เมื่อได้ยินความคิดของคังอี้ เฟิงจินหยวนก็เงยหน้าขึ้น และพูดอย่างรวดเร็วว่า “อะไร พูดมาเร็ว ! ”

คังอี้กล่าวว่า “จะเป็นการดีกว่าหากเราชิงลงมือทำบางอย่าง เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ เป็นเช่นนี้ เราจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ จะเป็นการดีกว่าถ้าสามีใช้ความคิดริเริ่มและไปทูลขออภัยโทษจากองค์ฮ่องเต้ บางทีสถานการณ์จะไม่แย่กว่านี้เจ้าค่ะ”

มีความคิดริเริ่มที่จะขออภัยโทษงั้นหรือ ?

คนในตระกูลเฟิงต่างตกใจ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่แน่ใจและถามว่า “สถานการณ์จะเปลี่ยนไปจริง ๆ หรือ ? ”

คังอี้ตอบด้วยคำถามของนาง “ถ้าไม่ทำแบบนี้ มีทางเลือกอื่นอีกไหมเจ้าค่ะ? เป็นไปได้ไหมที่เราจะต้องทำอย่างที่คุณหนูสี่พูด”

อันชินั้นเห็นด้วยกับสิ่งที่คังอี้พูด ดังนั้นนางยังกล่าวอีกว่า “ในโลกนี้เราจะหนีไปที่ไหนได้เจ้าคะ ? แทนที่จะรออยู่พระราชโองการอยู่ที่บ้าน มันจะเป็นการดีกว่าถ้าสามีเข้าไปทูลขออภัยโทษก่อน”

ฮูหยินผู้เฒ่าเกลียดการฟังอันชิพูดมากที่สุด นางอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “หุบปาก ! ตัวเจ้าและบุตรสาวของเจ้าไม่สามารถดูแลบ่าวรับใช้ได้ นางอยู่กับองค์ชายสามมานานแล้ว แต่เจ้าก็ไม่สังเกตอะไรเลย เจ้ายังส่งขนมอบไปให้เหยาซื่อกิน เจ้าสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่ ! เจ้ารอดู ถ้าอาเฮงกลับมา นางจะมาทวงหนี้แค้นกับเจ้าอย่างแน่นอน ! ”

อันชิได้เตรียมใจไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินนางพูดโต้ตอบว่า “ไม่ว่าอย่างไร อนุผู้นี้ก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะรอการตัดสินของคุณหนูรอง นั้นคือทั้งหมด แม้ว่านางจะต้องการชีวิตของอนุ อนุผู้นี้ก็ไม่ขอตำหนิใด ๆ เจ้าค่ะ”

“หืมม ! ” เฟิงเฟินไดตะโกนอย่างเย็นชา “เจ้าทำเรื่องนี้จริง ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เจ้าทำขนมแล้วส่งขนมให้กับผู้หญิงที่หย่าร้าง ? เหยาซื่อทำให้ท่านพ่อต้องประสบกับความอัปยศอดสู ดังนั้นเราจึงควรมองนางเป็นศัตรู แม่รองอัน เจ้ามีหัวใจแบบไหน ? ”

คำพูดของเฟิงเฟินไดแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของฮูหยินผู้เฒ่า เฟิงจินหยวนก็รู้สึกแบบนี้อยู่พักหนึ่งไม่มีใครพูดในห้อง อันชิไม่ได้ป้องกันตัวเอง ท้ายที่สุดนางรู้ว่าตระกูลเฟิงจะไม่ยอมปล่อยนางไปอย่างง่ายดายสำหรับสถานการณ์นี้

ในเวลานี้เฟิงเซียงหรูผู้ซึ่งเงียบตลอดเวลาถามทันทีว่า “ทำไมพี่รองถึงยังไม่กลับมา ? พี่รองหายไปไหน ? ”

เฟิงจินหยวนตื่นตกใจ จากนั้นเขาก็จำได้ว่าเฟิงหยูเฮงอยู่กับองค์ชายเจ็ดเมื่อเขาจากไป ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “นางคงอยู่ที่ตำหนักชุน”

