ภาคที่ 2 บทที่ 159 กำจัด

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 159 กำจัด

ตานปาถอนหายใจเมื่อเห็นเหมินตี้ย่านั่วสิ้นใจ

แม้จะคิดไว้แล้วว่าอย่างไรเหมินตี้ย่านั่วก็คงต้องตาย แต่เขากลับไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย

เฮ่ออวิ๋นตงดึงแหวนเหมินตี้ย่านั่วออก จากนั้นเดินกลับไปยังกลุ่มคน “ภารกิจสำเร็จ”

“ขอบคุณท่านมาก” ซูเฉินตอบพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น

จากนั้นเขาก็ส่งสายตามองไปยังตานปา “ดูท่าจะถึงตาพวกเราแล้ว”

ตานปามองศพเฟ้ยลาหลัวและเหมินตี้ย่านั่ว “รอให้ข้าจัดการกับศพพวกเขาก่อนได้หรือไม่ ? เกรงว่าหากข้าตายแล้วจะไม่มีใครช่วยทำศพให้พวกเขา”

“ไม่มีปัญหา” ซูเฉินตอบ

ตานปาเดินเข้าไปเคลื่อนศพเฟ้ยลาหลัวและเหมินตี้ย่านั่วไปไว้ด้านข้าง จากนั้นก็เริ่มขุดดิน

เขาขุดอย่างเชื่องช้ามาก

ดูจากพละกำลังของเขาแล้ว เขาสามารถใช้หมัดทะลวงดินให้กลายเป็นหลุมใหญ่ในหมัดเดียวได้ด้วยซ้ำ

แต่ตานปากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขากลับใช้มือทั้งสองข้างค่อย ๆ ขุดดินขึ้นมาเท่านั้น

ทว่าคนทั้งสี่ไม่ได้รีบร้อนอันใด ดังนั้นจึงมองดูเขาค่อย ๆ ขุดหลุมขนาดเล็กขึ้นมา

แต่ซูเฉินกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

หลังจากขุดไปสักพัก หลุมจึงกว้างพอ

ตานปาอุ้มศพทั้งสองไปไว้ภายในหลุม จากนั้นก็เริ่มกลบหลุมนั้น

หลังจากกลบดินครั้งสุดท้าย เขาก็หันมองซูเฉิน “เจ้าเป็นคนต้นคิดเรื่องทาคุชา ถูกต้องหรือไม่ ?”

“ถูกต้อง” ซูเฉินพยักหน้า

“บอกนามของเจ้ามาได้หรือไม่ ?”

ซูเฉินชะงักไปเล็กน้อย “ข้ามีนามว่าซูเฉิน”

ตานปาพยักหน้า “ข้าจะจำชื่อเจ้าไว้และบอกสหายคนอื่น ๆ ว่าเป็นเจ้าที่สังหารเฟ้ยลาหลัวและเหมินตี้ย่านั่ว”

ซูเฉินขมวดคิ้วในพลัน “คงไม่จำเป็นกระมัง หลังจากเริ่มประลองจะมีคนรอดเพียงหนึ่ง ไม่เจ้าก็ข้าที่ต้องตาย”

“แต่คนที่รอดอย่างไรก็เป็นเจ้า ใช่หรือไม่ ?” ตานปาพลันหัวเราะขึ้น

ซูเฉินชะงัก “เจ้าไม่มั่นใจหรือ ? หรือเจ้าคิดว่าข้าแกร่งกว่าหวังโต้วซาน ?”

ตานปาส่ายหัว “ไม่เกี่ยวกับว่าใครแกร่งกว่ากัน แท้จริงแล้วเจ้าไม่คิดจะสู้กับข้าอย่างสมความยุติธรรมตั้งแต่ต้น ถูกต้องหรือไม่ ?”

ซูเฉินยังคงยืนนิ่ง

ตานปาเอ่ยต่อ “เจ้าฉลาดนัก อย่างแรกเจ้าส่งคนเพียง 4 คนมาพบกับพวกข้า 3 คน ทำให้ดูเหมือนว่าพวกเจ้าคงไม่อาจลงมือใช้แผนการใดได้ จากนั้นก็ทำการประลองอย่างยุติธรรม 2 ครั้ง หากคิดตามปกติแล้ว การประลองครั้งที่ 3 ก็สมควรจะเป็นไปด้วยความยุติธรรมเช่นกัน แต่เป็นจังหวะนี้ที่พวกเจ้าจะลงมือ…… ไม่มีหรอกการประลองครั้งที่ 3 ตอนนี้มีแต่ข้าที่ประมือกับพวกเจ้า 4 คน และหากพวกเจ้าเข้าโจมตีข้าพร้อมกัน อย่างไรข้าก็แพ้”

