ตอนที่ 1826 มาถึงนครจักรพรรดิแล้ว (1) / ตอนที่ 1827 มาถึงเมืองจักรพรรดิแล้ว (2)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1826 มาถึงนครจักรพรรดิแล้ว (1)

“เพราะว่าเรื่องนี้ ข้าจึงวางแผนจะใช้ชื่อขององค์ชายรองเพื่อเปิดร้านโอสถ ส่วนค่าตอบแทนก็คือพวกเราจะให้สิทธิ์เขาซื้ออะไรก็ได้ในร้านโอสถของพวกเราก่อนใคร”

ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเตรียมน้ำยารวบรวมพลังฌานให้องค์ชายรองค่อนข้างมากทุกเดือนแต่ใครจะไปข้องใจที่มีของอย่างน้ำยารวบรวมพลังฌานจำนวนมากกันล่ะ

ความจริงแล้วองค์ชายรองมีเหตุผลอื่นที่ยอมตกลงกับข้อเสนอนี้ เขามั่นใจว่าคนที่หาน้ำยารวบรวมพลังฌานมาได้ในอนาคตต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แน่นอน เขาไม่มีทางเสียโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนแบบนี้อยู่แล้ว!

ถูกแล้ว เขาใช้คำว่าคนที่หาน้ำยารวบรวมพลังฌานมา ไม่ใช่ฉีซู เพราะนายท่านรองฉีเชื่อว่าฉีซูไม่สามารถหาน้ำยารวบรวมพลังฌานมาได้เองและต้องมีผู้มีอำนาจคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังแน่นอน แต่ว่าก็เป็นไปไม่ได้ที่นายท่านรองฉีจะคิดว่าผู้มีอำนาจที่เขาคิดคืออวิ๋นลั่วเฟิง

“เจ้ากังวลถูกเรื่องแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางตัวเองเบาๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย “ตอนที่ฉีหลิงและข้าฝึกพลังฌานกันอยู่ พวกเราบังเอิญเจอมู่เสวี่ยซิน”

ฉีซูสะอึกไปเมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ และดวงตาก็ปรากฏแววรักใคร่ลึกซึ้ง

อวิ๋นลั่วเฟิงสังเกตสีหน้าของเขาอยู่ตลอด เมื่อนางเห็นความรู้สึกในนัยน์ตาเขา นางก็มั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉีซูกับมู่เสวี่ยซินต้องไม่ธรรมดา

นางมองฉีซูต่อขณะพูดว่า “มู่เสวี่ยซินบอกว่าคนในราชวงศ์ต้องการให้นางแต่งงานกับฉีมั่ว! แค่ตระกูลฉีตระกูลเดียว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวแต่ถ้าพวกเราอยากประสบความสำเร็จในนครจักรพรรดิก็ควรจะหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับราชวงศ์”

อย่างที่คิด เมื่อฉีซูได้ยินว่ามู่เสวี่ยซินกำลังจะแต่งงานกับฉีมั่ว ตอนแรกฉีซูก็ทำท่ายอมรับแต่ไม่นานก็สังเกตเห็นร่องรอยความเจ็บปวดพาดผ่านดวงตาของเขา

ตอนแรกนางคิดว่ามู่เสวี่ยซินหลงรักฉีซูอยู่ฝ่ายเดียวแต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะรู้สึกเหมือนกัน

แต่ว่าเพราะฉีซูถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉี ทำให้เขาทำได้แค่กดความรู้สึกที่มีต่อมู่เสวี่ยซินเอาไว้ ฉีหลิงอาจจะไม่รู้เรื่องนี้…

ความเจ็บปวดค่อยๆ หายไปและไม่นานเขาก็ดีขึ้น

“ความจริงแล้วต่อให้ไม่มีการแต่งงานระหว่างมู่เสวี่ยซินกับฉีมั่ว ข้าก็ต้องใส่ใจราชวงศ์อยู่แล้วเพราะพระสนมฉินเป็นน้องสาวของบิดาข้า”

พระสนมฉิน?

ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงสว่างวาบ ถ้านางจำไม่ผิดมู่เสวี่ยฉินบอกว่าพระสนมฉินเป็นคนวางแผนทำร้ายนาง

“ฉีซู ตอนที่ร้านโอสถเปิดทำการ อย่าพึ่งให้คนทั่วไปรู้เกี่ยวกับองค์ชายรอง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นองค์ชายจากอาณาจักรเทียนฉี การที่เขามาเปิดร้านโอสถในอาณาจักรหลิวเฟิงอาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากได้”

ฉีซูสะดุ้ง ตอนแรกเขาไม่ได้คิดถึงข้อนี้เลย

“ส่วนเรื่องหลังจากนั้นก็น่าจะราบรื่น ถึงอย่างไรร้านก็เปิดแล้ว พวกเขาจจะทำอะไรได้” อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาเล็กน้อย “ความจริงแล้วพวกเรากังวลคนละเรื่อง เจ้ากังวลแค่ว่าราชวงศ์และตระกูลฉีจะกดดันร้านโอสถแต่เจ้าได้คิดถึงว่าน้ำยารวบรวมพลังฌานจะโดนระงับหรือไม่ ถ้าคนอื่นรู้ว่าเจ้าเป็นคนเปิดร้านโอสถ คนหน้าไม่อายพวกนั้นก็ต้องพยายามใช้กำลังขโมยน้ำยารวบรวมพลังฌานแน่นอน แต่ถ้าเป็นองค์ชายของอาณาจักรอื่นพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร”

ใบหน้าของฉีซูแข็งค้าง อวิ๋นลั่วเฟิงพูดถูก ด้วยนิสัยของคนพวกนั้นแล้ว พวกเขาต้องพยายามใช้กำลังเอาน้ำยารวบรวมพลังฌานไปแน่

“ถ้าตระกูลฉีถามก็ให้บอกไปว่าเจ้าขายตำรับยาให้องค์ชายรองไปแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ ถ้าใครบางคนอยากจะออกมารับผิดแล้วนางจะไปหยุดเขาได้อย่างไร

“แม่นางอวิ๋น ข้าเข้าใจแล้ว พวกเราจะออกเดินทางไปนครจักรพรรดิเมื่อไหร่” ฉีซูถามอย่างใจเย็น

“เก็บของเจ้าซะ พวกเราจะออกเดินทางตอนนี้เลย”

คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้ความตื่นเต้นในตัวฉีซูปะทุขึ้นมา สวรรค์รู้ดีว่าหนึ่งปีที่ผ่านเขาต้องพยายามกดความรู้สึกเอาไว้มากแค่ไหน เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาได้กลับไป! เขาจะต้องทำให้คนพวกนั้นเข้าใจว่าพวกเขาทำเรื่องผิดมหันต์ขนาดไหนที่ไล่เขาออกมา!

ตอนที่ 1827 มาถึงเมืองจักรพรรดิแล้ว (2)

“ท่านพี่ พวกเรากำลังจะกลับบ้านหรือเจ้าคะ”

เทียบกับความเกลียดชังที่ฉีหลิงมีต่อเมืองจักรพรรดิก่อนหน้านี้ ตอนนี้ใบหน้าของฉีหลิงก็ปรากฏรอยยิ้มมีความสุข “ในเมื่อพวกเรากำลังจะกลับไปก็หมายความว่าพี่หญิงมู่ไม่ต้องแต่งงานกับฉีมั่วแล้วน่ะสิเจ้าคะ ถึงอย่างไรท่านพี่ก็หมั้นหมายอยู่กับพี่หญิงมู่”

หมั้นหมายงั้นหรือ

อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วเผลอหันไปมองฉีซูด้วยรอยยิ้ม

“เสี่ยวหลิง อย่าพูดอะไรไร้สาระ!” ใบหน้าของฉีซูเปลี่ยนสีและรีบพูดตักเตือน “มู่เอ๋อร์กับพี่เป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้น”

“อ้อ” ฉีหลิงทำหน้ายู่ นางยังจำได้อยู่เลยว่าก่อนที่พวกเขาจะจากมา พี่หญิงมู่สารภาพรักกับท่านพี่ แต่ท่านพี่กับบอกว่าคิดกับนางแค่น้องสาวดังนั้นนางจึงไม่นับมู่เสวี่ยซินเป็นพี่สะใภ้อีก

แต่ว่าในใจของนางก็ไม่อยากให้พี่หญิงมู่ที่นางชื่นชอบไปแต่งงานกับคนที่นางไม่ชอบ

อวิ๋นลั่วเฟิงมองฉีซูอย่างเฉยชา “ฉีซู คนที่ข้าเลือกไม่มีทางเป็นคนขี้ขลาด ถ้าเจ้าไม่กล้าทำตามความรู้สึกของตัวเองแล้วข้าจะพึ่งพาอะไรเจ้าได้”

