ตอนที่ 321 - ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ครบสมบูรณ์ (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 321 – ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ครบสมบูรณ์ (1)

เจี้ยนเฉินดูรูปแบบเลือดที่ลอยอยู่โดยที่ตู่กูเฟิงเป็นคนวาดและพูดว่า ตู่กูเฟิง เจ้าเป็นคนจริง ข้า เจี้ยนเฉินชื่นชมเจ้า พันธสัญญาโลหิตนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าไม่ต้องการควบคุมชีวิตเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าสัญญาว่าจะทำ ข้ายังรออยู่”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ตู่กูเฟิงก็ตกตะลึง เมื่อมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่เชื่อ เขาพูดว่า” เจ้าเชื่อข้าจริง ๆ เจ้าไม่กลัวข้าจะกลับคำพูดหรือ ? “

ถูกต้อง ข้าเชื่อมั่นในท่าทีของเจ้า แน่นอน ถ้าเจ้าเป็นคนที่กลับคำ ข้าก็แค่โทษตัวเองว่าข้าเป็นคนตาบอด” เจี้ยนเฉินพูดอย่างไม่ลังเลราวกับว่าเขาไว้ใจคำพูดของตู่กูเฟิงอย่างเต็มที่

แม้จะเป็นความจริงที่ว่าเจี้ยนเฉินสามารถควบคุมชีวิตของตู่กูเฟิงได้ด้วยพันธสัญญาโลหิต เจี้ยนเฉินก็ไม่ต้องการคนที่ไร้ซึ่งพลัง เขาต้องการมิตรแท้ คนที่มีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณซึ่งมีความคิดเป็นของตนเอง มีความเป็นอิสระในตนเองซึ่งมันเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะเปิดเผยศักยภาพที่แท้จริงของตู่กูเฟิง แม้ว่าการยอมรับพันธสัญญาโลหิตจะช่วยให้เจี้ยนเฉินสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลกลัวว่าจะถูกทรยศ แต่ตู่กูเฟิงจะกลายเป็นคนไม่มีอะไรมากไปกว่าคนไร้วิญญาณ สิ่งนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อพลังของตู่กูเฟิง แต่ในท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินจะไม่มีวันได้รับความภักดีที่แท้จริงของตู่กูเฟิง

ตู่กูเฟิงจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความงุนงงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ในขณะนี้เขากำลังดูเจี้ยนเฉินในมุมมองใหม่จากคนแปลกหน้าจนถึงสหายที่เขาต่อสู้และใช้ชีวิตในการต่อสู้ด้วยกันหลายครั้ง อารมณ์จึงเริ่มเติมเต็มในสายตาของเขา

หมัดของตู่กูเฟิงเริ่มคลายตัวโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินที่หล่อเหลาและอายุน้อยกว่าก่อนที่จะพูดว่า” เจ้าไม่ต้องกังวลเลย ข้าตู่กูเฟิงไม่ใช่คนที่พูดจากลับกลอก เมื่อข้าคืนยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎกลับไปยังตระกูลของข้าแล้ว จากนั้นข้าจะกลับมาเพื่อทำตามคำสัญญาของข้าทันที”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เรื่องระหว่างเขากับตู่กูเฟิง ดูเหมือนจะได้รับการตัดสินในแบบที่เจี้ยนเฉินไม่เคยคาดคิดมาก่อน ตอนนี้เขาได้ความภักดีของตู่กูเฟิง ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงมีความสุข ความแข็งแกร่งของหมิงตงทำให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดและมั่นคงพร้อมด้วยการเพิ่มมาของตู่กูเฟิงที่มีความแข็งแกร่งไม่แพ้กันก็อาจกล่าวได้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขี้นมาก ด้วยการเพิ่มของความแข็งแกร่งนี้ อำนาจที่เจี้ยนเฉินควบคุมอยู่ในขณะนี้จึงมีอำนาจเพิ่มขึ้น

