[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 496 : เข้าข้าง!

ตีไป๋เซียนเอ๋อน่ะหรือ? หลิงหยุนเพียงแค่เล่นละคร มันเป็นกลวิธีที่จะเอาชนะศัตรูอย่างหนึ่งของหลิงหยุน

ยิ่งหลงหวู่ร้องห้าม หลิงหยุนก็ยิ่งแสร้งไม่ยอมหยุด แต่เขารู้สึกว่าเซียนเอ๋อออกจะทำเสียงร้องที่เกินจริงไปหน่อย!

“เซียนเอ๋อ.. เจ้าทำให้พี่หลงหวู่โมโห วันนี้ข้าต้องอบรมสั่งสอนเจ้า วันข้างหน้าเจ้าจะได้ไม่ทำแบบนี้อีก!”

ท่าทางของหลิงหยุนนั้นขึงขัง และน้ำเสียงก็ดุดัน ขณะที่พูดก็ลุกขึ้นยืนทำราวกับว่าต้องการที่จะตีไป๋เซียนเอ๋อจริงๆ

ไป๋เซียนเอ๋อนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟา ดวงตาคู่สวยมีเสนห์ของสุนัขจิ้งจอกเป็นประกาย พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร

เมื่อหลงหวู่เห็นว่าหลิงหยุนเข้าข้างตนเอง และต้องการที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในใจก็รู้สึกพอใจอย่างมาก

ความจริงแล้วที่หลงหวู่ร้องไห้นั้น ในใจของเธอรู้สึกโกรธมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้เธอจึงเริ่มรู้สึกผิด และคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรตำหนิหลิงหยุน เป็นเพราะเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เท้าจึงลื่น และทำให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ อีกอย่างตอนนี้สถานการณ์ก็ดูเหมือนจะกระอักกระอ่วนมากขึ้นด้วย

นอกเหนือจากเรื่องความอับอายที่หลงหวู่ได้รับแล้ว หากเธอไม่ร้องไห้ออกมาเช่นนั้น เธอก็เกรงว่าหลิงหยุนจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย

และนั่นเป็นความคิดของผู้หญิง..

หลงหวู่รีบคว้าตัวหลิงหยุนไว้ จากนั้นก็หันไปมองไป๋เซียนเอ๋อที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดกับเขาว่า

“หลิงหยุน.. ไปตำหนิน้องเซียนเอ๋อก็ดูจะไม่ถูกต้องนัก เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ระวังเอง ถึงได้ล้มลงไปแบบนั้น..”

หลิงหยุนเห็นหลงหวู่มีท่าทีสงบลง เขาจึงฉวยโอกาสเอื้อมมือที่จับเอวของหลงหวู่พร้อมกับยกมือขึ้นซับน้ำตาให้กับเธออย่างนุ่มนวล และพูดปลอบโยนเธอราวกับเกิดเรื่องที่น่าสังเวช..

“วันหน้าวันหลังก็ต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้ ดีนะที่คุณเป็นฝ่ายล้มทับผม ลองคิดดูสิถ้าเป็นผมล้มลงไปทับคุณ.. ผมคงจะทำให้หัวใจของตัวเองต้องเจ็บปวด..”

หลงหวู่รู้ดีว่าหลิงหยุนแกล้งทำเป็นพูดปลอบใจเธอ แต่ในใจก็รู้สึกเคลิ้ม และนี่เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุน เธอเองก็ทั้งอายแล้วก็มีความสุขในคราวเดียว ในแววตาและสีหน้าของเธอจึงมีทั้งเสียงหัวเราะ แล้วก็น้ำตา และศรีษะก็ซบลงบนไหล่ของหลิงหยุน

หลิงหยุนกอดเอวของหลงหวู่แน่น และแอบขยิบตาให้กับไป๋เซียนเอ๋อ พร้อมกับนึกชื่นชมตัวเอง

‘กลวิธีในการเลือกเข้าข้างของข้าดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นมาก..’

