[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 497 : เตรียมบุกสำนักจิ้งซิน!
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ.. รถแลนด์โรเวอร์ก็กำลังมุ่งหน้าออกจากเมืองเหวินโจวไปทางถนนไฮเวย์
ทันทีที่เข้าสู่ถนนไฮเวย์ซึ่งสามารถวิ่งรถได้ในความเร็วที่สูงขึ้น ตี้เสี่ยวอู๋จึงเหยียบคันเร่งไปที่ความเร็วมากกว่า 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทันที..
ภายในรถ.. ถังเมิ่งเริ่มเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ให้กับหลิงหยุนฟัง
หลัวจ้งซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงในจิงฉูนั้น ตอนนี้ถูกทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดีเนื่องจากพบหลักฐานที่มัดตัว และชี้ชัดเรื่องการกระทำที่ไม่ชอบมาพากลของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เพียงแค่รอคำตัดสินเท่านั้น และจากหลักฐานทั้งหมด หลัวจ้งอาจถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต
ส่วนพ่อของถังเมิ่ง – ถังเทียนห่าว ก็ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงต่ออย่างเป็นทางการ
หลังจ้งพบจุดจบไปแล้ว.. ทางด้านเถียนป๋อเตาซึ่งเป็นหัวหน้านำคนงานไปรื้อบ้านของหลิงหยุนนั้น ก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก ไม่เพียงแค่เถียนป๋อเตาไม่มีหนทางทำมาหากินอีก เขายังถูกหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงคนใหม่ – ถังเทียนห่าว สืบสาวเรื่องการคอรัปชั่นของเขา และได้จับตัวส่งให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อีกคนคือกู่เหลียนซัน.. เขายังคงถูกจับกุมตัวไว้ที่สำนักงานรักษาความมั่นคง แม้ว่ากู่เหลียนเฉินจะได้พยายามวิ่งเต้น และใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อช่วยเหลือน้องชายของตนเอง แต่ช่างโชคร้ายที่หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงคนปัจจุบันคือถังเทียนห่าว และแม้แต่ตัวกู่เหลียนเฉินเองยังถูกหลัวจ้งแว้งกัด หลัวจ้งเอาแต่ปกป้องตัวเอง และไม่คิดปกป้องน้อยชายของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
หลิงหยุนสั่งให้ถังเมิ่งไปหาซื้อบ้านให้กับเหยาลู่ และเรื่องนี้หลิงหยุนก็ได้สั่งไว้ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปยังเกาะกลางทะเล ในเวลานี้บ้านก็ตกแต่งเสร็จ และสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้ว
แต่ในระหว่างที่เล่าเหตุการณ์ต่างๆให้หลิงหยุนฟังนั้น ถังเมิ่งก็แอบเกรงกลัวหลงหวู่อยู่ไม่น้อย เขาจึงไม่สามารถเล่าออกไปอย่างตรงไปตรงมาได้ และได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงเบาราวเสียงกระซิบกับหลิงหยุน แต่ก็โชคดีที่ทั้งหลิงหยุนและถังเมิ่งต่างก็รู้ใจกันดี หลิงหยุนจึงสามารถเข้าใจทุกอย่างได้แจ่มแจ้ง
ครอบครัวของหลิงลี่เองก็ได้ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วเช่นกัน เพราะหลิงหยุนได้ย้ำกับถังเมิ่งให้ดูแลครอบครัวของหลิวลี่ให้ดี ถังเมิ่งจึงปฏิบัติต่อครอบครัวของเธออย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เพียงซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านให้จนเรียบร้อย แต่ยังซื้อรถหนึ่งคันส่งให้เป็นของขวัญกับครอบครัวของหลิวลี่ด้วย
“ไว้นายจัดการเอาเงินสดไปมอบให้กับพวกเขาอีกหนึ่งล้านหยวน สามารถอยู่ในบ้านหลังใหญ่โต มีรถขับ แต่กลับไม่เงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน.. นี่ไม่เท่ากับละเลยพวกเขาหรือยังไง..!”
หลิงหยุนกำชับถังเมิ่ง และถังเมิ่งก็พยักหน้ารับพร้อมกับแอบคิดในใจว่า ‘พี่หยุนดีกับครอบครัวของหลิวลี่จังเลย หรือว่าพี่หยุนหมายตาหลิวลี่ไว้?!’
ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างที่หลิงหยุนออกทะเลนั้น หลิวลี่เองก็ได้แอบสามีกับแม่สามีสอบถามเรื่องของหลิงหยุนจากถังเมิ่ง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ และห่วงใย ทำให้ถังเมิ่งอดไม่ได้ที่จะสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่..
ตอนนี้คลินิกสามัญชนของหลิงหยุนก็ตกแต่งเรียบร้อย รอเพียงแค่หลิงหยุนกลับมาหาวันมงคลเพื่อทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ส่วนร้านเสื้อผ้าที่หลิงหยุน ‘ซื้อ’ ต่อจากคนเซียงฉีนั้น ถังเมิ่งได้ทำการเปิดกิจการเรียบร้อยแล้ว โดยมีหวังหงหยวนทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลร้าน และก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ดีมากทีเดียว
หวังหงหยวนมอบร้านของตนเองให้กับหลิงหยุนใช้เปิดคลินิกสามัญชน เนื่องจากชีวิตของเขาช่วงนั้นเคยตกอยู่ในระหว่างความเป็นความตาย เขาจึงตัดสินใจขายกิจการทุกอย่างในจิงฉูเพื่อกลับไปตายที่บ้านเกิดในฉางตง แต่ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไปนั้น ถังเมิ่งได้ขอร้องให้เขาอยู่ช่วยงานหลิงหยุนเสียก่อน
หลิงหยุนเป็นผู้มีพระคุณของหวังหงหยวน สำหรับหวังหงหยวนแล้วหลิงหยุนเป็นบุคคลที่เขาเทิดทูน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าตนเองมีโอกาสที่จะตอบแทนหลิงหยุน เขาจึงตอบตกลงทันที และถังเมิ่งเองก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะหวังหงหยวนจัดการทุกอย่างในร้านด้วยตัวเอง
ถังเมิ่งนั้นเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างยิ่ง หวังหงหยวนเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในธุรกิจเสื้อผ้า จนทำให้ตนเองต้องกลายเป็นปรปักษ์กับคนเซียงฉีโดยไม่รู้ตัว และอีกฝ่ายถึงกับเชิญยอดฝีมือมาจัดการใช้พิษหนอนกู่ทำร้ายเขา ในเวลาที่ต้องการจ้างใครสักคนนี้ หากเขาไม่เชิญหวังหงหยวน ก็คงจะโง่มากทีเดียว!
หลิงหยุนสั่งให้ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋นำเงินมาให้เขาคนละสิบล้านหยวนก่อนที่จะออกเดินทางไปทีเกาะกลางทะเล และให้ใช้เงินจำนวนยี่สิบล้านหยวนนี้จัดหาสมุนไพรต่างๆตามรายการที่เขาจดให้ ตอนนี้ถังเมิ่งก็ได้จัดการหาซื้อทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้ว และได้นำไปเก็บไว้ในบ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนเรียบร้อยแล้วเช่นกัน และตอนนี้สิ่งของเหล่านั้นก็เริ่มทำการดูดซับเอาพพลังชีวิตเข้าไป
พูดถึงเรื่องเงินยี่สิบล้านหยวนที่นำไปซื้อสมุนไพรต่างๆไปแล้ว ถังเมิ่งก็ได้บอกกับหลิงหยุนว่า เงินจำนวนสองร้อยล้านหยวนที่กู้มาจากธนาคารนั้น เขาได้รับเรียบร้อยแล้ว และได้นำไปเปิดบริษัทยา และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทุกขั้นตอนได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่รอใบอนุญาต แล้วก็สามารถเริ่มเปิดกิจการได้
ทั้งหมดที่เล่ามาล้วนเป็นข่าวดี.. แต่แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องไม่ดีด้วยเช่นกัน แต่เพราะถังเมิ่งมีนิสัยที่ชอบรายงานข่าวดีก่อน..
จากคำแนะนำของหลงหวู่.. หลิงหยุนจึงได้สั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋พาคนไปถล่มบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น ผลปรากฏว่าสำนักงานใหญ่ของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นในเมืองหลวงโกรธมาก และได้แจ้งความพร้อมกับร้องขอให้สำนักงานรักษาความมั่นคงในเมืองจิงฉูจัดการสืบสวนเรื่องนี้ และจับกุมคนลงมือให้ได้โดยเร็วที่สุด!
“งั้นเหรอ?”
หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่นึกขัน หัวหน้าที่สั่งการก็คือเขาเอง ส่วนคนที่พาคนไปบุกทำลายก็กำลังขับรถให้เขานั่งอยู่..
