ขึ้นสองค่ำ เดือนสอง เทศกาลมังกรเชิดเศียร เขาจงซานที่สงบมากว่าหนึ่งร้อยปีคึกคักหาใดเปรียบ

 

 

ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ บุปผาสีทองขนาดเท่าชามพลันโปรยลงกลางเมฆาทีละดอก มีเสียงเพลงคลอ กลิ่นหอมจางๆ แขกมากมายมาไม่ขาดสาย มหาเทพจงซานแย้มยิ้มทั้งวัน รับของขวัญมากมายทั้งวันจนทั้งปากและแขนล้วนปวดร้าวไปหมด

 

 

ตั้งแต่บุตรสาวของเขาเกิดจนถึงวันนี้เพิ่งครบสองร้อยปี ธรรมดาแล้วไม่ต้องเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่หลายวันก่อนเพราะสาวน้อยผู้มีรูปลักษณ์คล้ายปลาดุกอุยนี้จู่ๆ พลันเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ เมื่อพูดถึงที่เขาจงซานแล้วนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ต้องเชิญเหล่าเทพทั่วทุกสารทิศมาดื่มสุราฉลอง

 

 

เวลาสายแล้ว แขกมาร่วมยินดียิ่งมากขึ้น มหาเทพจงซานสีหน้ามีแต่รอยยิ้ม

 

 

ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด วันนี้มหาเทพจงซานจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลายครั้งเรียกชื่อแขกที่มาผิด โชคดีที่ข้างกายมีอำมาตย์ฉีหนานคอยช่วยจึงยังไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น

 

 

เมื่อมีช่วงว่าง มหาเทพจงซานเห็นอาทิตย์ยิ่งสูงขึ้น ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “อาชุ่ยจะไม่กลับมาจริงๆ หรือ”

 

 

ฉีหนานยิ้มตอบ “องค์หญิงน้อยอายุสองร้อยปีก็เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์แล้ว เรื่องน่ายินดีอย่างนี้ ฮูหยินจะไม่กลับได้อย่างไร มหาเทพคลายใจ ไม่ต้องกังวลมากไป”

 

 

มหาเทพไม่เลิกกังวลใจ “นางต้องยังโกรธที่ข้าเชิญพวกเขาถงซานมาร่วมงานแน่นอน ช่างไร้เดียงสา นางไม่ยินดียินร้ายอะไรกับข้าเลย อาชุ่ยผู้ดื้อดึง เหตุใดโกรธข้าจนถึงตอนนี้”

 

 

ฉีหนานยิ้มตาหยี ขนลุกขนพองขยับแขนขึ้นลง เขาอยู่กับมหาเทพมาแสนกว่าปี ยังไม่ชินกับน้ำเสียงเช่นนี้ของท่าน

 

 

มหาเทพทุกอย่างล้วนดีหมด เสียอย่างเดียวคือเจ้าชู้หลายใจไม่เปลี่ยน พบคนหนึ่งบอกรักอีกคนหนึ่ง ทุกครั้งพูดโดยไม่สนใจ ชื่อเสียงอันร้ายกาจของมหาเทพจงซานที่สั่งสมมาอย่างยาวนานล้วนถูกทำลาย

 

 

แม้แต่เทพเล็กๆ ในสามเกาะสวรรค์ที่อยู่ไกลสุดอย่างเผิงไหล เฟิงจาง หยิงโจวยังรู้ มหาเทพจงซานเป็นเทพที่ไม่น่ายุ่งด้วยที่สุดคนหนึ่ง เป็นแม่ทัพของจักรพรรดิสวรรค์ ตำแหน่งก็สำคัญมากแล้วทั้งยังเป็นผู้นำเทพแห่งเขาจงซาน แน่นอนว่าเทพมังกรองค์อื่นในทั่วทุกสารทิศไม่อาจเทียบเทียม

 

 

ในอดีตจักรพรรดิสวรรค์มีโองการว่า ในสงครามมังกร โลหิตของเขาเหลืองเข้ม[1] ที่พูดถึงก็คือเทพแห่งเขาจงซานผู้นี้

 

 