หลงหวู่ทั้งร้องไห้แล้วก็ยิ้มหวานระหว่างที่คลอเคลียอยู่บนไหล่ของหลิงหยุน แต่ในใจกลับนึกโกรธตัวเองที่ต้องมาอ่อนแอในเวลาวิกฤตทุกครั้ง วิธีที่ดีที่สุดก็คือการไม่ต้องทะเลาะกับเขา!

เป็นแบบบนี้ก็ดีแล้ว เธอเฝ้ารอการกลับมาของเขาอยู่นานหลายวัน เขาไม่เพียงพาสุนัขจิ้งจอกแสนสวยกลับมา แต่น่าขันที่ตัวเธอเองกลับยอมรับเรื่องราวที่ยิ่งกว่าเทพนิยายของสาวน้อยคนนี้ได้

อีกทั้งนอกจากการยอมรับ.. ก็คงไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว? เพราะดูจากท่าทางที่สนิทสนมของหลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อ หากเธอยังยืนยัน และกล้าที่จะไล่ไป๋เซียนเอ๋อไป ดูเหมือนว่าคงจะต้องเป็นตัวเธอเองที่ถูกไล่อย่างแน่นอน!

มาถึงจุดนี้แล้ว หลงหวู่เข้าใจทุกอย่างดี..

‘พ่อเองก็เคยบอกว่า หลิงหยุนเป็นคนที่เก่งมาก คนธรรมดาไม่อาจเทียบกับเขาได้ เพียงแต่จะมีหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมมากมายรายล้อม และนั่นจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เป็นทุกข์!’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลงหวู่จึงได้แต่นิ่งเงียบ และกอดแขนหลิงหยุนแน่นขึ้น..

หลังจากนั้นหลิงหยุนก็สอบถามหลงหวู่ว่าหลายวันที่อยู่ที่นี่เธอได้ทำอะไรบ้าง? และเขาก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทางฝั่งทะเลจีนตะวันออกให้กับหลงหวู่ฟังเช่นกัน และนั่นทำให้เธอตกใจกลัว และยิ่งเป็นห่วงหลิงหยุนมากขึ้น

หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป หลิงหยุนก็ได้รับโทรศัพท์จากถังเมิ่งว่า เขาและตี้เสี่ยวอู๋มาถึงเขตหลงวานในเมืองเหวินโจวแล้ว หลิงหยุนจึงบอกชื่อโรงแรมและที่อยู่ให้ถังเมิ่งรู้

“เซียนเอ๋อ.. เจ้าไปช่วยหลงหวู่เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับจิงฉูกัน!”

ยังมีเรื่องราวอีกมากมายในจิงฉูที่เขาต้องกลับไปสะสาง หลิงหยุนจึงไม่ต้องการค้างคืนที่เหวินโจว และจะต้องรีบกลับไปให้ถึงจิงฉูก่อนรุ่งสาง

หลงหวู่ไม่จำเป็นต้องเก็บของอะไรมากมายนัก ผู้หญิงอย่างเธอมีเพียงกระเป๋าเงินใบเดียวก็สามารถไปใหนมาใหนได้อย่างสบาย อีกอย่าง.. เงินในธนาคารของเธอก็มีพอใช้ไปอีกสิบปี

เพียงแค่เก็บอุปกรณ์อาบน้ำ แล้วก็เสื้อผ้าที่นำมาใส่กระเป๋า หลงหวู่ก็ร้องบอกว่าเธอเก็บของเสร็จแล้ว..

ทั้งสามคนออกมจากห้อง 1758 และรีบลงไปเช็คเอาท์ด้านล่างโรงแรม เวลานี้ดึกมากแล้ว หลิงหยุนจึงไม่ได้ให้ไป๋เซียนเอ๋อปกปิดใบหน้าของตนเอง แม้แต่แคชเชียร์สาวของโรงแรมที่มีหน้าตาสวยงาม ยังได้แต่ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นใบหน้าที่งดงามของไป๋เซียนเอ๋อ!

