“ทำไมนายมาด้วยตัวเองล่ะ ไกลจะตาย ไปกลับไม่เหนื่อยเหรอ ฉันให้นายทำของสร่างเมาให้ นายกลับขับรถมารับเอง”
“เมียผมถึงขนาดดื่มวอดก้าเข้าไปแล้ว คิดว่าผมจะนั่งติดได้อีกเหรอ? ตอนนี้รู้จักเป็นห่วงผมแล้ว? ต่อไปยังคิดจะดื่มเยอะแบบนี้อีกไหม!”
เสี่ยวเชี่ยนเบ้ปาก “ฉันไม่ได้ห่วงนาย ฉันกลัวว่านายจะหลับในแล้วเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของฉัน ว้าย ทำอะไรเล่า!”
รถยังไม่ทันจะขึ้นทางด่วน เขาก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนยั่วโมโหจนทนไม่ไหว หักเลี้ยวจอดข้างทางทันที
ตรงนี้ดี มุมอับแสงจันทร์ ลมแรงไม่มีคน ทำอะไรก็ไม่มีใครเห็น
เขายิ้มเหมือนหมาป่า “เมื่อกี้ผมยังเหนื่อยไม่พอ ผมว่าผมยังเหนื่อยได้อีก แล้วจะพาคุณเหนื่อยไปด้วยกันด้วย”
เสี่ยวเชี่ยนไม่กล้าแหย่เขาอีกแล้ว รีบอ้อนวอน
“พี่ชายฉันผิดไปแล้ว! เมื่อกี้ฉันไม่ดีเอง! แค่ล้อพี่เล่นน่ะ ฉันซึ้งใจมากที่สามีฉันอุตส่าห์ขับรถมารับ ลำบากจะตาย”
อวี๋หมิงหลางมุมปากกระตุก “ซึ้งใจเหรอ ฝากไว้ก่อน กลับบ้านค่อยคิดบัญชี!”
เสี่ยวเชี่ยนแอบแลบลิ้นใส่ ไม่กลัวหรอก!
ตาทึ่มฮัสกี้ของเธอเป็นแต่เห่า ไม่กล้ากัดเธอ…ก็ได้ เดี๋ยวกลับไปเธอต้องโดนงับแน่นอน เสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจถอนคำพูด
แต่เขาก็แค่งับ ไม่ได้ทำไปจนสุด
ลงบัญชีไว้ก่อน เขาว่าแบบนั้น
วันรุ่งขึ้นเสี่ยวเชี่ยนยังต้องไปทำงานเป็นผู้ช่วยที่หน่วย เธอรู้ว่านี่คือความใส่ใจของเขา เห็นเธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้วถ้ากลางคืนยังเล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกันอีกจะเหนื่อยเกินไป เธอนอนกอดเขาอย่างมีความสุข เริ่มเคลิ้มๆ
“เมียจ๋าหลับยัง?”
“อือ…” เสี่ยวเชี่ยนกำลังเคลิ้มจะหลับ
“ตกลงเสี่ยวซีเป็นอะไร?”
เสี่ยวเชี่ยนอยากขำ แต่ก็อดทนไว้
เธอกล้าพนันเลยว่าหมอนี่อดทนอยู่นานเกรงใจไม่กล้าถาม รอจนกว่าเธอใกล้จะหลับแล้วถึงถามออกมา นี่แหละน้าพวกที่แอบเป็นห่วงพี่สาวตัวเองแต่ทำเขิน!
เสี่ยวเฉียงน่ารักจุง~
“เขาจะดีขึ้นแน่ วางใจเถอะ” เสี่ยวเชี่ยนตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้
เขาไม่ยอมถามตอนเธอมีสติดี งั้นเธอก็ต้องสนองหน่อย ตอบแบบไว้หน้าเขานิดนึง
“ไห่เจากับเสี่ยวซี...คงไม่เป็นไรนะ?”