ซูเฉินส่ายหน้า “เหตุใดเจ้าจึงต้องคิดเช่นนั้น ? ข้าก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ อย่างไรก็ยังต้องสู้กับเจ้า”

“แน่นอน แน่นอน อย่างไรเจ้าก็ยังจะท้าทาคุชากับข้า” ตานปาหัวเราะเสียงเย็น “แต่นั่นก็เพื่อถ่วงเวลารอเรียกกำลังเสริมเท่านั้น อีกทั้งเจ้ายังจะถือโอกาสนี้ทำให้ข้าใช้พลังจนเหลือน้อย เจ้ากับข้าสู้กันอย่างยุติธรรมแน่นอน สุดท้ายเจ้าก็จะแพ้ แต่เจ้าจะไม่ตาย ส่วนข้าก็จะอ่อนแอลงหลังประมือกับเจ้า หากคนที่เหลือสู้กับข้าอีกทั้งยังมีกำลังเสริมที่มาสมทบทีหลัง……”

ตานปาผายมือออก “ข้าก็ถูกสังหาร ถูกต้องหรือไม่ ?”

ใบหน้าเฮ่ออวิ๋นตง กู่ชิงลั่ว และหวังโต้วซานเผยแววตื่นตระหนกเมื่อแผนการถูกมองออก

ทว่าซูเฉินยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยดังเดิม “ไม่ว่าอย่างไรเรื่องเหล่านั้นก็ยังไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ก็เท่ากับเจ้ากล่าวหาข้า”

“ไม่ว่าจะกล่าวหาหรือไม่นั้นตัดสินง่ายมาก” ตานปาพลันคลี่ยิ้ม

เขากระโดดถอยไป “ข้าขอปฏิเสธคำท้าทาคุชาของเจ้า !”

ในฐานะที่เป็นเผ่าคนเถื่อนคนหนึ่ง ตัวเขากลับกล้าปฏิเสธคำท้าทาคุชา !

ทันใดนั้นซูเฉินก็ถอนหายใจยาวออกมา “ข้าว่าแล้วว่าในเผ่าคนเถื่อนต้องมีคนฉลาดอยู่บ้าง พี่น้องทั้งหลาย ดูท่ากำลังเสริมจะตามมาไม่ทัน พวกเราคงต้องลงมือกันเองเสียแล้ว”

พูดจบเขาก็โบกมือคราหนึ่ง จากนั้นคนทั้งสี่ก็เริ่มเดินล้อมตานปาเข้ามา

ใช่แล้ว ตานปาพูดไว้ไม่ผิดแม้แต่คำเดียว เขาวางแผนเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น

การประลอง 2 ครั้งแรกเป็นไปอย่างยุติธรรม หากแต่ครั้งที่ 3 อย่างไรก็ไม่ใช่เช่น 2 ครั้งแรกแน่

ซูเฉินท้าประลองตานปาเพื่อลดกำลังอีกฝ่ายและเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น เพื่อตานปาจะได้ไม่มีจังหวะหลบหนี

ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางยอมให้ตานปาปฏิเสธทาคุชาและจากไปทั้งแบบนี้แน่

เขาจะสังหารตานปาเสีย !

“ไปเลย !”

สิ้นเสียงคำรามต่ำ คนทั้งสี่ก็พลันพุ่งเข้าใส่ตานปา

กู่ชิงลั่วเป็นคนที่พุ่งเข้าไปเร็วที่สุด นางใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษแล้วกระโจนเข้ามา คลื่นพลังเยือกเย็นเข้าปะทะตานปาพร้อมกับร่างของนางที่พุ่งทะยานเข้าไป

ที่พวกเขานำกู่ชิงลั่วมาด้วยไม่ใช่เพราะนางเป็นคนรักของซูเฉิน แต่เป็นเพราะดาราเยือกแข็งของนางสามารถปิดทางและช่วยรั้งคู่ต่อสู้ไว้ได้

เพื่อไม่ให้ตานปาหลบหนีไปได้ พวกเขาจึงต้องหาวิธีทำลดความเร็วของอีกฝ่ายลงก่อน

แต่กระนั้นตานปาก็เตรียมตัวมาดี ทันทีที่กู่ชิงลั่วซัดพลังเข้าใส่ ตานปาก็วาดแขนคราหนึ่ง ทำให้พายุทรายโหมเข้าใส่กู่ชิงลั่ว ทรายแต่ละเม็ดมีแรงปะทะมากอย่างไม่น่าเชื่อ

กู่ชิงลั่วไม่ทันระวังตัว ดังนั้นจึงไม่สามารถจดจ่ออยู่กับตานปาได้ แทนที่จะใช้พลังเยือกแข็งชะลอตานปาไว้ นางจึงต้องรับมือกับพายุทรายที่โหมกระหน่ำเข้ามาเสียก่อน