ยังไม่ทันที่ทั้งสามคนจะเช็คเอาท์เรียบร้อย สาวแคชเชียร์ของโรงแรมก็นึกขึ้นมาได้ว่าหลิงหยุนนั้นหน้าตาหล่อเหลาเพียงใด และได้แต่นึกเสียดายที่มัวแต่มองไป๋เซียนเอ๋อเพลินจนลืมมองใบหน้าของหลิงหยุน!

“สาวน้อยนั่นหน้าตาสวยงามจริงๆ สวยจนน่าหลงใหล.. เด็กหนุ่มคนนั้นก็หน้าตาหล่อเหลามากเหลือเกิน หากได้เป็นของเขาฉันคงตายตาหลับ..”

……

รถแลนด์โรเวอร์สีเงินพุ่งเข้ามาจอดหน้าประตูโรงแรม และมันก็คือรถของหลิงหยุนนั่นเอง

“พี่หยุน!”

รถยังไม่ทันจอดสนิท ถังเมิ่งก็รีบเปิดประตูลงมา และวิ่งไปหาหลิงหยุนทันที!

“ผมนายยาวเร็วเหมือนกันนี่!”

หลิงหยุนยืนหัวเราะถังเมิ่งพร้อมกับถามออกไป เมื่อหลิงหยุนออกเดินทางไปที่เกาะกลางทะเล ถังเมิ่งยังผมยาวติดหนังหัวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับยาวขึ้นมาก

“พี่ก็ไม่ได้โกนหนวดเลยสิท่า! พี่หยุน.. ใหนพี่บอกจะไปแค่สองสามวัน ทำไมถึงไปนานแบบนี้ล่ะ?!”

หลังจากคุยกันอยู่นาน ถังเมิ่งมัวแต่พูดคุยเรื่องของตัวเองจนลืมสังเกตไปว่า สองข้างของหลิงหยุนนั้นมีสาวสวยสองคนยืนประกบอยู่

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตบบ่าถังเมิ่งเบาๆ “ที่นี่มีคนอยู่เยอะ ขึ้นไปบนรถก่อน แล้วค่อยๆคุยกันไปดีกว่า”

“พี่หยุน!”

ตี้เสี่ยวอู๋จอดรถเสร็จก็รีบลงมายืนที่ข้างประตูรถ แต่ไม่ได้เดินเข้าไปหาหลิงหยุน แต่ก็ร้องทักทายออกไปอย่างตื่นเต้น

ตี้เสี่ยวอู๋เห็นหลงหวู่และไป๋เซียนเอ๋อแล้ว และเมื่อได้เห็นใบหน้าของไป๋เซียนเอ๋อ ตี้เสี่ยวอู๋ก็ถึงกับใจสั่น และตาโต แต่ในที่สุดก็รีบมองออกไปอื่นแทน

ตี้เสี่ยวอู๋รู้ดีว่าต่อให้หญิงสาวคนนั้นจะเป็นใคร เธอก็คือผู้หญิงของหลิงหยุน เขาจึงไม่กล้าที่จะมองด้วยสายตาที่ไม่เคารพ

“ระดับกลางขั้นโฮ่วเทียน-4 ดารกะดายันอยู่ในระดับสี่.. ไม่เบาเลยทีเดียว!”

“ขึ้นรถ.. พวกเราต้องรีบกลับจิงฉู” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับร้องบอกทุกคน

“พี่หยุน.. พวกเราทำตามคำสั่งของพี่ ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้คนนอกรู้เลย รถคันนี้ออกจะเล็ก.. เบียดๆกันหน่อยก็แล้วกันนะ อ่อ.. แล้วเจ้าขาวปุยล่ะ?”