เคยมีข่าวลือ ยุคก่อนหน้านี้เทพมังกรแห่งเขาจงซานทำสงครามกับกลุ่มหงส์นานเก้าวัน ภายใต้ความพิโรธทำให้แผ่นดินด้านตะวันตกสุดแยกออกไปสู่ท่ามกลางความมืดมิดนิรันดร์ จนกระทั่งวันนี้ที่นั่นอากาศหนาวเหน็บถึงกระดูก เป็นแนวป้องกันปีศาจที่มั่นคง เทพธรรมดาเพียงเข้าไปใกล้เล็กน้อยยังได้รับบาดเจ็บรุนแรง จักรพรรดิสวรรค์จึงสั่งให้ที่นั่นเป็นเขตหวงห้าม

 

 

นั่นคือทัพหมื่นมังกรที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อมองดูเทพมังกรแห่งเขาจงซานตอนนี้แล้ว…ฉีหนานได้แต่ถอนหายใจอย่างไร้สุ้มเสียง

 

 

ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ควรสงบก็ต้องสงบ ฉีหนานจึงแนะนำ “ที่นี่มีแขกมากมาย มหาเทพต้องระวังคำพูด ยิ่งกว่านั้นองค์หญิงน้อยมีความสามารถถึงเพียงนี้ ท่านควรจะดีใจ จะหน้านิ่วคิ้วขมวดได้อย่างไร”

 

 

สายเลือดเทพมังกรแห่งเขาจงซานกับสายเลือดของเทพมังกรอื่นไม่เหมือนกัน ตอนเกิดร่างจะเป็นมังกร ต้องเลี้ยงดูอยู่ในสระมังกรบนยอดเขาจงซานตลอดจนโตได้อายุห้าร้อยถึงหกร้อยปี ถึงสามารถเปลี่ยนร่างเป็นร่างมนุษย์ แม้แต่มหาเทพและองค์ชายน้อยก็อายุประมาณห้าร้อยปีถึงจะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ องค์หญิงน้อยอายุเพียงสองร้อยปีก็เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์แล้ว แสดงให้เห็นถึงพลังที่สูงส่ง อาจกล่าวได้ว่าในอนาคตชื่อเสียงเทพมังกรแห่งเขาจงซานคงขึ้นอยู่กับนางแล้ว

 

 

มหาเทพเอาเรื่องขององค์หญิงน้อยมาเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก จนในที่สุดอารมณ์อันอ่อนไหวเช่นนี้ของมหาเทพจงซานก็ทำให้เขาคิดถึงบุตรี เตรียมหาข้าหลวงให้นำองค์หญิงน้อยมาให้อุ้ม ทันใดก็รู้สึกแรงดึงที่แขนเสื้อเบาๆ เมื่อมองลงมา เห็นบุตรชายชิงเยี่ยนยืนอยู่ข้างขา เงยหน้าไร้เดียงสามองมา

 

 

“ท่านพ่ออุ้มหน่อย” เสียงแบบเด็กๆ ของชิงเยี่ยนขอพลางยื่นมือมากอด

 

 

มหาเทพจงซานแย้มยิ้ม หมายจะอุ้มบุตรชายขึ้นมา พลันได้ยินเสียงแหลมสูงของข้าหลวงพิธีการ “องค์หญิงสามแห่งเขาถงซาน ขอถวายพระพร”

 

 

เห็นหมู่เมฆลอยระบำนอกประตูวัง กลุ่มเทพมากมายลอยเข้ามาอย่างโอ่อ่า นำโดยเทพีผู้อยู่ในอาภรณ์งดงาม ชายเสื้อคลุมฝังเกล็ดดาวทางช้างเผือกไว้มากมายพาให้ทั่วทั้งเขาจงซานดูสว่างไสว

 

 

เมื่อเห็นมหาเทพจงซาน นางกะพริบตาหวานฉ่ำ เอียงอายโค้งคำนับอย่างงดงาม กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “คารวะท่านมหาเทพ”

 

 

เพียงเสียงเรียกของนางพาให้ใจมหาเทพโอนอ่อน อดไม่ได้ที่จะเดินไปหาตรงหน้านางกล่าว “ซานซาน”

 

 

ฉีหนานก้มมองที่ชิงเยี่ยน เด็กน้อยยังไม่รับรู้อะไรยื่นแขนรออ้อมกอดของบิดา ฉีหนานเพียงแค่ถอนหายใจอีกครั้ง นั่งลงไปพูด “องค์ชายน้อย มหาเทพวันนี้ต้องต้อนรับแขกมากมาย เหตุใดท่านไม่ไปหาองค์หญิงน้อยล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ชิงเยี่ยนผู้ไร้เดียงสาพลันเปลี่ยนใจ ชูแขนโบกไปมาซ้ำๆ “หาน้องหญิง! หาน้องหญิง!”

