บทที่ 101 ผู้หญิงไร้น้ำใจ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เทาเท่คิดถึงตอนที่เพิ่งหย่ากับหลินจือใหม่ๆ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ

เสื้อผ้าในชีวิตประจำวันที่ต้องสวมใส่ก็ยังไม่เท่าไร เนกไท นาฬิกา กระดุมข้อมือ เข็มหนีบเนกไทและเครื่องประดับต่างๆหาได้ในห้องแต่งตัว แต่ของใช้อื่นๆนั้นหาจนหัวหมุนไปหมด

เขาอยากจะดื่มน้ำสักแก้ว ในชั้นวางของห้องครัวก็ต้องหาแก้วจนแทบวุ่นกว่าจะเจอแก้วที่หลินจือให้เขาใช้อยู่เป็นประจำ

อยากดื่มกาแฟสักแก้ว ก็ต้องมายืนเงอะงะอยู่ที่เครื่องชงกาแฟอยู่เป็นนานสองนาน พอชงออกมารสชาติที่ได้ก็กินแทบไม่ลง

หลินจือรักความสะอาดและเป็นระเบียบ ดังนั้นของตรงหน้าที่รกหูรกตาก็จะเก็บมันเข้าที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

บวกกับบ้านพักของพวกเขาเป็นพื้นที่กว้าง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาต้องการจะหาของบางอย่างเขาหามันจนโมโห ถึงกับต้องเตะไปยังตู้ที่อยู่ข้างๆเพื่อระบายอารมณ์

เขารู้สึกโกรธในความเห็นแก่ตัวของหลินจือ ตอนที่เธออยากจะแต่งก็ยอมทำแทบจะทุกอย่าง

พอไม่อยากจะอยู่ด้วยแล้วก็จะหย่าท่าเดียว แล้วยังเป็นในแบบที่ไปแล้วไม่คิดจะหันหลังกลับอีก

มันทำให้เขาเหมือนกลายเป็นคนโง่ในการใช้ชีวิตไปเลย หากเธอยังพอมีน้ำจิตน้ำใจสักนิด ก็น่าจะบอกกล่าวกับเขาได้รู้บ้างว่าอุปกรณ์ของใช้ต่างๆภายในบ้านจัดวางไว้อยู่ที่ไหนยังไง

เหอะ

ผู้หญิงไร้น้ำใจ

โซเมนเหลือบมองไปยังเทาเท่ พูดเสียงเบา“ฉันคิดว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่แน่เจเทาวน์อาจจะชนะใจหลินจือก็ได้ ”

โซเมนแจกแจงให้กับเทาเท่ได้ฟัง“ในส่วนของงานชื่นชมในความสามารถ และเชื่อมั่นในฝีมือของเธอ”

“เลือกที่จะสารภาพรักกับเธอในตอนที่เธอถูกติฉินนินทา และในส่วนของความรู้สึกก็ยังคอยสนับสนุนและเอาใจใส่เธอ”

“ในตอนที่เธอไม่สบายก็ไถ่ถามดูแล อีกทั้งยังลงมือเข้าครัวทำอาหารให้ด้วยตัวเอง ”

“เท่ วิธีของเจเทาวน์เป็นแบบฉบับในตำราเป๊ะ”ในที่สุดโซเมนก็สรุปผลออกมาแบบนี้

เทาเท่ที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ก็ชะงักงัน

ไวท์เองก็เงียบไปชั่วขณะจากนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มที่มีท่าทีเคร่งขรึมแล้วพูดว่า“เทาเท่ หลินจือได้รับความรักและการเอาใจใส่จากนายน้อยเกินไป หากมีผู้ชายสักคนมาทำดีกับเธอ มันก็เป็นเรื่องง่ายมากที่เธอจะอ่อนไหวไปกับมัน ”

โซเมนก็พูดต่อว่า“ใช่ ตอนนี้กำลังนิยมคำพูดที่ว่าอะไรนะ ? การรักผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องทำให้เธอเสียนิสัย ทำให้ผู้ชายคนอื่นทนเธอไม่ได้ แบบนี้เธอก็จะไม่จากเราไปไหน”

ไวท์พยักหน้าให้อย่างหนักแน่น แสดงให้เห็นว่าเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของโซเมน“ แล้วนายล่ะ ?”

