ตอนที่ 292 พึ่งพาตนเอง
ตอนที่ 292 พึ่งพาตนเอง

“ถูกต้อง เสี่ยวไป๋หยางพูดถูก แบบนี้แหละ ตอนนี้ยังห่อเกี๊ยวไม่ได้ รอให้โตก่อนก็จะได้ห่อแล้ว เสี่ยวไป๋หยางเป็นเด็กดีจริง ๆ จ้ะ” เย่ฉูฉู่เช็ดคราบน้ำตาและน้ำมูกให้เขา ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เขาฟังเข้าใจด้วยเหรอ?” จ้าวเหวินเทากระซิบถาม

“ฟังเข้าใจสิ” เย่ฉูฉู่ตอบ “คุณอย่าดูถูกเด็กเล็กนะ อันที่จริงเขาเข้าใจหมดนั่นแหละ เขารู้ว่าคุณไม่ให้เขาทำอะไร ไม่งั้นเขาก็คงไม่ร้องหรอก ที่ร้องไห้ก็เพราะบังคับให้คุณยอม เวลาแบบนี้คุณไม่ควรตอบรับเด็ดขาด ไม่งั้นหลังจากนี้ถ้าคุณไม่ยอมเขาก็จะร้องไห้ ทำให้กลายเป็นเด็กเลี้ยงยากมาก”

จ้าวเหวินเทามองลูกชาย ลูกชายของเขาไม่ร้องไห้แล้ว เพียงแต่นั่งมองลูกลิงที่กำลังวุ่นวายอยู่กับเกี๊ยวตรงนั้นด้วยความอิจฉา เขาจึงพูดด้วยความเห็นอกเห็นใจ “เจ้าลูกชาย ลูกสู้แม่ของลูกไม่ได้เลยนะ”

เย่ฉูฉู่ขี้เกียจจะเถียงแล้ว เธอล้างมือแล้วมาช่วยห่อเกี๊ยว ระหว่างนั้นก็กำชับกับสามีว่า “ตอนนี้ไม่ดูแล อนาคตอยากดูแลก็ดูแลไม่ได้แล้ว เด็กเล็กต้องบอกเขาว่าอะไรบ้างที่ทำไม่ได้ หลังจากนี้คุณก็ต้องระวังด้วย อย่าให้ทุกอย่างที่เขาอยากได้ คุณต้องมีความเด็ดขาดหน่อย”

“ภรรยา ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณจะดูแลลูกได้ดีเยี่ยมขนาดนี้!” จ้าวเหวินเทาชื่นชมจากใจ

เย่ฉูฉู่กล่าว “แม่ก็ดูแลพวกเราแบบนี้แหละ ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันยังเด็ก อะไรที่แม่บอกว่าไม่ได้ ต่อให้ฉันกับพวกพี่ชายร้องไห้ลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นแม่ก็ไม่ให้ หลังจากผ่านไปไม่กี่ครั้ง ถ้าแม่บอกว่าไม่ได้พวกเราก็ไม่โวยวายแล้ว”

“แม่ของคุณสุดยอดเลย!” จ้าวเหวินเทาถึงกับอุทาน

“แหงอยู่แล้ว แม่เป็นคนดูแลพวกเราทั้งหมด พ่อของฉันไม่ได้เป็นคนเลี้ยง พ่อก็ไม่ได้สนใจด้วย อารมณ์ไม่ดี เหนื่อยกลับมา ก็ด่าพวกเราไปยกหนึ่ง ด่าจนพวกเรางงไปหมด จากนั้นแม่ก็บ่นพ่อ แม่ยืนหยัดเพื่อพวกเรา สิ่งนี้ทำให้พวกเรารู้สึกดีกับแม่” เย่ฉูฉู่พูดอย่างชื่นชม “อันที่จริงพ่อของฉันก็แค่ด่าเท่านั้นแหละ ถ้าพวกเราโวยวายพ่อก็ยังเข้าข้างพวกเรา แต่แม่ไม่ได้เป็นแบบนั้น”

“แต่พวกคุณก็ยังคิดว่าแม่ดี นี่คือความฉลาดหลักแหลมของแม่คุณเลยนะ” จ้าวเหวินเทาพูดต่อ

“ใช่ ดังนั้น ฉันจึงใช้วิธีเดียวกับแม่ในการดูแลเสี่ยวไป๋หยาง ต้องเป็นไปอย่างไม่เลวแน่นอน” เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้าวเหวินเทามองลูกชายแล้วพูดว่า “เจ้าลูกชาย ชีวิตลูกช่างอนาถสุด ๆ ไปเลยนะ!”

