ตอนที่ 371

The Divine Nine Dragon Cauldron

ทั้งลานประลองระเบิดเสียงดังทันทีที่เขาพูดออกมา

 

แม้แต่จ้าวแห่งวิหคเพลิงก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง หนึ่งคนต่อสองคนงั้นรึ?

 

แม้พลังของซือหยูจะโดดเด่น แต่หลิวลี่กับยู่หลิงก็ไม่ใช่คนธรรมดา

 

“เล่นตลกอะไรของเจ้า น่าเบื่อสิ้นดี”

 

นี่เป็นเรื่องตลกสำหรับยู่หลิง

 

“ฮ่าๆๆๆ…”

 

หลิวลี่หัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาดังก้องทำให้ทุกคนหัวใจสั่นไหว

 

ไม่ว่าจะเป็นการหัวเราะอย่างเยือกเย็นหรือหัวเราะเยาะ มันก็เกิดจากความโกรธแค้นของเขา!

 

หลิวลี่หยุดหัวเราะเมื่อผ่านไปนาน ไหล่ของเขาสั่นไหว เสียงอันแหบพร่าดังมาจากลำคอ

 

“หนึ่งคนต่อสู้กับสองคนงั้นรึ ฮ่าๆๆๆ …..หนึ่งต่อสอง……”

 

ตอนนั้นหลิวลี่มองซือหยูราวกับมองสัตว์ป่าที่ดุร้าย

 

“เจ้ายังเห็นข้าในสายตาหรือไม่?”

 

สำหรับเขา นี่เป็นความอัปยศขั้นสูงสุด!

 

แม้จะเป็นเฉินคงก็ไม่กล้าจะสู้กับคนสองคน!

 

ทุกคนที่ได้ยินเสียงคำรามตกใจกลัว เสียงนั่นเหมือนกับว่าหลิวลี่โกรธอย่างเต็มที่แล้ว

 

ไม่นานคนจำนวนมากก็รู้สึกไม่ต่างกับหลิวลี่

 

หนึ่งคนสู้กับสองคน…มันเหยียดหยามกันมากเท่าใด? และทุกคนที่นี่ยังเป็นยอดฝีมือแห่งทวีป ทุกคนที่อยู่ในจุดสูงสุดกำลังเป็นสักขีพยาน นี่คือการดูหมิ่นกันอย่างเห็นได้ชัด!

 

หลายคนมองซือหยูอย่างไม่พอใจ

 

ยากนักที่คนหยาบคายเช่นนี้จะเป็นที่นิยมชมชอบ

 

แต่แม้ว่าทุกคนจะจ้องมอง ซือหยูก็ยังสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาตอบอย่างเป็นปกติ

 

“ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เจ้าเอาแต่เหยียบย่ำข้าเพื่อแสดงพลัง เจ้าไม่เคยทำอะไรที่คู่ควรกับการยกย่องเลยสักครั้ง”

 

ซือหยูพูดจบและหันไปมองจ้าวแห่งวิหคเพลิง

 

“ข้าไม่ว่าอะไรถ้าพวกเขาสองคนจะโจมตีข้าด้วยทุกสิ่งที่มี ข้าไม่คิดว่าการที่ทั้งสองคนร่วมมือกันสู้กับข้าไม่ใช่สิ่งเลวร้าย เพราะอย่างไรข้าคนเดียวก็เกินพอที่จะจัดการกับทั้งสองคน”

 

ยู่หลิงไม่พอใจ

 

“อย่าหยาบคายให้มากนัก!”

 

เมื่อครู่ ยู่หลิงดูถูกซือหยูและพูดว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายที่พยายามอย่างมากที่จะร่วมมือกับหลิวลี่เพื่อสู้กับนาง

 

เมื่อเทียบกันแล้ว ยู่หลิงกลายเป็นต่ำต้อยกว่า

 

เจ้าแห่งวิหคเพลิงมองซือหยูหัวจรดเท้า นางคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า

 

“ไม่มีปัญหา”

 

ซือหยูหันกลับไปมองทั้งสองคน เขายืนมือไพล่หลังและพูดอย่างเรียบเฉย

 

“โจมตีข้าพร้อมกันสิ”

 

หลิวลี่โกรธแค้น

 

“บัดซบ! ข้าคนเดียวก็จัดการเจ้าได้!”

 

เขาจะทนความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

“เจ้าตำหนักหลิวลี่ ทำไมไม่ให้ข้าลงมือก่อนเล่า! ข้าเป็นคนที่ต้องวัดพลังของพวกเจ้า คนที่หยาบคายก็ควรจะถูกจัดการโดยข้า”

 

ยู่หลิงพูดอย่างขมขื่น

 

หลิวลี่ประสานหมัดหลังจากที่ครุ่นคิด

 

“สตรีวิหคเพลิงยู่หลิงจะโจมตีอย่างไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง….”

 

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกซือหยูพูดแทรก

 

“ไม่ต้องเคารพเจ้าใช่หรือไม่? เจ้ามีศักดิ์ศรีอะไรกัน? ถ้าเจ้าสู้ไม่ได้ก็แค่ยืนดูแล้วหุบปากไปซะ! ข้าจะมาจัดการเจ้าทีหลัง!”