 

 

เทพธิดาด้านหลังเข้ามาอุ้มเขาในทันใด ใช้ร่างบังสายตา ไม่อยากให้เขาเห็นท่าทางของมหาเทพจงซานที่กำลังกุมสองมือขององค์หญิงสามแห่งเขาถงซาน

 

 

องค์หญิงสามแห่งเขาถงซานอยู่ที่นี่ มหาเทพคงไม่มีใจจะพูดคุยทักทายกับแขกอื่น ฉีหนานต้องทำหน้าที่แทนจึงยุ่งจนหัวหมุนคล้ายกับลูกข่าง

 

 

จนกระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิดทีละน้อย พลบค่ำแล้ว ฮูหยินยังคงไม่ปรากฏกาย ฉีหนานคิด นางคงไม่กลับมาแน่นอนแล้ว

 

 

ฮูหยินคือเทพีชุ่ยเหอบุตรีเทพีแห่งสายน้ำ ถ้าพูดเรื่องสถานะแล้วก็ต่างชั้นกับมหาเทพจงซานจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่ฮูหยินกังวลใจ ยิ่งกว่านั้นมหาเทพมีนิสัยมากรักหลายใจมาตลอดแม้แต่งงานแล้วก็ยังเปลี่ยนไม่ได้ นางทะเลาะด้วยทุกวี่ทุกวัน ดูเหมือนครั้งนี้จะเหนื่อยแล้ว ให้นางได้สงบจิตสงบใจก็ดี

 

 

แต่ว่า เหล่าเทพทุกผู้ทุกองค์ชีวิตส่วนใหญ่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ชีวิตเป็นอมตะ หน้าตารูปร่างอันงดงามคือที่สุด ไม่ว่าสิ่งใดก็มิได้อยู่ที่ความรู้สึกจนจิตใจว้าวุ่นตัดไม่ขาด วันนี้รัก พรุ่งนี้เกลียด เหมือนดั่งที่มหาเทพและฮูหยินทะเลาะกันมายาวนานทั้งตอนก่อนแต่งงานและหลังแต่งงาน เหล่าเทพที่จริงจังเหมือนฮูหยินเช่นนี้นั้นหาได้ยาก

 

 

ช่วงพลบค่ำ ข้าหลวงอุ้มองค์หญิงน้อยเข้ามาในวัง เพิ่งจะครบสองร้อยปีในร่างมนุษย์ องค์หญิงน้อยก็ดูเหมือนสาวน้อยทั่วไป ร่างเล็กๆ ถูกห่อหุ้มอยู่ในผ้าไหมทองอันงดงาม บนอกสวมโซ่ทองเหลืองอร่าม นางยังคงหลับลึกดูดนิ้วหัวแม่มืออยู่ น่ารักเป็นที่สุด

 

 

ชิงเยี่ยนกระโดดโลดเต้นตลอดทางตามมาด้านหลัง พยายามเอื้อมมือมาแตะน้องไม่หยุด ตะโกนร้องอย่างตื่นเต้นว่า “ก้อนแป้ง! ก้อนแป้ง!”

 

 

เสียงยกย่องสรรเสริญจากแขกมากมายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้นึกว่ามหาเทพจงซานคุยโม้โอ้อวด มังกรสตรีอายุสองร้อยปีที่ไหนจะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้ วันนี้ได้เห็นกับตา ประหลาดใจจริงๆ เหล่าเทพอาวุโสต่างคิดว่าเคยมีเทพมังกรแห่งเขาจงซานผู้มีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้ไหม อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกหลากหลาย

 

 

มีเสียงที่ดังอื้ออึงเช่นนี้ ในที่สุดองค์หญิงน้อยก็เริ่มตื่น ข้าหลวงกลัวนางร้องไห้ รีบดูแลแกว่งไกวเบาๆ นางกลับยังคงเงียบงัน เปลี่ยนนิ้วมาดูดต่อ ดวงตากลมโตที่แปลกแตกต่างไม่เหมือนใครของนางแวววาวสดใส

 

 

