ตอนที่ 1096 ไม่มีใครยอมช่วยฉัน

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“มีอะไรเหรอคะ” ถังหนิงสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบเดินมาอยู่ข้างโม่ถิง ถึงได้เห็นว่าเขาอุ้มเด็กทารกอยู่ในอ้อมแขน “ลูกของใครคะเนี่ย” 

 

 

โม่ถิงส่ายหน้าก่อนมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นสิ่งน่าสงสัยเขาจึงคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะถูกทิ้ง 

 

 

“พาไปที่โรงพยาบาลก่อนเถอะ ผมจะบอกให้ลู่เช่อตรวจดูกล้องวงจรปิดในโรงหนังและก็สถานที่ใกล้เคียง บางทีเราอาจจะเจอตัวพ่อแม่เด็กก็ได้” 

 

 

“โอเคค่ะ” 

 

 

ทั้งคู่รีบส่งเด็กไปที่โรงพยาบาลใกล้ๆ หลังจากหมอตรวจดูอาการเสร็จก็ยืนยันว่าไม่ได้มีอาการรุนแรงถึงชีวิต อย่างไรก็ตามกลับมีอีกปัญหาหนึ่งโผล่ขึ้นมา 

 

 

“คุณครับ เด็กคนนี้ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร แต่มีบาดแผลบนตัวเยอะมากเลยครับ ดูเหมือนจะโดนทำร้ายร่างกายบ่อยๆ คุณมั่นใจว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณแน่นะครับ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำถามนี้ โม่ถิงก็ถอดผ้าพันคอออกเพื่อเปิดเผยตัวตน “ผมเจอเด็กคนนี้อยู่ข้างๆ รถของผมครับ” 

 

 

หลังจากหมอได้เห็นหน้าโม่ถิง เขาก็ไม่ได้ถามไปมากกว่านี้ เพราะทุกคนก็รู้ดีว่าโม่ถิงมีลูกชายสองคนและลูกสาวอีกหนึ่งคน หมายความว่ายังคงต้องตามหาที่มาที่ไปของเด็กคนนี้ 

 

 

แน่นอนว่าหมอรู้ว่าหากคนที่เขาพูดอยู่ด้วยคือโม่ถิง อย่างนั้นผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังคงต้องเป็นถังหนิง 

 

 

ด้วยท่าทีน่ายำเกรงของโม่ถิง หมอจึงไม่ได้ทำตัวแตกตื่นกับการมาถึงของพวกเขา ทำเพียงตรวจดูว่าเด็กไม่เป็นอะไรแล้วก่อนที่จะเอ่ยกับทั้งคู่ “ในเมื่อนี่ไม่ใช่ลูกของคุณ ผมว่าคุณโทรหาตำรวจแล้วปล่อยให้ตำรวจจัดการเรื่องนี้เถอะครับ” 

 

 

ถังหนิงมองหน้าเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนยู่บนเตียงโรงพยาบาล เธออายุมากกว่าเหยียนเอ๋อร์นิดเดียวเท่านั้น คนเป็นแม่ต้องใจดำขนาดไหนถึงได้ทิ้งลูกของตัวเองได้ลงคอ 

 

 

ในขณะเดียวกันที่โรงภาพยนตร์ ลู่เช่อได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในลานจอดรถมา 

 

 

“ท่าประธานครับ จากภาพวงจรปิดที่ได้มา คนที่มาทิ้งเด็กเอาไว้ใกล้รถของคุณเป็นนางแบบคนหนึ่งชื่อว่าเหลียงหย่งอวี๋ครับ เธอเป็นนางแบบที่ช่วงนี้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนักธุรกิจมีฐานะคนหนึ่ง” 

 

 

“ติดต่อผู้จัดการของเธอและบอกให้เธอมารับลูกของเธอไปซะ” โม่ถิงสั่ง 

 

 

“ครับ ท่านประธาน!” 

 

 

หลังจากโม่ถิงติดต่อแม่ของเด็กได้ หมอไม่ได้แนะนำอะไรไปมากกว่านี้ หากแต่โม่ถิงไม่ได้ส่งตัวเด็กไปให้ตำรวจ หากเขาทำเช่นนั้นพรุ่งนี้คงมีข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์แน่ 

 

 

ทั้งคู่จึงพาเด็กกลับไปที่ไฮแอทรีเจนซีเป็นการชั่วคราว 

 

 

ราวๆ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ลู่เช่อก็มาถึงด้านนอกไฮแอทรีเจนซีพร้อมกับเหลียงหย่งอวี๋ ครั้นแล้วก็อุ้มเด็กออกมาให้เธอ 