อวี๋หมิงหลางรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่เคยทำเรื่องไร้สาระ เธอให้ไห่เจาไปรับเสี่ยวซี หรือว่า—
“นอนเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”
เสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนั้น อวี๋หมิงหลางจึงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เพียงแต่ขอถามอีกหน่อย
“อีกนานเท่าไรกว่าเสี่ยวซีจะเดินออกมาได้?”
“เร็วสุดครึ่งปี อย่างช้าก็ตลอดชีวิต อะไรที่ฉันกรอกใส่สมองเขาได้ฉันทำหมดแล้ว เขาคิดได้เมื่อไรก็จะมาหาฉันเพื่อรักษาต่อเอง นั่นเป็นเรื่องของเขาแล้ว”
“ผมจะไปคุยกับเขา” อวี๋หมิงหลางคิดจะลุกขึ้นนั่ง แต่ถูกเสี่ยวเชี่ยนรั้งไว้
“ใครไปพูดมีแต่จะทำให้แย่ลง คนที่พูดความจริงหลังเมากับคนที่อาการสะลึมสะลือพูดความจริงไม่ต่างกันหรอก นายจะไปเจาะหน้าต่างกระดาษนี้ให้พังลงเหรอ?”
เวลาที่คนเราอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นจะถูกชี้นำได้ง่าย อย่างเช่น บอกคนที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นว่าพรุ่งนี้จะกินอาหารเช้าอะไร มีคนส่วนหนึ่งวันรุ่งขึ้นไปซื้ออาหารเช้าแบบนั้นจริงๆ
เสี่ยวเชี่ยนได้พูดชักจูงเสี่ยวซีในช่วงเวลาที่เหมาะสมไปแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นกับเสี่ยวซีแล้วว่าจะคิดได้เมื่อไร
รักษาบาดแผลต้องใช้เวลา เรื่องแบบนี้ถ้าเจ้าตัวคิดไม่ได้ คนอื่นไปพูดอะไรก็มีแต่จะได้ผลตรงกันข้าม
“คนเมาจริงๆแล้วในใจรู้ดีทุกอย่างใช่ไหม?”
“อืม การดื่มเหล้าจะทำให้สมองของคนเกิดความรู้สึกตื่นเต้น พออารมณ์เริ่มมาอันที่จริงก็รู้หมดว่าตัวเองทำอะไรพูดอะไร ตอนนี้นี่แหละที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบคุยโว พูดในสิ่งที่ปกติตัวเองไม่กล้าพูด ‘คำพูด’ ที่พูดออกมาตอนนี้ไม่น่าเชื่อมากนัก พอดื่มต่อจนเริ่มเมากลางๆ อันที่จริงในมุมมองทางการแพทย์แบบนี้เรียกว่าภาวะสุราเป็นพิษแล้ว ระบบประสาทส่วนกลางเริ่มทำงานได้ไม่ปกติ ควบคุมสติไม่ได้ ถึงเขาจะรู้ว่าตัวเองทำอะไร แต่พอสร่างเมาก็จำไม่ได้หรอก”
“งั้นก็หมายความว่า คุณมอมเหล้าเสี่ยวซีให้อยู่ในภาวะสุราเป็นพิษเพื่อทำการรักษาเหรอ?!”
แบบนี้ที่เขาเรียกว่าทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใช่ไหม?
“เสี่ยวซีเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้เทพมาก ยีนของคนตระกูลอวี๋น่ากลัวจริงๆ เขาสามารถสั่งให้ตัวเองแปลงกายเป็นยักษ์ในฝันแล้วขังงูเอาไว้ ถ้าฉันไม่ใช้วิธีแบบพิเศษๆหน่อยคิดว่าจะเอาอยู่ไหม?”