ฉีหนานเห็นว่าควรรีบให้มหาเทพตั้งชื่อองค์หญิงน้อย นี่เป็นพิธีการที่สำคัญมาก ไม่กล้ารบกวน เขาจึงก้าวไปข้างหน้าจับชิงเยี่ยนผู้ตื่นเต้นอย่างที่สุดให้หยุดนิ่ง ปากบอกเทพธิดาข้าหลวงให้พาเขาไปนั่งที่ ส่วนตนเองก็ถือกล่องหยก ภายในมองเห็นแผ่นไม้อมตะแผ่นบางๆ ทุกกิ่งล้วนสลักตัวอักษรไว้ เพียงรอให้มหาเทพจงซานเลือกเท่านั้น

 

 

หลังจากมหาเทพขอพรสี่ทิศแล้ว จึงได้ยกมือจับกล่องหยกเบาๆ เห็นในกล่องมีแผ่นไม้อมตะนับไม่ถ้วนที่ดูราวกับว่ามีชีวิตลอยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ บินอยู่กลางอากาศเป็นวงกลมมากมายหลายขนาดจนนับไม่ถ้วน เพียงครู่ มีสองกิ่งบางๆ เหมือนถูกเชือกที่มองไม่เห็นดึงออกมา ตกลงบนฝ่ามือของมหาเทพอย่างแผ่วเบา

 

 

เขาก้มลงอ่าน มองหาพู่กันบนโต๊ะ จุ่มน้ำหมึกทางช้างเผือก สุดท้ายจรดเขียนสองคำลงบนที่ว่างอย่างเฉียบคมว่า ‘เสวียนอี่’ ชั่วพริบตาก็ปรากฏแสงสว่าง อักษร ‘เสวียนอี่’ สองคำที่ลอยช้าๆ อยู่กลางอากาศ ตอนนี้กลายเป็นแสงไฟอันสว่างไสว เป็นประกายวิววับล่องลอยในความมืดมิด เป็นเวลานานว่าจะจางหายไปกับสายลม

 

 

“ตั้งแต่มีกฎสวรรค์ ข้าก็ทำตามบัญชาสวรรค์ วันนี้จึงตั้งชื่อสาวน้อยว่าผู้นี้ เสวียนอี่”

 

 

ผ่านไปเพียงครู่ เสียงแสดงความยินดีก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านหลังฉากกั้นบานใหญ่วงดนตรีเริ่มบรรเลงดนตรี ฝนบุปผาสีทองนับหมื่นดอกโปรยปรายลงมา โต๊ะพิธีการที่ว่างเปล่าทันใดนั้นกลับเต็มไปด้วยสุราชั้นดีมากมาย เทพเทพีทุกองค์ต่างยกแก้วเชิญดื่ม

 

 

กลิ่นหอมฉุนของสุราชั้นดี องค์หญิงน้อยเสวียนอี่ที่ยังไม่เคยชินกับกลิ่นจึงจามออกมา ตามด้วยเสียงฟุบคราหนึ่งเด็กหญิงผู้น่ารักราวตุ๊กตาหยกอันประณีตสวยงามที่ผู้คนมากมายต่างจ้องมองพริบตาเดียวพลันเปลี่ยนเป็นมังกรน้อยหางเทาที่ยาวเพียงไม่กี่นิ้ว ศีรษะและหางแกว่งไปมาอยู่ในมือข้าหลวง คล้ายกับปลาดุกอุย

 

 

ในที่นั้นเงียบเสียงลงทันใด องค์หญิงสามแห่งเขาถงซานหน้าซีด ส่งเสียงแหลมประหลาดใจขึ้น “ตายแล้ว! เปลี่ยนเป็นปลาดุกอุยได้อย่างไร”

 

 

มหาเทพจงซานหน้าเปลี่ยนสี เหล่าเทพที่มาร่วมยินดีต่างเงียบสงัดด้วยความกลัว ทุกคนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดขององค์หญิงสามแห่งเขาถงซาน ด้านหลังฉากกั้นบานใหญ่วงดนตรีหยุดเล่นดนตรี หลังเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะเปลี่ยนกลับเป็นร่างมังกรอีก นอกเสียจากว่าจะมีพลังเทพเพียงน้อยนิดจนไม่สามารถอยู่ในร่างคนได้นาน

 

 