 

 

“คุณเองก็มีหน้ามีตาในวงการ คงไม่ลำบากที่จะเลี้ยงเด็กคนนี้หรอกใช่ไหมครับ” 

 

 

เหลียงหย่งอวี๋อายุเพียงยี่สิบต้นๆ เท่านั้น หญิงสาวที่ดูใส่ซื่อเข้ามาหาลูกสาวของเธออย่างรู้สึกผิดก่อนแนบแก้มกับลูก “ผู้ช่วยลู่คะ คุณไม่รู้หรอกค่ะ แต่ฉันมีลูกสาวกับผู้ชายคนนั้นสองคนแล้ว 

 

 

“อย่างที่คุณรู้แหละค่ะ นักธุรกิจรวยๆ ก็หวังว่าจะมีลูกชายมาสืบทอดธุรกิจต่อ เพราะลูกสาวสองคนของฉัน ฉันเลยไม่ได้รับการยอมรับหรือมีสถานะเป็นตัวเป็นตนสักนิด แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะคะ ไอ้เวรนั่นยังทำร้ายลูกสาวฉันอีกด้วย 

 

 

“ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากพาลูกสาวหนีออกมาในระหว่างที่เขาไปดูงานที่ต่างประเทศ 

 

 

“ลูกสาวคนโตของฉันก็เสียไปแล้ว ฉันไม่อยากให้ลูกสาวคนเล็กของฉนต้องมาลงเอยด้วยชะตากรรมเดียวกันค่ะ…” 

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น นางแบบสาวก็คุกเข่าบนพื้นก่อนเริ่มเอ่ยขอร้องลู่เช่อ “ผู้ช่วยลู่คะ คุณช่วยรับเลี้ยงลูกสาวของฉันได้ไหมคะ” 

 

 

“เหลียงหย่งอวี๋ คุณต้องเข้าใจนะครับว่าผมเชื่อคุณโดยฟังความข้างเดียวไม่ได้” 

 

 

ถึงอย่างไรก็มีนักแสดงมากมายในวงการนี้ 

 

 

“ได้โปรดเถอะค่ะ ฉันขอร้องคุณ รวมถึงถังหนิงกับประธานโม่ด้วยนะคะ! วันนี้ฉันเห็นรถของประธานโม่แล้วจำได้ ถึงได้วางลูกสาวตัวเองไว้ที่นั่น ฉันส่งเสียค่าเลี้ยงดูเองก็ได้ค่ะ แค่ให้ลูกสาวฉันได้มีชีวิตอย่างปลอดภัยก็พอ” 

 

 

เธอปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร หากแต่ลู่เช่อรู้ดีว่าในวงการนี้ ยิ่งดูดีมากเท่าไรก็ยิ่งร้ายกาจเท่านั้น แม้ว่าก่อนหน้านี้หลงเจี่ยจะต้องลำบากกับเพศของลูกแต่เขาก็ไม่ถูกหลอกได้ง่ายๆ 

 

 

จากนั้นลู่เช่อจึงเล่าเรื่องที่เหลียงหย่งอวี๋บอกกับคู่รักโม่ 

 

 

“เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ท่านประธาน คุณผู้หญิง” 

 

 

“หมายความว่าเธอไปยุ่งเกี่ยวกับนักธุรกิจรวยๆ แต่เขาไม่ยอมรับเธอเป็นคนในครอบครัวจนกว่าจะมีลูกชายให้งั้นเหรอ” ถังหนิงส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องการใครสักคนที่สามารถเลี้ยงเธอได้ตลอดชีวิตสินะ ก็เลยยอมเสียความสาวและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเอง” 

 

 

“เรื่องที่เหลียงหย่งอวี๋เล่ามามีช่องโหว่อยู่ กลับไปปฏิเสธเธอซะ” โม่ถิงออกปากสั่ง “นี่เป็นกฎของเกมที่เธอต้องยอมรับ!” 