พอเห็นอวี๋หมิงหลางยังอยากพูดต่อ เสี่ยวเชี่ยนจึงหลับตาเอาขาพาดเขา “ตอนนี้ฉันเมากรึ่มๆ ทุกอย่างที่ฉันทำเป็นเพราะเมานะ พรุ่งนี้นายจะมาคิดบัญชีกับฉันไม่ได้ ใครที่คิดบัญชีกับคนเมาเป็นไอ้โง่…”
อวี๋หมิงหลางทั้งโกรธทั้งขำ หยิกแก้มเธอเบาๆเป็นการลงโทษ “ต่อไปห้ามดื่มเยอะแบบนี้อีก ไม่ดีต่อสุขภาพ”
“อือ รู้แล้ว แล้วแต่สถานการณ์…”
“แล้วแต่สถานการณ์กับผีสิ! แค่ครั้งแรกยังเรียกผมเป็นรุ่นหลาน ถ้าดื่มอีกสามีคุณไม่กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวเลยเหรอ”
…
พอไห่เจามาถึง แค่เปิดประตูก็หน้าแดงแล้ว รู้สึกสร่างเมาทันที
อวี๋หมิงซีติดตะขอเสื้อในตัวเองพลางมองเขาอย่างสำรวจ ยังไม่ลืมที่จะทักทาย
“Hello! ฉันไม่ได้เมานะ!”
“ไม่เมาแต่ใส่เสื้อในไว้ข้างนอกอะนะ?” ไห่เจาหันไปไม่มอง ถึงเขาอยากจะมองก็ตาม แต่ก็รู้จักรักษามารยาท
“อ้อ นั่นสิ ก็ว่าทำไมมันติดไม่เข้า ฉันยังแอบคิดว่าดื่มเหล้าแล้วนมใหญ่ขึ้น! ฮ่าๆ ศัลยกรรมแบบไม่ต้องเจ็บตัว!”
“พวกคุณดื่มกันไปขนาดไหน?” ไห่เจาจำได้ว่าเสี่ยวซีคอแข็งพอตัว ทำไมถึงเมาได้ขนาดนี้ล่ะ
ในใจอดไม่ได้ที่จะเคืองเฉินเสี่ยวเชี่ยน แม่มดนั่นร่ายมนต์จุดไฟเผาไปทั่ว พูดจาทำร้ายจิตใจเขาไม่พอ ยังมอมเหล้าเสี่ยวซีด้วย!
“ไม่เท่าไรหรอก หนึ่ง สอง สาม จำไม่ได้อะ”
“รู้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
“ผียังรู้เลยว่านายเป็นใคร หน้าคุ้นๆนะ ว่าแต่นายเป็นใครอะ?”
ไห่เจาปวดใจ ในใจของเธอเขาคงไม่ใช่คนสำคัญสินะ พอเมาแล้วแม้แต่เขาก็จำไม่ได้
“ไห่เจา”
“ไห่เจา…อ๋อ ดี ก็ดีนะ—โอ๊ก!”
อวี๋หมิงซีรู้สึกคลื่นไส้ เอามือปิดปากอยากอาเจียน ไห่เจารีบไปหยิบถังขยะมาวางตรงหน้าเธอ แต่ก็ช้าไปก้าวเดียว
เนื้อตัวเธอมีแต่คราบอ้วก
“ไม่ได้ละ ต้องพาคุณไปหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้า” ไห่เจาจะแบกเธอ แต่ถูกอวี๋หมิงซีผลักออก
“อย่ามาแตะฉันนะ!” เนื้อตัวเธอสกปรก เดี๋ยวเลอะตัวเขา
“ต่อให้คุณเกลียดผมก็ช่วยไปเกลียดตอนอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน!” ไห่เจาคิดว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าเขาแม้แต่ตอนเมา ยิ่งปวดใจเข้าไปใหญ่
เขาแบกเธอขึ้นหลังโดยไม่สนว่าเธอจะขัดขืน “ผมจะไปส่งที่บ้าน”
“ไม่ได้!” เธอดิ้นอย่างรุนแรงบนหลังไห่เจาจนเกือบล้มกลิ้งไปทั้งสองคน
“อยู่นิ่งๆ!”
ไห่เจารู้สึกสะเทือนใจ ว่าแต่ทำไมเธอแรงเยอะขนาดนี้?