ในเวลาเดียวกันนั้น ซูเฉิน เฮ่ออวิ๋นตง และหวังโต้วซานก็กระโจนมาถึง

ตานปารีบถอยในพลัน

ครั้งนี้ศัตรูมากันมาก เขาต้องล่าถอยไปจริง ๆ

เมื่อทุกคนต่างไล่ล่าเขามาพร้อม ๆ กัน จึงต้องข้ามหลุมที่เขาฝังเฟ้ยลาหลัวและเหมินตี้ย่านั่วไว้

หวังโต้วซานกระโดดผ่านไปเป็นคนแรก ซูเฉินคนที่สอง ต่อมาคือเฮ่ออวิ๋นตง

ในตอนที่ทั้งสามกระโดดผ่านหลุมนั่นเอง ตานปาก็พลันยกมือข้างหนึ่งขึ้นฉับพลัน ก่อนที่กำแพงพิภพจะพุ่งขึ้นจากพื้น

กำแพงนั้นพุ่งขึ้นมาทันเวลาพอดิบพอดี กั้นเฮ่ออวิ๋นตงออกจากซูเฉินและหวังโต้วซาน ทิ้งให้เฮ่ออวิ๋นตงถูกกำแพงหินขวางทางไว้

ต่อมาตานปาก็ซัดพลังออกมา เป็นฝ่ามือหนึ่งที่พุ่งเข้าใส่หวังโต้วซาน

หวังโต้วซานอยากปัดป้องแต่กลับพบว่ามีทรายพุ่งเข้ามาด้วยเช่นกัน ด้วยตานปาซ่อนทรายไว้ในมือกำหนึ่ง ทำให้ทรายกำนั้นบดบังสายตาเขา อีกทั้งการตอบสนองของหวังโต้วซานก็ช้าเกินไป ทำให้ตานปาฉวยโอกาสนี้เปลี่ยนทิศทาง

เขาพุ่งเข้าใส่ซูเฉิน !

มีความคิดหมายสังหารซูเฉิน !

กระทั่งตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขายังคิดสังหารซูเฉินได้ !

ตอนนั้นเอง กู่ชิงลั่ว เฮ่ออวิ๋นตง และหวังโต้วซานกำลังรับมือกับการโจมตีของตานปาอยู่ ซูเฉินจึงต้องรับมือกับตานปาเพียงลำพัง

แม้จะเพียงชั่วครู่ แต่ตานปาก็อยากชิงเอาจังหวะนี้สังหารเขาให้ได้ !

เขาส่งหมัดหนึ่งออกไป

พร้อมกับพลังมหาศาล !

พลังต้นกำเนิดในร่างเริ่มถูกบีบอัด อักขระบนร่างของเขาเริ่มส่องแสงสว่างจ้าขึ้น

ภาพอินทรีมงกุฎเหล็กปรากฏขึ้น

ตานปาคลายหมัดขวา พร้อม ๆ กับที่อินทรียักษ์ที่อยู่บนฟ้าเปล่งเสียงร้องแสบหูออกมา คลื่นพลังปราณส่งลงมาจากฟ้าพุ่งเข้าสู่ฝ่ามือตานปา ก่อนที่เขาจะกระแทกฝ่ามือนั้นใส่ซูเฉิน

ฝ่ามือนี้ไม่ด้อยไปกว่ากรงเล็บเพลิงหมาป่าหน้าเลือดของเฟ้ยลาหลัวเลย ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ

เขาคิดใช้ท่าสังหารซูเฉินในคราเดียว

ชายหนุ่มไม่มีจังหวะหลบ และเขาไม่คิดหลบมัน ด้วยซูเฉินคิดใช้วิชาตนส่งพลังเข้าปะทะกับคลื่นพลังน่าเกรงขามนั่นแทน

สว่านทะลวงเกราะ !

ในเมื่อตานปาคิดเอาจังหวะนี้สังหารเขา แล้วเขาจะทิ้งโอกาสสังหารตานปาให้หลุดลอยไปได้อย่างไรกัน ?

ฝ่ามือของทั้งคู่ปะทะกัน ปล่อยคลื่นพลังมหาศาลออกมา ก่อนที่ทั้งคู่จะกระเด็นออกจากกันและกระอักเลือคำใหญ่ออกมา

ในการปะทะกระบวนท่าเมื่อครู่ ทั้งสองฝ่ายมีพละกำลังเทียบเท่ากัน

คนทั้งคู่กระเด็นห่างออกจากกัน ตานปาตวัดแขนซ้ายแล้วเงื้อกรงเล็บเข้าใส่ซูเฉิน ซูเฉินเองก็ตั้งสติ ปล่อยระเบิดเหยี่ยวเพลิงเข้าสู้ไม่คิดหลบ

ตู้ม ตู้ม !

เสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ก่อนที่คนทั้งคู่จะถูกแรงโจมตีของอีกฝ่ายส่งร่างกระเด็นไป ซูเฉินถูกกรงเล็บ ตานปาเองก็ถูกระเบิดเหยี่ยวเพลิงระเบิดเข้าที่กลางลำตัว ทิ้งบาดแผลชุ่มเลือดไว้

จากนั้นทั้งคู่ก็ร่วงลงกระแทกพื้น

เป็นตอนนั้นเองที่เฮ่ออวิ๋นตง หวังโต้วซาน และกู่ชิงลั่วพุ่งเข้ามา

ซูเฉินแลกแผลกับตานปามาก็เพื่อจังหวะนี้

หากแต่ตานปาคำรามเสียงเย็นออกมาคราหนึ่ง จากนั้นทำท่ามือใส่กำแพงหินที่อยู่ไกลออกไป

มีเสียง ‘ตึ่ง’ ดังขึ้นคราหนึ่ง แล้วกำแพงหินก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แผ่นหินกลมที่คมรอบทิศนับไม่ถ้วนถูกซัดออกมาเสียงหวีดหวิว เป้าหมายของมันคือคนทั้งสี่

ส่วนมากมุ่งตรงมายังซูเฉิน และด้วยตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ จึงไม่อาจตอบสนองได้ทันการณ์

ดูท่าครั้งนี้ซูเฉินจะถูกมันโจมตีเข้าอย่างจัง

“ซูเฉิน !” กู่ชิงลั่วตะโกนแล้วรุดเข้ามา เปิดใช้ดาราเยือกแข็งทำการแช่แผ่นหินส่วนมากให้หยุดการเคลื่อนไหว ก่อนที่เฮ่ออวิ๋นตงจะพุ่งเข้ามาคว้าร่างซูเฉินกลิ้งไปอีกด้าน ทำให้แผ่นหินหนึ่งซัดเฉือนเนื้อที่หลังเขาไปก้อนหนึ่ง เฮ่ออวิ๋นตงคำรามเสียงเจ็บปวดออกมาในพลัน

ส่วนหวังโต้วซานก็ใช้กำลังทั้งหมดรับมือกับแผ่นหินอีกมากมาย

ตานปาซัดฝ่ามือลงพื้น ทั้งควันและฝุ่นเถ้ามากมายลอยคลุ้งขึ้นมาทั่วท้องฟ้า ปิดบังการมองเห็นพื้นที่โดยรอบในพริบตา

“แย่ล่ะ ! เขาจะหนีไปแล้ว !” ซูเฉินไม่ใส่ใจบาดแผลบนร่างแล้วร้องขึ้น พุ่งตามอีกฝ่ายไป

แต่เมื่อพุ่งออกจากกลุ่มควันและเถ้าถ่านได้ เขากลับไม่พบร่างตานปาอีก

“หนีไปแล้ว !” ซูเฉินหันไปมองฝุ่นควันเบื้องหลัง

ตรงนั้นคือที่ที่ตานปาฝังเฟ้ยลาหลัวและเหมินตี้ย่านั่วไว้ ตอนที่ฝังคงเตรียมการไว้แล้วเป็นแน่ ไม่เพียงสามารถสกัดเฮ่ออวิ๋นตงในจังหวะสำคัญได้ แต่ยังเกือบสังหารซูเฉิน ทั้งยังหนีไปได้อีก

“คนผู้นี้…… เราติดกับเขาจนได้” ซูเฉินสีหน้าเคร่งขรึม

นับเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายถูกแผนการของอีกฝ่ายปั่นหัว

“ไม่คิดเลยว่าเผ่าคนเถื่อนจะมีคนเจ้าเล่ห์เช่นนี้อยู่ด้วย” หวังโต้วซานเดินเข้ามา “แผลเจ้าเป็นอย่างไร ?”

ซูเฉินตรวจดูแผลก่อนเอ่ย “ไม่เบาแต่ก็รับมือได้ ข้าใช้สว่านทะลวงเกราะและระเบิดเหยี่ยวเพลิงใส่เขา ไม่น่าหนีไปได้ไกล บอกคนอื่น ๆ ให้รีบตามมาแล้วค้นให้ทั่ว ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็ต้องหาตัวเขาให้พบ !”

ตอนนี้ชายหนุ่มนั้นดูคล้ายกับหัวหน้ากองโจร กำลังสั่งให้ลูกสมุนออกกำจัดศัตรูที่หมายตาไว้อย่างไรก็อย่างนั้น