พูดจบถังเมิ่งก็หันไปมองรอบๆ หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้นจับถังเมิ่งเขย่า

“นี่นายจะมองไปทางใหน ขาวปุยอยู่ตรงหน้านายนี่ไง!”

ถังเมิ่งเงยหน้าขึ้นมอง เขาถึงกับตะลึง และอ้าปากหวอ!

ถังเมิ่งยืนอ้าปากค้างอยู่ครู่ใหญ่ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และพยายามควบบคุมความคิดของตนเองไม่ให้คิดอะไรที่เลวร้ายขึ้นมา!

ไม่มีทาง! ไป๋เซียนเอ๋องดงามและมีเสน่ห์เกินไป ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็นนางเป็นครั้งแรก ถ้าไม่ตกตะลึงก็คงจะตาบอด..

หลังจากผ่านไปสองนาที ในที่สุดถังเมิ่งก็ถอนสายตาจากใบหน้าของไป๋เซียนเอ๋อ แต่นั่นเป็นเพราะหลิงหยุนใช้มังกรคำรามกระแอมถึงสองครั้ง ถังเมิ่งจึงได้รู้สึกตัว

“พี่หยุน.. นี่.. นี่.. เธอคือเจ้าขาวปุยจริงๆเหรอ?”

ก่อนที่จะออกเดินทางไปที่เกาะกลางทะเลนั้น หลิงหยุนได้ให้ข้อมูลในเรื่องนี้กับถังเมิ่งไว้ก่อนแล้ว เมื่อพบกับไป๋เซียนเอ๋อที่กลายร่างเป็นมนุษย์ เขาจึงมีทีท่ายอมรับได้ในทันที และไม่รู้สึกหวาดกลัว

แต่สาเหตุที่ถังเมิ่งตกใจนั้น ก็เพราะความงดงามและเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอย่างมากของไป๋เซียนเอ๋อนั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถฆ่าสายตามนุษย์ได้แทบทุกคน

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เขาโอบกอดไป๋เซียนเอ๋อและหลงหวู่เดินตรงไปยังรถแลนด์โรเวอร์ และพูดกับถังเมิ่งว่า

“ต่อไปเรียกนางว่าไป๋เซียนเอ๋อ!”

ถังเมิ่งยิ้มพร้อมกับจดจำชื่อไป๋เซียนเอ๋อไว้ในใจ และรีบไปทำหน้าที่เปิดประตูรถให้กับหลิงหยุน

ทั้งห้าคนขึ้นไปบนรถ และยังคงเป็นตี้เสี่ยวอู๋ที่ทำหน้าที่ขับรถ ถังเมิ่งนั่งอยู่ในเบาะข้างคนขับ ด้านหลังเป็นหลิงหยุนั่งอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายเป็นไป๋เซียนเอ๋อ และด้านขวามือเป็นหลงหวู่

รถแลนด์โรเวอร์เคลื่อนออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว และกำลังมุ่งหน้าออกจากเมืองเหวินโจว

“ถังเมิ่ง.. เรื่องบัตรประชาชนของเซียนเอ๋อไปถึงใหนแล้ว?”

หากไป๋เซียนเอ๋อต้องการอาศัยอยู่ในเมือง เรื่องบัตรประชาชนนับว่าเป็นเรื่องใหญ่และจำเป็นอย่างยิ่ง หลิงหยุนจึงต้องให้ความสำคัญก่อนเรื่องอื่น

“พี่หยุน.. สบายใจได้ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ถ่ายรูป”

ถังเมิ่งจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยจนหลิงหยุนรู้สึกโล่งใจ เขาพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะพูดต่อว่า

“กลับไปครั้งนี้ นายช่วยหาที่อยู่ให้กับไป๋เซียนเอ๋อด้วย.”

“ไม่มีปัญหาพี่หยุน เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง!” ถังเมิ่งพูดพร้อมกับเอามือตบอกอย่างมั่นใจ