“ตู่กูเฟิง เจ้าควรมีส่วนร่วมในงานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้างต่อไป ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าควรจะสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและสร้างมันขึ้นมาให้อยู่ในสิบอันดับแรก ของรางวัลมีมากมายมหาศาล นี่ไม่ใช่โอกาสที่ควรพลาด” เจี้ยนเฉินพูด

ตู่กูเฟิงพยักหน้า เยี่ยม หลังจากงานชุมนุมของกลุ่มทหารรับจ้างจบลง ทุกอย่างที่ข้าได้รับจะมอบให้เจ้า ข้าไม่ได้อยู่ในตระกูลตู่กูอีกต่อไป ดังนั้นความสำเร็จของข้าจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา”

เจี้ยนเฉินส่ายหัว” นั่นไม่จำเป็น ตราบใดที่เจ้าทำสำเร็จด้วยตัวเอง รางวัลก็จะเป็นของเจ้า ตู่กูเฟิง ข้าเจี้ยนเฉินชื่นชมเจ้าในฐานะลูกผู้ชาย ในอนาคต เจ้าจะเป็นพี่น้องของพวกเราทุกคน ข้าหวังว่าทุกคนจะซื่อสัตย์ต่อกัน และเราจะสามารถทำงานร่วมกันได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ตู่กูเฟิงก็เริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ ขณะที่เสียงของเขาเริ่มสั่นเทาในขณะที่เขาพูดว่า ดี ข้าจะเป็นสหายของเจ้าและจะไม่อนุญาตให้ใครทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อพวกเรา ไม่อย่างนั้นใครก็ตามที่พยายามจะไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือของข้า” ตู่กูเฟิงพูดอย่างกล้าหาญ จากช่วงเวลานี้ในที่สุดหัวใจที่เต็มใจด้วยความภาคภูมิใจของตู่กูเฟิงก็ยอมรับเจี้ยนเฉินทั้งใจ

” ฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดว่าเราจะได้สหายเพิ่มขึ้นอีกคนจากที่นี่ ตู่กูเฟิง ข้าชื่อว่าหมิงตง เจ้าสามารถเรียกข้าเช่นนั้นได้ ความผิดก่อนหน้านี้ที่ข้าอาจจะพูดไป ได้โปรดอย่าถือสาพวกมัน ข้าหมิงตงต้องการขออภัยในสิ่งเหล่านี้ด้วย” หมิงตงก็ชื่นชมในบุคลิกของตู่กูเฟิง และยิ้มให้เขาอย่างสดใส

ตู่กูเฟิงอดไม่ได้ที่จะมีแต่รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของเขา ขณะที่กุมมือลงบนไหล่ของหมิงตง จากนี้ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าหมิงตง วันนี้เป็นวันที่โชคดีสำหรับข้าที่ได้เจออัจฉริยะที่โดดเด่น 2 คนและกลายเป็นสหายของพวกเขา เจ้าสองคนอายุน้อยกว่าข้า แต่เจ้าสองคนกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าข้า โดยเฉพาะเจ้า หมิงตง; ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเอง เจ้าสามารถรับการโจมตีจากยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎและโต้กลับได้ เจ้าเป็นเซียนสวรรค์ใช่หรือไม่ ? “

หมิงตงหัวเราะเสียงดัง” มันไม่ได้สุดยอดขนาดนั้น ข้าเป็นเพียงแค่เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ขั้นสูงสุดเท่านั้น แม้ว่าจะเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงเซียนสวรรค์ แต่ขั้นตอนนี้ยังคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 3 ปีในการตัดผ่าน”

” อะไร ความแข็งแกร่งของเจ้าถึงขั้นสูงสุดของเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 แล้ว ? ” ทันทีที่หมิงตงพูดจบ เจี้ยนเฉินก็พูดด้วยความประหลาดใจพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ

ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งปี หมิงตงได้เลื่อนระดับจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปสู่เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 นี่เป็นก้าวที่น่ากลัวแม้กระทั่งคำว่า “เร็วดุจสายฟ้า” ก็ไม่สามารถอธิบายได้ นั่นเป็นเพราะการเป็นเซียนปฐพีนั้นจำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อในการทะลวงผ่านด่าน ปริมาณของพลังงานที่จะกลายเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 นั้นไม่สามารถวัดได้ กระนั้นหมิงตงก็ได้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ภายในช่วงหนึ่งปี แม้แต่เจี้ยนเฉินในตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 1

ตู่กูเฟิงนับถือความแข็งแกร่งของหมิงตงด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าหมิงตงจะมีอายุมากกว่า 28 ปี นี่อายุน้อยกว่าเขา 2 ปี แต่ช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของเขาทั้งสองนั้นกว้างใหญ่ จากที่เขาอยู่ห่างจากระดับเซียนสวรรค์เพียงก้าวเดียว ความสำเร็จประเภทนี้ทำให้อัจฉริยะที่สวรรค์ส่งเสริมดั่งเช่นตู่กูเฟิงรู้สึกถึงอำนาจที่ลดลง

เมื่อมองดูใบหน้าของเจี้ยนเฉิน หมิงตงก็หัวเราะขณะที่เขาสนุกกับสีหน้าของเจี้ยนเฉิน “เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่ควรแปลกใจ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของข้า ท่านลุงเทียนได้ใช้พลังงานจำนวนมากของเขาและใช้สมบัติล้ำค่าจำนวนมหาศาลในการพัฒนาความแข็งแกร่งของข้า แต่เดิมท่านลุงเทียนได้วางแผนที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์ให้กับข้า โชคไม่ดี ด้วยรากฐานปัจจุบันของข้า หากข้าต้องเป็นเซียนสวรรค์ รากฐานของข้าก็จะพังทลาย เพื่อเส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของข้า เขาบังคับความแข็งแกร่งของข้าให้อยู่ที่ขั้นสูงสุดของวัฏจักรที่ 6 จากนั้นด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา เขากักขังพลังงานของข้าไว้ในร่างกายของข้าและบอกให้ข้าไม่ทดลองและให้ทะลวงผ่านด่านเมื่อครบ 3 ปี

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ตู่กูเฟิงรู้สึกตกใจในใจก่อนถามว่า “หมิงตง ท่านลุงเทียนของเจ้านั้นน่าทึ่งมาก อย่างน้อยเขาจะต้องเป็นเซียนผู้คุมกฎ”

ปากของหมิงตงยกขึ้นมาเล็กน้อยขณะที่เขายิ้ม “ท่านลุงเทียนของข้าแข็งแกร่งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเขานั้นข้าไม่รู้ แต่ข้าได้ยินมาว่า 5,000 ปีก่อนท่านลุงเทียนเป็นเซียนผู้คุมกฎคนหนึ่ง”

“อะ-อะไร? ห้า… ห้าพันปีก่อนนั้น เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎ ! ” ใบหน้าของตู่กูเฟิงไร้สีเลือด ขณะที่ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นจนเกือบจะหลุดจากเบ้าตา เขาตกใจมาก

” อะไร ตู่กูเฟิงมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ? ” หมิงตงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาแสร้งทำเป็นสับสน

“ไม่เลย .. ไม่มีอะไรเลย” ตู่กูเฟิงพูดออกมาในขณะที่มีเหงื่ออยู่บนหน้าผาก ใบหน้าของเขาซีดเมื่อเขาพูด; นี่เป็นครั้งแรกนับที่เจี้ยนเฉินเห็นเขาสูญเสียการควบคุมตัวเอง

“ดูเหมือนว่าตู่กูเฟิงน่าจะรู้อะไรบางอย่างไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ตกใจกับระดับดังกล่าวที่ได้ยินเกี่ยวกับเซียนผู้กฎอายุ 5,000 ปี” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเองในขณะที่เขาสังเกตตู่กูเฟิง