ไม่เคยมีความรักให้กับหลินจือ ที่มีให้เธอก็แค่ความเมินเฉยและไม่สนใจเท่านั้น

คำพูดนี้ไวท์ไม่ได้พูดออกมาเพื่อกระตุ้นเทาเท่ เทาเท่เองก็น่าจะรู้ว่าเขาปฏิบัติตัวต่อหลินจือยังไง

เทาเท่อัดบุหรี่เข้าปอดอย่างหนัก คำพูดของโซเมนกับไวท์ ในขณะที่มันบาดหู แต่ก็ทำให้หัวใจของเขากระวนกระวายด้วยเช่นกัน

โซเมนพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ นายบอกฉันได้ไหม ว่านายเอาช่อดอกไม้นี้มาด้วยทำไม ? ”

เทาเท่ดีดขี้บุหรี่ออก พูดอย่างเรียบเฉยว่า“เมื่อก่อนตอนเธออยู่บ้านชอบทำอะไรพวกนี้ ฉันคิดว่าเธอคงชอบ……”

โซเมนกางมือออกและยังคงถามเขาต่อด้วยรอยยิ้มว่า “ แล้วนายจะมาสนใจความรู้สึกของเธอทำไม? จะมาสนใจว่าเธอจะชอบอะไรทำไม?”

เทาเท่เม้มปากและมองมาที่เขา โซเมนพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ อภัยให้ฉันด้วยที่ต้องพูดตรงๆ แต่นายต้องกลับไปทบทวนตัวเองใหม่แล้วล่ะ”

“พูดให้ถูกก็คือ นายต้องทบทวนหัวใจตัวเองซะใหม่ ว่าตัวนายรู้สึกยังไงกับหลินจือกันแน่ ”

เรื่องของความรัก คนที่รู้สึกไม่ตื่นรู้เท่าคนรอบข้างหรอก

โซเมนกับไวท์ในฐานะคนรอบข้าง ก็จึงสัมผัสได้ถึงความผิดปรกตินี้ของเทาเท่ แม้เทาเท่เองจะคิดว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับหลินจือ

ในฐานะของเพื่อนสนิท พวกเขาต้องชี้แนะให้เทาเท่ได้รู้แจ้งเห็นกระจ่าง เพราะพวกเขาไม่อยากให้เทาเท่ต้องสูญเสียหลินจือไปอีกครั้ง

เทาเท่เหลือบมองดูคนทั้งสองแวบหนึ่ง จากนั้นก็นั่งเงียบ

แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาต่างรู้ ว่านิสัยของเทาเท่เป็นแบบนี้ น้อยครั้งที่จะพูดอะไรออกมาตามความรู้สึกของตัวเอง ต่อให้ภายในใจจะมีคลื่นแรงลมโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งก็ตาม

ด้วยนิสัยของเทาเท่นี้ โซเมนขอประเมินว่า หากจะพูดให้ดูดีคือนิ่งสงบ แต่ความจริงแล้วนั้นคือ……อยู่ไม่สุข

เวลาอาหารค่ำของคนทั้งสามยังไม่จบ วีนาก็โทรมาหาเทาเท่

วันนี้ทั้งวันเทาเท่ไม่ได้รับสายของวีนา แต่จะไม่รับเลยก็คงจะดูไม่ดี

วีนาพูดในสายว่า“ เทาเท่ สุดสัปดาห์นี้มีงานเลี้ยงการกุศล——”

คำพูดของวีนาที่เพิ่งจะเริ่ม เทาเท่ก็พูดขึ้นว่า“ ผมไม่เข้าร่วม ช่วงนี้งานยุ่งมาก”

ทันทีที่วีนาอ้าปากพูด เทาเท่ก็รู้ว่าเธอมีจุดประสงค์อะไร

คงอยากจะใช้งานเลี้ยงการกุศลนี้เป็นข้ออ้าง เพื่อให้เขาพาซูซีไปร่วมงานด้วย แบบนี้เขากับซูซีก็จะได้กลับมาติดต่อกันอีกครั้ง

เขากับเบลซต่างก็ได้หงายไพ่ในมือให้ดูกันไปแล้ว ก็จึงย่อมไม่มีทางจะยอมรับข้อตกลงใดๆของพวกเขาอีก

วีนาถูกคำพูดของเขาทำเอาจุกและพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ผ่านไปสักพักก็จึงพูดขึ้นว่า“ฉันอยากให้แกพาพินอินไป อยากให้แกช่วยแนะนำผู้ชายดีๆให้เธอหน่อย ”

