดเป็นสองท่อนแน่นอน แต่แส้ของฉู่สวินหยางเส้นนี้เป็นแส้ที่ฉู่ฉีเฟิงสั่งทำเพื่อนางโดยเฉพาะ และใช้ลวดบางมากพันทับหนังที่ทนทาน นอกจากจะคล่องตัวแล้วยังทนทานมากด้วย

คมดาบวาดโดนลวดบนแส้ เกิดประกายไฟเล็กๆ กระเด็นไปทั่ว

หลัวซืออวี่ก็รู้สึกได้เช่นกันว่าฉู่ฉีเหยียนไม่ได้อำพรางจิตสังหาร นางเอ่ยเสียงดังอย่างหวาดกลัวว่า “ซื่อจื่อ อย่างไรแม่นางฮั่วก็เป็นลูกสาวขุนนาง เจ้าลงมือฆ่านางอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ถ้าหากศาลาว่าการซักไซ้ขึ้นมา ต่อให้เจ้าเป็นหลานของฝ่าบาทก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากเรื่องนี้ไปได้ เจ้าต้องคิดให้ดี”

ทว่าฉู่ฉีเหยียนกลับไม่สนใจนางสักนิด ในเมื่อตัดแส้ของฉู่สวินหยางไม่ขาดในดาบเดียว เขาก็ออกแรงข้อมือคิดจะลากนางเข้ามาใกล้ตัว

ฉู่สวินหยางรู้สึกตื่นตัว นางกระตุกแส้แล้วม้วนขึ้นมาเป็นเงาแส้พาดไปตรงซอกคอของเขาอีก

ฉู่ฉีเหยียนกระโดดหลบแส้ของนางไปทั้งตัวและลอยตัวลงสู่พื้น

ฉู่สวินหยางรู้สึกใจไม่ดี จึงรีบเข้าประชิดตัวอีก แล้วฉู่ฉีเหยียนก็หันคมดาบใส่ฮั่วชิงเอ๋อร์กับหลัวซืออวี่อีกอย่างที่คิดไว้จริงๆ

แส้ของฉู่สวินหยางขวางเอาไว้ บีบให้ฉู่ฉีเหยียนต้องถอยหนึ่งก้าว

หลี่เหวยเห็นทั้งสองคนเริ่มสู้กันอย่างจริงจังแล้วก็อดที่จะกังวลไม่ได้ จึงเอ่ยกับเฟิงเหลียนเซิ่งว่า “องค์ชาย ท่านหญิงวรยุทธอ่อน เกรงว่าจะไม่ใช่คู่มือของซื่อจื่ออ๋องหนานเหอ จะ…”

“สนุก!” ทว่าเฟิงเหลียนเซิ่งกลับกลอกตาและยิ้มตาหยีอย่างชอบใจมาก เขามองทั้งสองคนต่อสู้กันและถอนหายใจอย่างพอใจว่า “แม่นางฮั่วคนนี้โชคร้ายจริงๆ ทีแรกนางก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ซื่อจื่ออ๋องหนานเหอเกิดพาลโกรธขึ้นมาจนต้องหาคนระบายอารมณ์น่ะสิ เมื่อครู่ข้ายังเกือบถูกเขาหลอกแล้ว สนุก! สนุกจริงๆ! วันนี้มาไม่เสียเที่ยวแล้วจริงๆ!” เมื่อครู่เขาจงใจพูดยั่วโมโหฉู่ฉีเหยียน แต่กลับไม่เห็นพิรุธในสีหน้าและน้ำเสียงของอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว

ตอนแรกเขายังคิดว่าตนเองอาจจะคิดมากไปแล้วจริงๆ ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าฉู่ฉีเหยียนจะพาลโกรธขึ้นมาแทบจะทันที

เขาไม่แตะต้องฉู่สวินหยาง แต่กลับไปลงกับฮั่วชิงเอ๋อร์แทน

เหอะ…

สองคนนี้น่ะ!

เฟิงเหลียนเซิ่งยิ้มอย่างสบายใจ แต่หลี่เหวยกยิ่งฟังยิ่งงงงวย

ทางฉู่สวินหยางกับฉู่ฉีเหยียนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากจนปลีกตัวออกมาไม่ได้ เฟิงเหลียนเซิ่งที่กำลังดูละครอย่างสนุกสนานก็เงยหน้ามองไปทางถนนเล็กไกลๆ ทันใดนั้นสายตาของเขาพลันฉายแววเคร่งขรึม และเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ท่านหญิง ซื่อจื่อ แค่เล่นละครตบตาเท่านั้น หยุดแค่พอหอมปากหอมคอเถอะ!”

เขายังไม่ทันพูดจบ ทหารมากมายก็เข้ามาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