“พ่อของฉันไม่สนใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป เขาเพียงแค่ตอบไปว่าจะแล้วจะตรวจสอบให้..” ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ
หลิงหยุนพยักหน้า “เอาล่ะ.. คอยดูต่อไป ถ้าพวกมันกล้ามาเปิดบริษัทอีก ตี้เสี่ยวอู๋นายก็จัดการพาคนไปถล่มพวกมันอีก!”
ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้าหงึกๆ ด้วยคำสั่งของหลิงหยุน บริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นคงยากที่จะเปิดกิจการในเมืองจิงฉูได้อีกครั้ง
“พี่หยุน.. ฉันอยากมีบริษัทผลิตรายการทีวี แล้วก็ภาพยนต์เป็นของตัวเอง ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ทำเงินได้มหาศาลเลยทีเดียว..”
ถังเมิ่งยังคงนึกเคืองเรื่องที่ตี้เสี่ยวอู๋พาคนบุกไปถล่มบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น เขาอยากมีบริษัทที่ทำธุรกิจทางด้านทีวีและภาพยนต์ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตี้เสี่ยวอู๋จะพาคนไปถล่มเสียราบคาบ อีกทั้งคนที่สั่งการก็คือหลิงหยุน ถังเมิ่งจึงได้แต่ยอมรับความโชคร้ายของตนเอง!
“เอาล่ะ.. ตราบใดที่นายมั่นใจว่าเป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ นายก็ทำไปเลย นายจะได้สร้างบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นของนายให้ยิ่งใหญ่ได้โดยเร็ว!”
หลิงหยุนมีความสุขอย่างมาก และได้มอบหมายให้ถังเมิ่งเป็นผู้ดูแล
“นี่คงต้องจ้างพนักงานอีกมากมายเลย เฮ้อ.. ต้องใช้เงินอีกแล้วสินะ..”
ถังเมิ่งพึมพำออกมาพร้อมกับครุ่นคิดถึงโลกธุรกิจของตนเอง ยิ่งคิดถึงธุริกิจที่กำลังจะเติบใหญ่ก็ยิ่งตื่นเต้น เลือดในกายก็พลุ่งพล่าน!
“เชอะ..!”
หลิงหวู่ได้ยินก็ถึงกับแค่นหัวเราะออกมา และอดใจไม่ได้จนต้องพูดประชดถังเมิ่งว่า “อยากจะเปิดบริษัทมากมาย แต่กลับไม่อยากจ่ายเงินจ้างพนักงาน ขี้เหนียวชะมัด..!”
“หลงหวู่.. คุณจบกฎหมายจากฮาร์วาร์ดนี่นา.. ถ้างั้นก็มาเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายให้กับบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นเลยดีไม๊ล่ะ?”
ถังเมิ่งได้โอกาสจึงชักชวนอย่างหน้าด้านๆ และโอกาสดีๆแบบนี้ เขาไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปแน่
“ไม่ทำ.. ฉันไม่มีเวลา!”
หลงหวู่ปฏิเสธทันที เธอกับหลิงหยุนเพิ่งจะเริ่มต้น ในใจยังนึกขุ่นเคืองหลิงหยุนอยู่ แล้วจะให้เธอรับปากถังเมิ่งได้ยังไงกัน?
ถังเมิ่งรู้สึกเสียหน้าจนอึ้งไปเล็กน้อย.. หลิงหยุน ไป๋เซียนเอ๋อ และตี้เสี่ยวอู่ต่างก็พพากันหัวเราะออกมา
“พี่หยุน.. ตอนนี้พวกเราเริ่มมีหน้ามีตาในเมืองจิงฉูแล้วนะ พ่อก็เลยฝากมาบอกว่าต่อไปพวกเราทุกคนต้องระมัดระวังตัวให้มาก แล้วก็อย่ายะโสโอหังให้มากจนเกินไป..”
ถังเมิ่งใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นาน กว่าจะถ่ายทอดประโยคที่ค่อนข้างจริงจังนี้ออกไปได้!
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้แสงดความคิดเห็นใดๆออกไป..
“พี่หยุน.. มีคนมาถามหาพี่เยอะแยะไปหมด..” ถังเมิ่งเริ่มเล่าต่อ
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับถามขึ้นว่า “งั้นรึ? ใครกันที่มาถามหาฉัน?”