วีนาถอนหายใจขึ้นมาอีกครั้งแล้วพูดว่า“แกชอบว่าเธอไม่รู้จักโต และสร้างปัญหาตลอดไม่ใช่เหรอ ? ฉันมาคิดๆดูแล้ว แทนที่จะส่งเธอไปต่างประเทศให้ลำบาก ไม่สู้หาใครสักคนมาแต่งงานกับเธอดีกว่า”

เทาเท่ถูกคำพูดของแม่ตัวเองพูดจนหมดหนทาง

อันดับแรกเลย ที่วีนาบอกว่าให้เขาพาพินอินไปออกงานด้วย ถึงเวลาคนที่ไปออกงานกับเขา มีความเป็นไปได้สูงมากว่าคนคนนั้นจะเป็นซูซี

พวกเขาจะหาข้ออ้างมา แล้วพินอินก็จะไม่ไป อีกทั้งพินอินก็อาจจะรู้เห็นเป็นใจไปกับพวกเขาด้วย

และประการที่สอง เพื่อให้พินอินไม่ต้องไปต่างประเทศ ก็ลงทุนทำทุกวิถีทางแล้วจริงๆ ถึงขั้นวางแผนให้พินอินแต่งงาน

หลายปีมานี้ชื่อเสียงของพินอินในเมืองเจสเวิร์ด เปลี่ยนแฟนบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า ผู้ชายที่ไหนจะอยากมาแต่งงานกับเธอ ?

ผู้ชายจากครอบครัวธรรมดา พินอินกับวีนาย่อมไม่ถูกตาต้องใจแน่นอน

ดังนั้น การที่แม่ของเขาคิดว่าให้พินอินแต่งงานไปนั้น เป็นเรื่องง่ายๆหรือยังไง ?

อีกอย่าง ที่แม่เขาบอกว่าพินอินไปต่างประเทศแล้วจะลำบาก เธอทำเพื่อพินอินแท้ๆ และเพื่อทุกคน ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้

สูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่ง“แม่ คอนเนคชั่นในการหาผู้ชายและผู้หญิงที่เพียบพร้อมนั้น แม่ดีกว่าผมเยอะ เรื่องที่จะให้พินอินแต่งงานนั้น แม่จัดการเองเถอะ ผมไม่มีใครที่เหมาะสมจะแนะนำให้”

อีกความหมายหนึ่งก็คือ เขาไม่มีทางพาพินอินไปออกงานด้วยแน่

และไม่มีทางจะแนะนำผู้ชายคนไหนให้พินอินด้วย ผู้ชายที่เขารู้จักล้วนเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ พินอินไม่คู่ควรหรอก

หลังจากที่พูดจบเขาก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ ผมกินข้าวกับเพื่อนอยู่ แค่นี้นะ”

ทางปลายสายวีนาร้องเรียกอยู่หลายครั้ง ก็หยุดยั้งการวางสายของเขาไม่ได้

เทาเท่วางสายแล้ว โซเมนที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นว่า“งานการกุศลที่แม่นายว่า คงไม่ใช่ของสมาคมภาพยนตร์หรอกนะ ? หากเป็นของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่หลินจือจะเข้าร่วมงานนั้นด้วย”

เทาเท่“……”

ไวท์ก็พูดขึ้นว่า“ฉันคิดว่าน่าจะเข้าร่วม ในเมื่อเธอเข้าสู่วงการในฐานะนักเขียนบท ก็ย่อมต้องเข้าร่วมงานนี้แน่นอน”

เทาเท่ยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก เพราะหากหลินจือเข้าร่วม แน่นอนว่าต้องไปเป็นคู่กับเจเทาวน์แน่

โซเมนจิ๊ปากแล้วพูดอีกครั้งว่า“พูดตามตรง เวลาที่หลินจือแต่งเนื้อแต่งตัวแล้ว ก็ดูดีมากนะ”

คำพูดของโซเมนทำเอาเทาเท่มองตาขวาง เมื่อพูดมาถึงเรื่องนี้ เทาเท่ก็คิดไปถึงงานเลี้ยงประจำปีของฟอเรนากรุ๊ป

นั้นมันแทบจะเป็นฝันร้ายของเขาเลย