อวิ๋นลั่วเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่กลับทำให้หัวใจของฉีซูบีบรัดจนความเจ็บปวดเข้าปกคลุม

มู่เสวี่ยซินเป็นองค์หญิงแต่นางก็ไม่ได้เป็นองค์หญิงเจ้าอารมณ์แล้วเลือกยืนข้างเขามาตลอดแม้ว่าเขาจะตกต่ำ เขาจะไม่ชอบเด็กสาวแบบนี้ได้อย่างไร แต่ว่านางเป็นองค์หญิง ส่วนเขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลและยังต้องประสบกับเหตุการณ์อันตรายหลายอย่าง แล้วเขาลากนางลงมาเผชิญเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร

คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงเหมือนน้ำเย็นจัดที่ราดใส่หัวเขาจนทำให้เปียกโชก ถูกแล้ว เขามันเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าทำตามความปรารถนาของตัวเอง แล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรไปก่อตั้งกิจการให้นาง

“แม่นางอวิ๋น ขอบคุณ” ใบหน้าของฉีซูเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ข้าเข้าใจแล้ว ในอนาคตข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”

เขาไม่ใช่ฉีซูคนเก่าอีกต่อไปแล้ว! เขามีความสามารถมากพอจะทำให้มู่เสวี่ยซินมีชีวิตที่สุขสบายได้!

เมืองจักรพรรดิ

ภายในจวนตระกูลฉี ฉีเจิ้งนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ในห้องหนังสือ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตูก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้น

แอ๊ด

ประตูห้องหนังสือถูกเปิดออกแล้วฉีมั่วก็เดินเข้ามาด้านใน เขาพูดพร้อมขมวดคิ้ว “ท่านพ่อ ข้าสืบเรื่องที่ท่านให้ข้าไปทำมาแล้ว”

“หืม?” ดวงตาของฉีเจิ้งเป็นประกาย “เบื้องหลังของสตรีที่อยู่ข้างฉีซูเป็นอย่างไร”

“ไม่มี”

ไม่มีเบื้องหลังงั้นหรือ นางเป็นอีกคนที่ไม่มีเบื้องหลังงั้นหรือ

ฉีเจิ้งดูไม่พอใจ อวิ๋นเยว่ชิงเองก็ไม่มีประวัติใดๆ เหมือนกัน สตรีผู้นี้มีใบหน้าเหมือนอวิ๋นเยว่ชิง หรือว่าทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์บางอย่าง

“หรือว่านางจะเป็นบุตรสาวของอวิ๋นเยว่ชิง”

สตรีที่เคร่งครัดแบบอวิ๋นเยว่ชิงจะแต่งงานมีบุตรสาวอย่างนั้นหรือ

ฉีเจิ้งไม่มีทางเชื่อแน่นอน! เพราะเขาไม่เชื่อว่าจะมีบุรุษคนใดในโลกที่อวิ๋นเยว่ชิงหลงรัก!

“ท่านพ่อ ถึงแม้ว่านางจะมีความสัมพันธ์กับอวิ๋นเยว่ชิงจริงๆ แต่พวกเราจะกลัวนางไปทำไม นางก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง! นางจะแข็งแกร่งกว่าอวิ๋นเยว่ชิงได้อย่างไร” ฉีมั่วดูไม่สนใจแม้แต่น้อย

ฉีเจิ้งสูดหาหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามขึ้นว่า “แล้วบุรุษที่ช่วยฉีซูล่ะ เจ้าเจออะไรบ้าง”

ใบหน้าของฉีมั่วมืดครึ้ม “เขาเป็นองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉี”

ความจริงแล้วตัวตนของนายท่านรองฉีก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร แต่ว่าตอนแรกฉีเจิ้งไม่รู้ดังนั้นเขาจึงส่งคนไปสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเขา

“องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีงั้นหรือ” ฉีเจิ้งอุทาน “เหตุใดองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีถึงช่วยเขา”

สีหน้าของฉีมั่วยิ่งดำมืด “ข่าวที่คนของข้าในนครเฟิงหลินได้มาคือฉีซูขายตำรับน้ำยารวบรวมพลังฌานให้องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีไปแล้ว”