ถังเมิ่งยิ้มเล็กน้อย.. เขาหันไปมองหลงหวู่อย่างระมัดระวัง แต่ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองไป๋เซียนเอ๋อที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของหลิงหยุน
“มู่หลงเฟยจื่อมาหาพี่ถึงสองครั้ง.. ครั้งที่สองเธอมาพร้อมกับอาวุโสท่านหนึ่ง เธอแนะนำว่าเป็นปู่ของเธอชื่อมู่หลงเวิ่นฉี”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลงหวู่ก็หันขวับไปมองหลิงหยุนทันที ในแววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย..
หลิงหยุนไม่ตระหนกตกใจแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ “งั้นเหรอ.. คงจะมาขอบคุณฉันเรื่องที่ช่วยชีวิตปู่ของเธอไว้สินะ..”
และด้วยเหตุผลนี้ ทำให้หลิงหยุนได้ครอบครองรถมาเซราติ และเงินอีกหลายล้านจากมู่หลงเฟยจื่อ และตอนนั้นหลิงหยุนยังขับรถไม่เป็น จึงได้แต่ลากรถมาเซราติกลับไปท่ามกลางสายตาตระหนกตกใจของผู้คนนับไม่ถ้วน
“แล้วก็มีเด็กนักเรียนสาวสวยสองคนมาที่โรงเรียนจิงฉูพร้อมพ่อแม่ พวกเขามาถามหาพี่..”
“เด็กนักเรียนหญิงงั้นเหรอ..?”
หลิงหยุนพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก เขาคิดในใจว่าวันที่เขากับหนิงน้อยพบกับอุบัติเหตุในวันนั้น ก็มีเด็กนักเรียนหญิงสองคนได้รับบาดเจ็บ และเขาก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เขานึกไม่ถึงว่าคนพวกนี้กลับยังไม่ลืม และถึงกับตามมาขอบคุณเขาอีกด้วย
“น้าสาวของฉางหลิงมาหาฉันด้วยตัวเอง เธอเพื่อสอบถามเรื่องของพี่..”
“ยังไม่ใครอีกไม๊?”
“มีสิ! แต่คราวนี้เป็นนักเรียนห้องเราเอง ฉางตงมาบอกฉันว่าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่พี่เคยไปประจำ เจ้าของร้านมาถามหาพี่อีกเมื่อสองสามวันที่แล้ว..”
หลิงหยุนเกาศรีษะ และได้แต่คิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจที่เขาพูดหรือยังไงกัน และยังไม่ยอมให้ฉางตงรับเงินแทนเขาด้วย
“แล้วก็..”
หลิงหยุนฟังแล้วก็เริ่มหงุดหงิด และถามถังเมิ่งขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “ยังมีใครอีกล่ะ?!”
“เฉิงเมียน.. เธอเทียวถามหาพี่เป็นบ้าเป็นหลัง!”
“อืมม..”
หลิงหยุนพยักหน้า และใบหน้าของเขาก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดถึงเฉิงเม่ยเฟิง
ครั้งนี้หลิงหยุนแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก อีกทั้งยังมีไป๋เซียนเอ๋ออยู่ข้างๆ หลิงหยุนได้ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากที่กลับไปถึงจิงฉูครั้งนี้ เขาจะสอบถามท่านหมอเสี่ยว ตู้กู่โม่ ฉินตงเฉี่วย หรือแม้แต่ต้องไปหาตงฟางถิงก็ตาม เขาจะไปสอบถามว่ามีใครบ้างที่รู้จักอารามจิ้งซิน! เขาจะต้องบุกไปที่นั่น และจะไม่ยอมปล่อยให้เฉิงเม่ยเฟิงทนทุกข์กับการเป็นแม่ชีอย่างแน่นอน!
ถังเมิ่งไม่พูดอะไรอีก ส่วนหลิงหยุนก็เงียบไปนาน บรรยากาศในรถจึงค่อนข้างอึมครึม!
แต่จู่ๆ รถแลนด์โรเวอร์ก็ลดความเร็วลงอย่างกะทันหัน..
ตี้เสี่ยวอู๋ที่จดจ่ออยู่กับการขับรถ ถึงกับต้องเปิดกระโจกรถ และชะโงกหน้าออกไปดูพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”
ถังเมิ่งเองก็เริ่มสังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เขาจึงหันไปมองรอบๆ!
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจเหตุการณ์ที่ห่างออกไปยี่สิบเมตร!
ภายในรถแลนด์โรเวอร์ของหลิงหยุนนั้นเงียบสนิท และตอนนี้ก็ถูกรถสิบกว่าคันล้อมรอบไว้!