“ยังมีหน้าทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์อีกสองสามหน้าที่ยังไม่ได้รวบรวมอยู่ในถ้ำ เราควรรีบกลับไป” เจี้ยนเฉินพูด

หลังจากนั้นชายทั้งสามพุ่งเข้าหาถ้ำอย่างรวดเร็วขณะที่เจี้ยนเฉินเริ่มกังวลเกี่ยวกับหน้ากระดาษที่เหลืออยู่ในมือของฉินจี๋และเทียนมู่หลิง ดังนั้นความเร็วของพวกเขาจึงไม่ช้าเลย หลังจากนั้นไม่นานชายทั้งสามก็รีบเข้ามาบริเวณใกล้ถ้ำ

ขณะที่ชายสามคนเดินเข้ามาในบริเวณที่ทุกคนต่อสู้กับสัตว์อสูรทั้งสี่ เสียงคำรามดังขึ้นจากที่ไกลออกไปก่อนที่สิงโตอัสนีม่วงจะพุ่งเข้าหาคนทั้งสาม

” ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่ง ในที่สุดข้าก็ได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ! ปล่อยมันให้ข้า เจ้าสองคนไม่ควรเอามันไปจากข้า” หมิงตงจ้องที่สิงโตอัสนีม่วงและพุ่งเข้าใส่มันด้วยอาวุธเซียนของเขา

“หมิงตง หลังจากเจ้าจัดการกับสิงโตอัสนีม่วงเสร็จ มาพบกับเราในถ้ำ เราจะล่วงหน้าไปก่อน” เจี้ยนเฉินพูดกับหมิงตงในขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้า ตอนนี้ความแข็งแกร่งของหมิงตงนั้นแข็งแกร่งพอที่จะตอบโต้เซียนผู้คุมกฎกลับโดยไม่มีอันตราย เขาจะสามารถจัดการกับสิงโตอัสนีม่วงที่ได้รับบาดเจ็บอย่างง่ายดาย

“เข้าใจแล้ว” หมิงตงตอบ

“อ่า ใช่แล้วยังคงมีลิ่นจักรพรรดิที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินระวังให้ดี” เจี้ยนเฉินเตือนเขา

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินและตู่กูเฟิงก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงอย่างรวดเร็วซึ่งพวกเขาเห็นคนจำนวนมากมารวมตัวกันด้านนอกซึ่งกำลังด่าทอเสียงดัง

“มีเหตุผลอะไรที่เจ้าห้ามไม่ให้เราเข้าไปถ้ำแห่งนี้ มันไม่ใช่ของเจ้า ! “

“ถูกต้องแล้ว เจ้าทุกคนโอหังเกินไป ! ถ้ำแห่งอมตะนี้ไม่ใช่ของเจ้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมายึดมันไว้เพื่อตัวเจ้าเอง ? “

“อย่าคิดว่าเพียงเพราะเจ้ามีกำลังที่จะผูกขาดถ้ำที่เราไม่สามารถเข้าไปได้ หากเรารวมตัวกัน เราจะบุกเข้าไปในถ้ำได้ ! “

” เร็วเข้า ออกไปให้พ้นทางของพวกเรา ! แม้ว่าความแข็งแกร่งของเราจะไม่เท่ากับเจ้า แต่เราก็ไม่กลัวเจ้า ! “

จากที่ไกล ตู่กูเฟิงและเจี้ยนเฉินสามารถได้ยินเสียงด่าทอเนื่องจากทุกคนถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าไปในถ้ำ

อย่างรวดเร็ว เจี้ยนเฉินและตู่กูเฟิงร่อนลงบนพื้นดิน จากนั้นตู่กูเฟิงก็เปล่งเสียงคำรามอันดังออกมากลางฝูงชน “พวกเจ้ากีดขวางทางของเรา หลีกทางไป ! ” เสียงของเขาดังมากจนแก้วหูของทุกคนสั่น