 

 

“รับทราบครับ ท่านประธาน” 

 

 

หลังจากรับคำสั่ง ลู่เช่อออกจากไฮแอทรีเจนซีไป ตอนนั้นเองที่ถังหนิงมีท่าทีอ่านยาก สัญชาตญาณของเธอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา 

 

 

“แล้วถ้าเธอพูดความจริงล่ะคะ” อยู่ๆ ถังหนิงก็ถามขึ้น “ถ้าเด็กคนนั้นถูกทำร้ายจนตายล่ะคะ ถ้าเหลียงหย่งอวี๋ทิ้งเธอไว้ข้างนอกในอากาศหนาวๆ อีกล่ะคะ เด็กคนหนึ่งควรต้องมาทุกข์ทรมานจากความผิดพลาดของผู้ใหญ่เหรอ” 

 

 

หลังพูดจบ ถังหนิงหันไปมองลูกๆ ทั้งสามคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง 

 

 

“ทุกคนมีโชคชะตาของตัวเองและราคาที่พวกเขาต้องจ่ายครับ ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเถอะครับ” โม่ถิงปลอบ 

 

 

ถังหนิงไม่ได้ใจดีเกินไป เธอแค่รู้สึกอย่างที่คนเป็นแม่ควรรู้สึกเท่านั้น แต่แน่นอนว่าหากทุกคนมาหาเธอเมื่อมีปัญหา เธอคงไม่สามารถเห็นใจทุกคนได้ต่อให้จะมีหัวใจสิบดวงก็ตาม 

 

 

… 

 

 

ไม่นานลู่เช่อก็ได้ถ่ายทอดคำพูดของคู่รักโม่กับเหลียงหย่งอวี๋ “ในเมื่อคุณเป็นคนคลอดเด็กคนนี้ออกมา คุณก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเธอ ไม่ว่าคุณจะเจอปัญหาอะไร ก็ถือเป็นการปัดความรับผิดชอบถ้าไปทิ้งเธอไว้มั่วซั่วข้างรถของคนอื่นนะครับ ผมต้องขอโทษด้วย แต่คุณผู้หญิงกับท่านประธานไม่สะดวกจะเข้ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่นครับ ผมว่าคุณกลับบ้านไปเถอะครับ” 

 

 

เหลียงหย่งอวี๋ได้ยินดังนั้น ก็มองลู่เช่ออย่างสิ้นหวัง 

 

 

เธอคุกเข่าต่อหน้าลู่เช่ออีกครั้ง “ฉันรู้ว่าตัวเองยังอายุน้อยและอ่อนต่อโลกเลยทำผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่ว่าเด็กคนนี้ไม่ผิดนะคะ ถ้าไอ้เลวนั่นหาเธอเจอ เธอต้องตายแน่เลยค่ะ ขอร้องล่ะค่ะ!” 

 

 

“ทำไมคุณไม่ไปขอให้คนอื่นช่วยแทนล่ะ” 

 

 

“ไม่มีใครยอมช่วยฉันเลยค่ะ…” เธอร้องไห้ออกมา “ขอร้องคุณล่ะค่ะ!” 

 

 

“คุณจะไปคาดหวังให้คนอื่นเลี้ยงลูกที่คุณคลอดมาเองได้ยังไงกันล่ะครับ” ลู่เช่อถาม “นี่มันคนทั้งคนนะ ไม่ใช่หมาแมว เราไม่ได้พูดถึงเรื่องง่ายๆ อย่างการไปซื้อผักจากข้างถนน แต่พูดถึงคนคนหนึ่งที่มีลมหายใจนะครับ 

 

 

“คุณจะหวังให้คนอื่นตกลงช่วยได้ยังไงล่ะ 

 

 

“คุณเหลียงครับ ผมหวังว่าคุณจะไม่บังคับให้คนอื่นทำสิ่งที่ไม่เต็มใจนะครับ” 

 

 

“ช่วยคิดอีกครั้งเถอะนะคะ ขอร้องล่ะค่ะ…” 

 

 

ลู่เช่อส่ายหน้า “คุณจะทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปกับลูกสาวของคุณก็ได้ แต่คุณกลับโลภเกินจะปล่อยวางสิ่งที่คุณมี แล้วหวังให้คนอื่นมาเลี้ยงลูกสาวให้คุณอีก ไม่คิดว่าขอร้องอะไรงี่เง่าไปหน่อยเหรอครับ” 

 

 

“ฉัน…” 

 

 

“คุณเหลียงครับ กลับบ้านไปเถอะครับ” 

 

 

แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดกับเด็ก แต่ลู่เช่อก็ปฏิเสธเธออย่างหนักแน่นเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะช่วยได้เพียงเพราะเขาหวังดี 

 

 

เมื่อเห็นว่าคำขอร้องของตัวเองถูกปฏิเสธ เหลียงหย่งอวี๋ไม่มีทางเลือกนอกจากอุ้มลูกสาวของตัวเองจากไปด้วยท่าทีหดหู่ 

 

 

ทว่าเป็นอย่างที่ถังหนิงคิด สุดท้ายเธอได้ทิ้งลูกเอาไว้บางที่และพยายามหาคนอื่นมาอุ้มเธอไป…