เสี่ยวไป๋หยางไม่รู้ว่าพ่อกับแม่กำลังคุยอะไรกัน แต่เมื่อเห็นพ่อคุยกับเขา ก็รีบฉีกยิ้ม ภาพนี้ทำให้จ้าวเหวินเทารู้สึกปวดใจ เขาอยากให้ลูกชายได้ทำเกี๊ยวจริง ๆ แต่ท้ายที่สุดก็ข่มใจไว้ เขาไม่สามารถทำลายผลลัพธ์จากความเหนื่อยยากของภรรยาได้

พวกเขาห่อเกี๊ยวเสร็จแล้ว ส่วนเกี๊ยวที่ลูกลิงห่อก็ไม่ได้เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลย แต่เย่ฉูฉู่ยังคงใช้กระดาษห่อแล้วใส่เข้าไปย่างในเตาให้สุกเพื่อให้มันกิน ลูกลิงได้กินเกี๊ยวที่มันห่อเองก็รู้สึกมีความสุขมาก

จ้าวเหวินเทามองดูก็มีความสุขมากเช่นกัน เขาทุบกระเทียมนำไปคลุกเคล้ากับแตงกวา จากนั้นสองสามีภรรยาก็เริ่มรับประทาน

“ภรรยา แป้งนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ นุ่มเหนียวมากเลย!” จ้าวเหวินเทารับประทานเกี๊ยวไปหนึ่งคำก็พูดออกมา

เย่ฉูฉู่ “แหงสิ ไม่ต่างจากรสชาติแป้งที่คุณซื้อกลับมาเลย เพียงแต่ดำไปหน่อยเท่านั้นเอง”

“ดำหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก แป้งที่พวกเราซื้อกลับมาได้ยินมาว่าผ่านการขัดสีด้วย แป้งของพวกเราถ้าผ่านการขัดสีก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน” จ้าวเหวินเทากล่าว “ครั้งหน้าตอนที่พวกเราทำบะหมี่ลองดูสักหน่อยก็ได้”

ตัวแป้งจะมีความเหนียวนุ่มหรือไม่ บะหมี่จะเป็นสิ่งที่แสดงออกมาได้ดีที่สุด

ระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน เฮ่อซงจือก็มาหา หล่อนยังคงมาคนเดียวอีกเช่นเคย

“อ้าว พวกเธอก็กำลังกินเกี๊ยวอยู่เหรอ!” เฮ่อซงจือสะบัดน้ำฝนบนมือ เมื่อเห็นเกี๊ยวที่วางอยู่บนโต๊ะก็พูดเคล้ารอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่ลงจากเตียงไปหยิบตะเกียบมาให้คู่หนึ่ง “มาสิ เธอลองชิมดูสักชิ้น”

“บ้านฉันก็กินเกี๊ยวเหมือนกัน ฉันเพิ่งกินเสร็จพอดี พวกเธอกินข้าวช้าเหมือนกันนะเนี่ย” เฮ่อซงจือไม่ได้เกรงใจ หล่อนรับตะเกียบมาและรับประทานเกี๊ยวไปหนึ่งชิ้น “อื้อ อร่อยจริง ๆ ฉูฉู่ ไส้ที่เธอผสมมันหอมน่ากินจัง!”

จ้าวเหวินเทาเอ่ย “ทำไมเธอถึงรู้ว่าเป็นไส้ที่ฉูฉู่ผสม ไม่คิดว่าเป็นฝีมือของฉันล่ะ?”

เฮ่อซงจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันเคยกินเกี๊ยวที่บ้านนายมาตั้งหลายครั้งแล้ว แถมยังห่อเกี๊ยวกับฉูฉู่แล้วด้วย ไส้นี้ใครเป็นคนทำฉันกินเข้าไปจะไม่รู้เลยเหรอ?”

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ที่แท้เธอก็ใช้โอกาสตอนที่ฉันไม่อยู่บ้านมาแอบกินที่บ้านฉันนี่เอง!”

“แหงสิยะ นายไม่อยู่บ้าน ฉันก็ต้องมากินของอร่อยที่บ้านนายอยู่แล้ว!” เฮ่อซงจือพูดติดตลก “นี่คือแป้งจากข้าวสาลีที่บ้านพวกเธอปลูกใช่ไหม”

เย่ฉูฉู่ “ใช่ ครั้งนี้เก็บข้าวสาลีมาโม่ได้สองกระสอบ วันนี้เลยเอามาลองกินดู รสชาติไม่เลวเลย”

“พวกฉันก็เหมือนกัน วันนี้ฝนตก ก็เลยมีเวลาพอดี เอามาห่อเกี๊ยวชิมดูแล้ว ไม่ได้ต่างจากที่ไปซื้อเลย ฉันว่าหอมกว่าแป้งที่ซื้ออีกนะ!”

จ้าวเหวินเทาเอ่ย “ก็ต้องหอมอยู่แล้ว ข้าวสาลีของพวกเราเก็บมาใหม่ ๆ เลยนะ แป้งที่ซื้อมาเป็นแป้งที่โม่ออกมาจากข้าวสาลีใหม่หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“ก็นั่นน่ะสิ ผักนี้ก็เก็บมาจากพื้นดินสด ๆ เลย สดใหม่ทั้งนั้น อร่อยเชียวล่ะ” เฮ่อซงจือกล่าว

“ชนบทของพวกเราดีแบบนี้แหละ ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็ได้กินของสดใหม่ มาเถอะ กินเพิ่มอีกสักหน่อย” เย่ฉูฉู่ขยับที่ให้เฮ่อซงจือนั่ง

“ไม่กินแล้ว ที่บ้านฉันก็ห่อเกี๊ยวไส้กุยช่ายกับไข่ไก่เหมือนกัน ฉันกินอิ่มแล้ว” เฮ่อซงจือวางตะเกียบในมือ หันไปมองลูกลิงที่กำลังกินเกี๊ยวอยู่ “วันนี้แปลกจริง ๆ ลิงบ้านเธอเห็นฉันแต่ไม่ไปซ่อนแล้วเหรอ?”

ลูกลิงนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับมนุษย์คนหนึ่ง มันกำลังหยิบเกี๊ยวขึ้นมากิน ไม่แม้แต่จะมองเฮ่อซงจือด้วยซ้ำ ทั้งยังใช้ตะเกียบไปจิ้มกระเทียมด้วย แต่ก็ถูกจ้าวเหวินเทาห้ามไว้ ลิงตัวนี้ถ้ากินเผ็ดเข้าไปจะไม่คว่ำโต๊ะเหรอ เขาจึงนำน้ำจิ้มมาให้มันจิ้มแทน

ลูกลิงก็ไม่ได้เลือกกิน มีน้ำจิ้มให้จิ้มก็พอแล้ว

เฮ่อซงจือเห็นก็หยุดหัวเราะไม่ได้

“คงชินกับเธอแล้วแหละ มันเลยไม่กลัวเธอแล้ว” เย่ฉูฉู่ตอบ

จ้าวเหวินเทา “อะไรกัน มันกำลังกินอยู่ต่างหากล่ะ เธอรอดูมันกินเสร็จก่อนเถอะ”

ผลลัพธ์ที่ได้คือ หลังจากกินเสร็จแล้วลูกลิงก็หนีไปทันที

“ฮ่า ๆ!” เฮ่อซงจือหัวเราะ “ลิงที่บ้านพวกเธอนี่ฉลาดดีนะ”

“แมวบ้านเราก็ฉลาดเหมือนกัน” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างภาคภูมิใจ เขาชี้ไปที่เสี่ยวไป๋กับเสี่ยวหลีที่กำลังแย่งกันกินเกี๊ยวอยู่ที่พื้น

“ใช่ มีคนฉลาดแบบนายอยู่ สัตว์เลี้ยงบ้านนายก็ต้องฉลาดอยู่แล้ว!” เฮ่อซงจือพูดจบก็หันหน้ามาหาเย่ฉูฉู่ “ไส้มะเขือยาวคลุกพริกอันนี้มีรสชาติดีนะ เธอคิดได้ไงเนี่ย?”

“มะเขือยาวคลุกพริกเอาไปตุ๋นก็อร่อย เอามาห่อเป็นเกี๊ยวก็ต้องได้อยู่แล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “บวบเอามาใส่พริกนิดหน่อยก็อร่อยมากเหมือนกันนะ เธอลองกลับไปทำดูสิ”

“นั่นสินะ ทำไมฉันคิดไม่ได้เนี่ย ที่บ้านมีบวบตั้งหลายลูก นี่ก็ฝนตกพักใหญ่แล้วคงไม่หยุดหรอก รอวันพรุ่งนี้ฉันจะลองดู” เฮ่อซงจือพูดด้วยสีหน้าพึงพอใจ “พวกเราปลูกข้าวสาลีนี่มันดีจังเลยนะ ตอนนี้ได้กินแป้งขาวแล้ว เวลาจะกินก็ไม่ต้องคำนวณอะไรแล้ว แม่สามีของฉันเป็นคนใช้ชีวิตเป็น วันนี้ตอนที่ห่อเกี๊ยวก็บอกว่า พวกเราใช้แป้งขาวทั้งหมด ไม่ต้องใส่แป้งบักวีทแม้แต่นิดเดียวด้วย!”

“ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มี เวลาจะกินก็ต้องมานั่งคำนวณ ตอนนี้มีแล้ว ก็กินแบบเต็มที่เลยสินะ!” จ้าวเหวินเทารับประทานเกี๊ยวไปพลางก็พูดไปพลาง

“เรื่องนี้ก็พึ่งพานายจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะนายเป็นคนจัดการเรื่องปลูกข้าวสาลี จนถึงตอนนี้พวกเราก็คงกินแป้งขาวกันแบบกระเหม็ดกระแหม่ นายว่าทางฝั่งพวกเราปลูกข้าวเจ้าได้หรือเปล่าล่ะ ถ้าปลูกได้ พวกเราก็จะปลูกดู” เฮ่อซงจือกล่าว

จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า “ฉันไปถามมาแล้ว ทางฝั่งนี้ของพวกเราปลูกข้าวเจ้าไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันคิดหาวิธีเอามาจากผานจิ่นนิดหน่อยแล้ว ทางฝั่งนั้นผลิตข้าวเจ้า พวกเรานำข้าวฟ่างไปแลกได้นะ”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ปลูกเองกินเองแบบนี้มันดีเหมือนกันนะ อยากกินอะไรก็ได้กิน

เหวินเทาจะเป็นผู้นำหมู่บ้านอีกแล้ว

ไหหม่า(海馬)