 

สำหรับหลิวลี่…อีกฝ่ายไม่ได้สุภาพเลยแม้แต่น้อย

 

หลิวลี่กำลังจะตอบกลับแต่จ้าววิหคเพลิงก็พูดขึ้นมา

 

“อย่างไรพวกเจ้าสามคนก็ต้องสู้กัน จะตัดสินอย่างไรก็เรื่องของพวกเจ้า เริ่มการประลองได้”

 

ฟึ่บ–

 

เพลิงที่สูงสามสิบศอกลุกโชนจากร่างยู่หลิง

 

อุณหภูมิสูงขึ้นหลายองศาอย่างรวดเร็ว

 

เพลิงนั้นล้อมกายนางดั่งวิหคเพลิง

 

เสียงวิหคเพลิงกรีดร้องดังมาจากส่วนลึกในเพลิงพิโรธ

 

กายาวิหคเพลิง!

 

สตรีทุกคนในคณะวิหคเพลิงจะมีคุณสมบัติพิเศษเหมือนกัน พวกนางแต่ละคนมีสายเลือดของเทพวิหคเพลิง!

 

แต่ก็ยังมีบางคน…อย่างเช่นเซี่ยนเอ๋อที่มีสายเลือดวิหคเพลิงแห่งความตายที่หายาก

 

ยู่หลิงมีสายเลือดของวิหคเพลิงอัคคีอย่างไม่ต้องสงสัย!

 

“คนอย่างเจ้าที่มั่นใจในตัวเองนักหนา เจ้าทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับชะตาเท่านั้น!”

 

ยู่หลิงมองซือหยูอย่าขยะแขยง

 

“คิดซะว่ากระบวนท่านี้คือของขวัญที่ข้าต้องมาเจอเจ้าก็แล้วกัน!”

 

“วิหคเพลิงร่ายนภา!”

 

นางตะโกน อัคคีวิหคเพลิงได้เปลี่ยนเป็นวิหคเพลิงอัคคีที่ยาวร้อยศอกพุ่งเข้าใส่ซือหยู

 

หนึ่งในสิบของลานประลองถูกเพลิงไหม้ คลื่นอันน่าตกใจจากเพลิงทำให้ลานประลองร้อนระอุ พื้นที่ซือหยูเหยียบนั้นร้อนดั่งเพลิง

 

กระบวนท่านี้เป็นการแสดงพลังจากโลหิต พลังนั้นเหนือกว่าคลื่นกลืนกินของโจวเนี่ยนเฉิน

 

ซือหยูหายใจตามปกติ แต่แทนที่เขาจะถอย เขากลับก้าวไปข้างหน้า

 

“ดัชนีสายฟ้าดารา!”

 

คาดไม่ถึงว่าเขาไม่ได้ใช้สมบัติเทพที่ร่ำลือ เขากลับใช้ดัชนีสายฟ้าดาราที่เป็นเพียงแค่วิชาระดับหนึ่ง!

 

กระบวนท่านี้เกินพอที่จะจัดการกับอำมฤตระดับสาม แต่มันก็ยังห่างไกลที่จะรับมือกับอำมฤตระดับสี่

 

ฟึ่บ–

 

อัสนีกระจายปะทะเข้ากับวิหคเพลิงอัคคีที่เข้ามา

 

สายอัสนีไร้ขอบเขตถูกวิหคเพลิงอัคคีกลืนกินทันที เพลิงพิโรธอันไร้เทียมทานพุ่งเข้าใส่ซือหยู

 

เมื่อการโจมตีปะทะกัน ซือหยูทนไม่ได้แม้กระบวนท่าเดียว

 

ยู่หลิงตกใจเล็กน้อย นี่มันง่ายดายกว่าที่นางคิดไว้มาก นางเบ้ปาก

 

“มีพลังแค่นี้แต่เจ้าก็ยังมีหน้ามาหยา…”

 

แต่ในตอนนั้นนางก็หยุดพูดในทันที

 

แม้วิหคเพลิงอัคคีจะเผาซือหยูอย่างโหดร้าย ร่างของซือหยูก็ยังคงยืนอยู่บนงานประลอง เขาไม่บาดเจ็บแม้แต่นนิดเดียว

 

ราวกับว่าเพลิงพิโรธไม่เป็นอันตรายต่อเขา

 

ที่ร่างของเขา ชั้นพลังความเย็นรอบกายกำลังปกป้องเขาเอาไว้

 

ไม่รู้ว่าพลังความเย็นนั่นคืออะไรถึงได้ต้านเพลิงของอำมฤตระดับสี่จนมิอาจแตะต้องตัวซือหยูได้

 

และพลังความเย็นนั้นยังไม่สนใจเพลิงพิโรธตรงหน้าแม้แต่น้อยราวกับเหยียดหยาม

 

ปรากฏการณ์นี้คือสิ่งที่หลงเหลือจากสมุนไพรเยือกแข็งจากสมุนไพรเพลิงเยือกแข็ง

 