หลังจากพูดอย่างนี้ ผู้ที่ถูกส่งไปรายงานที่พระราชวังกลับมา และเข้ามาในห้องโถงอย่างรวดเร็ว พูดกับเฟิงจินหยวนว่า “ท่านใต้เท้า มีข่าวจากคุณหนูรองขอรับ”

“โอ้ ? ” ทุกคนถามพร้อมกัน “คุณหนูรองเป็นอย่างไรบ้าง ? ”

คนที่เข้ามาตอบ “คุณหนูรองเข้าไปในพระราชวัง ตอนนี้นางกำลังคุกเข่าอยู่ที่หน้าห้องโถงสวรรค์ แต่องค์ฮ่องเต้ก็ยังไม่ได้พบนางขอรับ”

ทุกคนในคฤหาสน์เฟิงตกใจ คังอี้เป็นคนแรกที่ตอบโต้ นางบีบแขนเฟิงจินหยวน “แม้แต่อาเฮงก็สามารถคิดแบบนี้ได้ ดังนั้นสามีจะลังเลอยู่ทำไม ? ไปเร็ว ๆ ! “

ฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบเตือนเขาด้วย “คังอี้พูดถูก ไปเร็ว และยอมรับความผิดพลาดของเจ้าต่อองค์ฮ่องเต้ ! ”

เฟิงจินหยวนพยักหน้า เขานำผู้รายงานและมุ่งหน้าไปยังทางเข้าของคฤหาสน์โดยไม่พูดอะไรอีก

ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่นางถามคังอี้ “เจ้าคิดว่านี่จะช่วยได้หรือไม่ ? ”

คังอี้ไม่รู้สึกมั่นใจอีกต่อไปเพราะนางเข้าใจส่วนที่สำคัญที่สุดของสิ่งที่ผู้รายงานเพิ่งพูดไป: ‘ฮ่องเต้ยังไม่ได้พบนาง’

ต้องบอกว่านางไม่ค่อยชัดเจนกับจุดยืนของเฟิงหยูเฮงในราชวงศ์ต้าชุนเมื่อนางมาถึงครั้งแรก อย่างไรก็ตามตอนนี้นางเข้าใจแล้วแปดถึงเก้าส่วน คนผู้เดียวที่รู้วิธีการหลอมเหล็กกำลังคุกเข่าอยู่หน้าห้องโถงสวรรค์ แต่ฮ่องเต้ปฏิเสธที่จะพบนาง ดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะทรงพิโรธเรื่องการต่อสู้ระหว่างเฟิงหยูเฮงกับองค์ชายสามอย่างแท้จริง

เมื่อเห็นคังอี้ขมวดคิ้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองพี่น้องเฉิง

จุนม่านเข้าใจความหมายของฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าวว่า “อนุผู้นี้ได้ส่งคนเข้าพระราชวังเพื่อพบท่านป้า การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้ากว่าผู้รายงานเล็กน้อย ดังนั้นท่านแม่อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินว่าจุนม่านส่งคนไปหาฮองเฮาแล้ว ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็สงบลงเล็กน้อย นางครุ่นคิดอีกเล็กน้อยก่อนสั่งบ่าวรับใช้ว่า “ไปที่วัด และปล่อยคุณหนูใหญ่ออกมา ! เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในครอบครัวก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเล็กน้อยนี้”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้เฟิงเฟินไดต้องการระเบิดด้วยความโกรธ หลี่หลู่บ่าวรับใช้ส่วนตัวของนางจับข้อมือแล้วส่ายหัวเล็กน้อย พยายามบอกให้นางสงบลง อย่างไรก็ตามเฟิงเฟินไดจะทำตามที่นางแนะนำได้อย่างไร ? นางไม่สนใจคำเตือนของหลี่หลู่นางกล่าวว่า “ท่านย่า หลานคิดว่าหลานควรพาแม่รองฮันหนีไป ! อีกด้านหนึ่งพี่รองทำให้ผู้คนจำนวนมากขุ่นเคือง และตอนนี้ท่านย่าก็ปล่อยพี่ใหญ่ออกมา จะเป็นอย่างไรถ้านางพยายามทำบางอย่างเพื่อทำร้ายแม่รองฮัน ? ”

ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนด่าเฟิงเฟินได “หนี ! เจ้าจะหนีไปไหน เด็กที่อยู่ในท้องของฮันชินั้นเป็นบุตรของตระกูลเฟิง ถ้านางต้องตาย นางจะตายในคฤหาสน์เฟิง ! ”

คังอี้ยังกล่าวอีกว่า “คุณหนูสี่ต้องคิดอย่างรอบคอบ ถ้าเจ้าต้องการไปตอนนี้มันดูง่าย แต่ถ้าเจ้าต้องการกลับมาในภายหลังนั่นจะเป็นเรื่องยาก”

“เจ้าหมายความเช่นไร ? ” เฟิงเฟินไดจ้องที่คังอี้ “เจ้าขู่ข้าหรือ ? ”

คังอี้ส่ายหัว “ข้าไม่ได้ขู่เจ้า ข้าแค่หวังว่าคุณหนูสี่มีใจที่จะแบ่งปันภาระของครอบครัวเฟิงในช่วงเวลาที่ลำบาก และเฉลิมฉลองในช่วงเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรือง เจ้ายังคงเป็นบุตรสาวของตระกูลเฟิงแม้ว่าเจ้าจะวิ่งหนีไปไหนก็ตาม”

เฟิงเฟินไดพูดไม่ออก นางจ้องที่คังอี้เป็นเวลานานก่อนที่จะพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “เช่นนั้นเราจะไม่หนีไปไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่ตระกูลเฟิงเหลืออยู่โดยไม่มีทายาท อย่าเสียใจก็แล้วกัน ! ”

เมื่อเฟิงจินหยวนถึงพระราชวัง ท้องฟ้าก็มืดแล้ว แต่ประตูของพระราชวังไม่ได้ปิด เมื่อเห็นเขามาถึง ขันทีก็รีบไต่สวนและกล่าวทันทีว่า “ขันทีจางกล่าวว่าเสนาบดีเฟิงจะมาคืนนี้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงให้บ่าวรับใช้คนนี้มารอรับท่านใต้เท้า ใครจะรู้ว่าเสนาบดีเฟิงจะมาจริง ๆ”

เฟิงจินหยวนตัวสั่น “ขันทีจางรู้ว่าเสนาบดีผู้นี้จะมา ? เมื่อพูดเช่นนี้องค์ฮ่องเต้ก็ทรงทราบเช่นกันหรือ ?”

“โอ้ ! ” ขันทีกล่าวว่า “บ่าวรับใช้คนนี้ไม่กล้าพูดสิ่งนี้ ขันทีจางให้บ่าวรับใช้คนนี้รอท่านใต้เท้าที่นี่ ส่วนพระองค์ทราบหรือไม่นั้นบ่าวรับใช้ต่ำต้อยคนนี้ไม่กล้าพูด ท่านใต้เท้าเฟิงโปรดเข้าไปเถิด” พูดอย่างนี้เขาผายมือให้เขาเข้ามาขณะที่พาเฟิงจินหยวนเข้ามาในพระราชวัง

เมื่อเฟิงจินหยวนเข้ามาในพระราชวัง เขาก็หันหลังกลับและเห็นขันทีปิดประตู และล็อคมัน เขาตกใจเพราะเขารู้ว่าเขาน่าจะไม่สามารถกลับบ้านได้ในคืนนี้

นอกพระราชวัง คนที่มาจากคฤหาสน์เฟิงกลับไปรายงานสถานการณ์ทันที ในด้านของเฟิงจินหยวน ในขณะที่หัวหน้าขันทีนำเขามาถึงจตุรัสที่หน้าห้องโถงสวรรค์

เขาเห็นเฟิงหยูเฮงคุกเข่าอยู่ที่นั้นนานหลายชั่วยามแล้ว แต่นางก็ไม่รู้สึกเหนื่อย นางยังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ใครจะรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อก้าวต่อไปอีกสองก้าว ในที่สุดเขาก็เห็นท่าทางของเฟิงหยูเฮง เฟิงจินหยวนยิ่งงงมากขึ้น

ผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ? นางท่องคัมภีร์หรือไม่ ?