เกิดอะไรขึ้นกับสายเลือดของเทพมังกรแห่งเขาจงซาน องค์หญิงน้อยจะมีพลังเทพน้อยนิดได้อย่างไร เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ก่อนอายุสองร้อยปี ดูแคลนได้หรือ ทุกคนดูถูกมังกรน้อยเปรียบว่าเหมือนกันกับปลาดุกอุย ทั้งหมดนี้พาให้มหาเทพจงซานเหมือนถูกตบหน้าอย่างรุนแรง

 

 

ชิงเยี่ยนที่นั่งเงียบๆ พลันรีบเดินมาหน้าเทพธิดาข้าหลวงที่กำลังอับอายทันใด ยกมือโอบกอดน้องสาว ใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสเขาน้อยๆ บนหัวของนางเบาๆ อย่างรักใคร่ พูดเสียงเบา “เด็กดี ฟังข้า รีบเปลี่ยนร่างกลับเร็ว”

 

 

องค์หญิงน้อยที่เหมือนกับปลาดุกอุยหาวหนึ่งครั้ง พ่นฟองน้ำลายออกมาครั้งหนึ่ง ขดร่างเป็นวงกลม แล้วนอนหลับต่อ

 

 

ขึ้นสองค่ำ เดือนสอง เทศกาลมังกรเชิดเศียร งานเลี้ยงฉลองอายุครบสองร้อยปีขององค์หญิงน้อยแห่งยอดเขาจงซานล้มเหลวไม่เป็นท่า ตอนที่เหล่าเทพเดินทางจากมา ยอดเขาจงซานพลันเริ่มปรากฏพายุฝน คงเป็นเพราะมหาเทพอารมณ์ไม่ดี ผ่านไปสองวันเขาจงซานถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งทั่วทั้งเขา

 

 

ไม่ว่ามหาเทพจงซานจะอารมณ์จะไม่ดีอย่างไร เรื่องนี้ก็ยังคงแพร่ไปทั่วแดนเทพอย่างรวดเร็ว แม้แต่เทพเล็กๆ ในสามเกาะสวรรค์ที่อยู่ไกลสุดยังรู้ มหาเทพจงซานคุยโตโอ้อวดเกินจริง องค์หญิงน้อยผู้สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้เมื่ออายุสองร้อยปี กลับเปลี่ยนเป็นปลาดุกอุยที่งานเลี้ยงฉลอง

 

 

‘องค์หญิงปลาดุกอุย’ คือชื่อที่ถูกเรียกอย่างเลื่องลือ มังกรนับหมื่นเคารพนับถือในชื่อเทพมังกรแห่งเขาจงซาน นี่เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมากจริงๆ แม้แต่ปีศาจชั้นต่ำยังกล้าหัวเราะเยาะพวกเขา

 

 

จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งพันกว่าปีแล้ว ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดเทพีชุ่ยเหอฮูหยินมหาเทพมังกรแห่งเขาจงซานกลับพลัดตกลงไปดับสูญ ณ ดินแดนอันเวิ้งว้าง และในเวลาเดียวกันนี้ กลุ่มถงซานทางตอนเหนือจู่ๆ ก็เผชิญหน้ากับความหนาวเหน็บ ทวยเทพในกลุ่มนั้นต่างดับสูญไปมากมาย มีข่าวลือว่าเป็นฝีมือของมหาเทพมังกรแห่งเขาจงซาน

 

 

การดับสูญของกลุ่มถงซานเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดยิ่ง แม้แต่องค์จักรพรรดิสวรรค์ก็ยังเคยถามมหาเทพ ทว่าผลกลับไม่เป็นที่น่าพอใจ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าทั้งสองท่านพูดคุยอะไรกัน รู้เพียงว่ามหาเทพจงซานกลับเขาจงซานไปอย่างปลอดภัยและทำหน้าที่มหาเทพต่อไป ปล่อยเรื่องการดับสูญของกลุ่มถงซานให้จักรพรรดิสวรรค์จัดการอย่างเงียบๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

จนถึงตอนนี้ ชื่อเสียงของมหาเทพจงซานกลับมาน่าเกรงขามอีกครั้งในแดนเทพ เรื่องน่าขันเกี่ยวกับองค์หญิงปลาดุกอุย สุดท้ายก็ไม่มีใครกล่าวถึงอีกเลย

 

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปแปดพันปีแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

[1]เป็นสำนวน หมายถึง เก่งกาจที่สุด