สมุนไพรเพลิงนั้นถูกใช้ไปเพื่อแลกเปลี่ยนกับธนูมังกรฟ้าดิน และซือหยูเก็บสมุนไพรเยือกแข็งไว้กับตัว

 

มันเป็นสมุนไพรเทพที่ใช้แลกกับวิชาระดับตำนานได้ ในอดีตซือหยูมิอาจรับพลังของมันได้แม้แต่ขนราก

 

และตอนนี้ก็เกินพอที่เขาจะรับมือกับเพลิงพิโรธนี้

 

ซือหยูต่อต้านวิหคเพลิงอัคคีได้อย่างสบาย เขาทำราวกับไม่มีใครอยู่ที่นี่ เขาใช้ดัชนีสายฟ้าดาราเผชิญหน้ากับวิหคเพลิงอัคคี

 

การโจมตีแรง ดัชนีสายฟ้าดาราดับมอด

 

การโจมตีที่สอง มันดับมอดไปอีกครั้ง

 

การโจมตีที่สาม ยังคงเป็นดังเดิม

 

 

ต่อหน้าวิหคเพลิงอัคคี พลังของดัชนีสายฟ้าดารานั้นน้อยเกินกว่าที่จะทำอะไรได้

 

แต่ซือหยูก็ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย เขาใช้มันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยพลังเต็มที่

 

ในจิตใจ การบรรลุของเขาลึกล้ำยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สิ่งกีดขวางที่หยุดเขาจากการบรรลุพลังนั้นหายไปในทุกที

 

“ใช้ข้าเสริมวิชาบ่มเพาะงั้นรึ?”

 

ยู่หลิงกลับมาได้สติและโกรธแค้นอย่างมาก

 

ระหว่างการประลอง ซือหยูไม่สนใจนางและใช้พลังของนางในการทะลวงพลัง!

 

นี่มันไม่ต่างจากการ….เหยียดหยามนาง!

 

“เจ้าคิดจะใช้ข้างั้นเรอะ?”

 

ยู่หลิงกระซากพื้นที่ตรงหน้าอย่างโกรธแค้น

 

“ฉลองวิหคเพลิง!”

 

ฟึ่บ–

 

เพลิงพิโรธรอยกายซือหยูหายไป มันเปลี่ยนเป็นลูกเพลิงที่ขนาดเท่าฝ่ามือ

 

เพลิงทุกลูกนั้นมีพลังของเพลิงที่ยากจะเทียบ

 

ปั้ง–

 

ลูกเพลิงที่ใกล้ซือหยูที่สุดระเบิดออกจนเขาต้องถอยหลบ

 

แม้เพลิงนั้นจะถูกพลังความเย็นกลืนกินในทันที คลื่นสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากแรงระเบิดก็ทำให้ซือหยูกระเด็นไปไกล

 

ร่างของเขาสั่นสะท้าย เขาได้กลิ่นโลหิตในลำคอ

 

แต่ซือหยูก็ไม่มีเวลาจะสนใจความบาดเจ็บ เขาแสดงความยินดี

 

เขากำลังจะได้บรรลุพลัง!

 

อีกก้าวเดียวเขาจะหลุดจากสิ่งกีดขวางและบรรลุระดับสองของเก้าดัชนีอัสนีจินตนา…ดัชนีพันสายฟ้า!!

 

เขารอวันนี้มาเนิ่นนาน!

 

ในที่สุดเขาก็จะได้สำเร็จมัน

 

เขาเพียงแค่ต้องทำความเข้าใจวิชาอย่างเงียบๆเพียงเล็กน้อย!

 

ยู่หลิงลังเลและมองจ้าวแห่งวิหคเพลิง จากนั้นนางก็เก็บกรงเล็บทั้งห้าและรอให้ซือหยูบ่มเพาะพลังจนสำเร็จ

 

นี่คือการเปลี่ยนแปลงของวิชาระดับอำมฤตจากระดับหนึ่งเป็นสอง!

 

นี่คือโอกาสดีที่ยอดฝีมือจะได้เติบโตซึ่งยากจะเกิดขึ้น

 

และสำหรับวิชาระดับอำมฤต การบรรลุพลังนั้นมิใช่ทางเลือกแต่เป็นโอกาส นั่นไม่ต่างจากการมีชีวิตที่ดีขึ้น

 

การหยุดคนให้บรรลุพลังในตอนนี้ไม่ต่างจากการทำลายอนาคตและจะทำให้เหล่าผู้คนเกลียดชัง

 

ในตอนนี้ นี่เป็นเพียงการประลองที่จ้าวแห่งวิหคเพลิงจัดการ นางไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

 

ซือหยูยินดียิ่งกว่าเดิม สิ่งกีดขวางชั้นสุดท้ายกำลังเริ่มพังทลายลง

 

ครืน—-

 

ครืน—-

 

ในตอนนั้นเอง เมฆาทมิฬเข้ามารวมตัวกันจากทุกทิศทางไม่ต่างกับถูกอัญเชิญ

 

อัสนีพันสายเปลี่ยนแปลงเป็นเหล่ามังกรที่แหวกว่ายอยู่ในจักรวาลเพื่อมาทำความเคารพต้อนรับ