เขาเห็นเฟิงหยูเฮงหลับตาและริมฝีปากขยับเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะอ่านอะไรบางอย่าง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงออกมา ใบหน้าของนางยังคงปกติ นางไม่ได้ดูราวกับว่านางถูกลงโทษด้วยการคุกเข่า อย่างไรก็ตามนางก็คุกเข่าในขณะที่ขันทีกล่าวว่า “องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันมาถึงตอนบ่ายและคุกเข่าอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ท่านเสนาบดีเฟิง…”

“เสนาบดีผู้นี้มาที่นี่เพื่อคุกเข่า” เฟิงจินหยวนจะพูดอะไรอีก สะบัดเสื้อคลุมของเขาแล้วคุกเข่าลงที่ด้านข้างของเฟิงหยูเฮง

ขันทีมองเขาแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย หันกลับมาเขาจากไป เฟิงหยูเฮงที่ลืมตาของนางแล้วมองไปที่เขาถาม “ท่านพ่อเพิ่งมาถึงหรือ ? ข้าคิดว่าท่านพ่อจะมาเร็วกว่านี้ ! ท่านพ่อไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้”

“เจ้า” เฟิงจินหยวนโกรธมาก เขาต้องการดุนางจริง ๆ แต่นี่คือพระราชวังของฮ่องเต้ เขาจะพูดได้ตามที่เขาพอใจไม่ได้ เขาสามารถถือมันไว้ในใจของเขา และกัดฟันพูดเบา ๆ ว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่หรือ ! ”

“ข้าหรือ ? ” ดวงตาของเฟิงหยูเฮงเปิดเผยความโกรธ “ท่านพ่อพูดอะไร ? ข้าได้ยินไม่ชัด พูดอีกครั้ง”

“ข้าบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้า ! ” เฟิงจินหยวนยังคงมีความปรารถนาที่จะตีบุตรสาวคนนี้จนตาย

แต่เฟิงหยูเฮงไม่คิดว่ามันเป็นเพราะเรื่องนี้ !

นางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกับเฟิงจินหยวนทีละคำ “ฟังนะ ซวนเทียนเย่ทำร้ายท่านแม่ของข้า นี่เป็นการหนี้ที่ชำระคืนบางส่วนเท่านั้น สำหรับทุกวันที่ซวนเทียนเย่ยังไม่ตาย หนี้นี้จะไม่ถือว่าหมด นอกจากนี้การช่วยเหลือทรราชในการกระทำของพวกเขาเป็นสิ่งที่ข้าจำได้ดี ใครเป็นคนที่จัดตั้งกลุ่มเพื่อติดตามผลประโยชน์ของพวกเขา ใครคือผู้ที่ให้การสนับสนุนอย่างลับ ๆ ใครคือคนที่ส่งเงินไปยังตำหนักเซียงครั้งแล้วครั้งเล่า และใครเป็นคนที่ช่วยลอบยิงธนู ช่วยคนต่างแคว้นเข้ามาในอาณาจักร หนี้เหล่านี้ข้าจะรวบรวมพวกมันทั้งหมด อย่าคิดว่าท่านพ่อสามารถหลอกบุตรสาวผู้นี้ได้เพียงเพราะข้ายังเด็ก ท่านพ่อ ถ้าเราเล่นสกปรก ท่านพ่อจะไม่สามารถเอาชนะข้าได้”

ขาของเฟิงจินหยวนสั่น ในขณะที่เขาสูญเสียความสมดุลและล้มลง

อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงช่วยเขาทันเวลา “ในเมื่อท่านพ่อมาขออภัยโทษ การคุกเข่าอยู่ที่นี่เพื่ออะไรกันแน่ ? ”

เฟิงจินหยวนรีบกลับมาคุกเข่าอย่างรวดเร็ว อากาศเย็นทำให้หัวเข่าของเขาเจ็บปวด

“แค่คุกเข่า ! ” เฟิงหยูเฮงปล่อยให้ไปอย่างแผ่วเบา “ท่านพ่อต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะคุกเข่าที่นี่ในตอนกลางคืน โอ้ ไม่ถูกต้อง พรุ่งนี้เช้าข้าสามารถกลับไปได้ แต่ก็ไม่แน่สำหรับท่านพ่อ เป็นไปได้ว่าท่านพ่อจะต้องคุกเข่าต่อไป”

เฟิงจินหยวนรู้สึกงงงวย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะได้กลับไปในเช้าวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน”

เฟิงหยูเฮงหัวเราะคิกคัก “เพราะพรุ่งนี้ซวนเทียนหมิงจะกลับมา ! เหอะ ท่านพ่อเป็นเวลากี่ปีแล้วที่ท่านพ่อไม่ได้คุกเข่า ? มันน่าละอายใช่หรือไม่ หัวเข่าของท่านพ่อเจ็บใช่หรือไม่ ? ทนนิดหน่อย ใครบอกให้ท่านพ่อทำบาปเช่นนี้ ? ”

คำพูดของนางพูดชัดเจน เฟิงจินหยวนโกรธกับข้อจำกัดของเขา แต่เขาไม่สามารถโต้แย้งได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ จากทุกสิ่งที่เขาทำลงไป ทุกอย่างไม่สามารถปิดบังจากเฟิงหยูเฮงได้ สิ่งที่เขาคิดว่าเขาทำโดยไม่ทิ้งร่องรอยก็ถูกค้นพบโดยนาง เขายังพูดอะไรได้อีก เขาปฏิเสธได้หรือไม่ เขาไม่เชื่อว่าเฟิงหยูเฮงจะเชื่อมัน

เฟิงจินหยวนหลับตาลงอย่างช้า ๆ และไม่ได้พูดกับเฟิงหยูเฮงอีกต่อไป แต่ความคิดของเขาเหมือนทะเลที่มีคลื่นแรง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาคิดว่าจะกำจัดเฟิงหยูเฮง แต่ในที่สุดเขาก็แค่วางท่าและใช้ประโยชน์จากคนอื่น ในช่วงเวลาที่ตระกูลเฉิน และเฉินหยูได้ลงมือทำ เขาก็แกล้งไม่รู้เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดพวกเขา

แต่คราวนี้เฟิงจินหยวนต้องการที่จะลงมือด้วยตัวเองและกำจัดบุตรสาวคนนี้

เฟิงหยูเฮงไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป นี่คือความรู้สึกที่เต็มไปด้วยภายในเขาครั้งแล้วครั้งเล่า คราวนี้มันมาพร้อมความมุ่งมั่นมากขึ้น !

ในห้องโถงสวรรค์ เจ้าหน้าที่ทหารได้ออกจากพระราชวังมานาน มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องโถงเพียงลำพัง แม้ว่าเขาจะมีผ้าห่ม แต่เขาก็ไม่สนใจ

จางหยวนนำถ้วยชาขึ้นมาใหม่จากนั้นก็พูดอย่างเงียบ ๆ “ฝ่าบาท ในที่สุดเสนาบดีเฟิงก็มาถึง เขาคุกเข่าข้างนอกกับองค์หญิงแห่งมณฑลพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้กล่าวอย่างเงียบๆ “มาหลังจากท้องฟ้ามืดไปแล้ว เขาจริงจังจริง ๆ”

จางหยวนติดตามสิ่งที่เขาพูด “เวลาที่เขามาช้าไปนั้นสามารถชดเชยได้ในวันพรุ่งนี้ อย่าโกรธและทำร้ายพระวรกายของพระองค์เลยพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้วางพู่กันบนโต๊ะแล้วจิบชา จากนั้นเขามองไปทางด้านข้างอย่างสุภาพ และถามจางหยวน “บอกคนทางฝ่ายนั้น พวกเขาจะมาหรือไม่ ? ”