ซือหยูไม่เอาธนูออกมา เขากลับสะบัดดัชนีอย่างเรียบง่าย
สายอัสนีล้อมกายอย่างรวดเร็ว หลี่ชานหมิงไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบสนอง เขายังอยู่ในท่าที่ถือธนูตามเดิม เขาถูกอัสนีซัดใส่ตัวและลอยออกจากลานประลอง อกของเขาไหม้เกรียม
หลี่ชานหมิงตกใจอย่างมาก กลิ่นโลหิตคละคลุ้งในลำคอ ความเจ็บปวดนั้นมหาศาล เขาแพ้ในกระบวนท่าเดียว! ไม่สิ…พูดให้ถูกคือเขาไม่มีพลังให้โต้กลับด้วยซ้ำ!
ตามข่าวที่ได้ยิน หยินหยูใช้ธนูและเสมอกับอำมฤตระดับสี่ แต่ซือหยูจะเป็นเหมือนอำมฤตระดับสี่ในตอนนี้ที่เอาชนะเขาในกระบวนท่าเดียวได้ยังไง?
ซือหยูเดินลงจากลานประลอง เมื่อเดินผ่านหลี่ชานหมิง เขาส่ายหน้าอย่างเย็นชา
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีพลังพอที่จะให้ข้าต้องใช้ธนูนะ”
หลี่ชานหมิงไม่พอใจอย่างมาก แต่เขาต้องเก็บความอัปยศนี้ไว้กับตัว
ในตอนนั้นเอง เหล่าผู้คนระเบิดเสียงดังก้องเมื่อเห็นซือหยูเอาชนะอีกฝ่ายได้ในกระบวนท่าเดียว นั่นเป็นสิ่งที่อำมฤตระดับสี่เท่านั้นจะทำได้!
“ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าคำร่ำลือนะ!”
มีหลายคนเริ่มคิดเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว
จ้าวแห่งวิหคเพลิงยิ้มอย่างพอใจ สายตาอันสงบนิ่งของนางเป็นประกาย
“วิชาอำมฤตระดับหนึ่งขั้นสูง ห่างไกลจากระดับสองเพียงคืบเดียวเท่านั้น! เขาอายุแค่สิบเจ็ดปี ช่างมีสติปัญญาในระดับที่น่ากลัว…พรสวรรค์น่ากลัวนัก!”
หัวหน้ามู่ที่ยืนข้างนางอย่างนับถือยิ้มอย่างโล่งใจ
จ้าวแห่งวิหคเพลิงที่มักจะไม่ชื่นชมใครกับใช้คำว่า’น่ากลัว’ถึงสองครั้งในคราเดียว!
ซือหยูใช้แค่กระบวนท่าเดียวในการต่อสู้ที่เหลือ เขาใช้แค่ดัชนีสายฟ้าดาราที่บ่มเพาะจนถึงระดับหนึ่งขั้นสูง
“รอบคัดเลือกจบแล้ว มีห้าคนที่เอาชนะได้ทั้งสิบการประลอง!”
จ้าวแห่งวิหคเพลิงประกาศด้วยตัวเอง
“พวกเจ้าห้าคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกหญิงสาวที่ต้องการ ตามพลังที่เจ้ามี ลำดับที่หนึ่งคือเฉินคง ลำดับสองหยินหยู ลำดับสามเว่ยฉีหลิน ลำดับสี่ซงหลวน ลำดับห้าหลิวลี่”
สิทธิ์ในการเลือกนั้นถูกจัดโดยจ้าวแห่งวิหคเพลิง
“ถ้าหากไม่มีใครโต้แย้ง พวกเจ้าก็เริ่มเลือกได้เลย”
“เดี๋ยวก่อน!”
เสียงแทรกขึ้นมาทันที เป็นหลิวลี่ที่สีหน้าไม่พอใจ
“ข้าไม่ปฏิเสธที่เฉินคงเป็นลำดับหนึ่ง แต่ทำไมคนนิรนามอย่างหยินหยูถึงมีตำแหน่งเหนือข้า? แล้วยังซงหลวนนั่นอีก เขามีสิทธิ์อะไรมาเหนือข้า?”
พวกเขาทั้งห้าล้วนเอาชนะสิบครั้งอย่างต่อเนื่อง แต่คนที่มีชื่อเสียงอย่างเขากลับถูกจัดลำดับให้อยู่หลังซือหยูกับซงหลวน หลิวลี่มิอาจยอมรับการจัดลำดับประหลาดๆเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะลำดับของซือหยู ไม่เพียงซือหยูจะเหนือกว่าเขา แต่ซือหยูยังถูกจัดให้อยู่ในลำดับสอง! การจัดลำดับเช่นนี้มันน่าขันนัก!
เขาไม่ใช่แค่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ หลิวลี่มิอาจเข้าใจ มู่เทียนฟางก็มิอาจเข้าใจ ซงหลวนก็ไม่เข้าใจ เว่ยฉีหลินก็ไม่เข้าใจ แม้แต่เฉินคงก็ขมวดคิ้ว ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดจ้าวแห่งวิหคเพลิงถึงจัดลำดับพวกเขาเช่นนี้! เกิดอะไรขึ้นกัน?
พลังของซือหยูเมื่อครู่ก็แค่เกือบจะถึงพลังของอำมฤตระดับสี่ ไม่ต้องพูดถึงเว่ยฉีหลินที่เหนือกว่าหลิวลี่อย่างมิอาจเทียบ แต่แปลกมากที่ซือหยูถูกจัดให้เป็นลำดับสอง
“ก็เพราะว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเจ้า เท่านั้นเอง”
จ้าวแห่งวิหคเพลิงพูดอย่างไม่แปลกใจ
หลิวลี่จ้องซือหยู เขามิอาจรับเรื่องนี้ได้ ซือหยูที่เขาดูถูกในตอนนี้กำลังยืนอยู่เหนือศีรษะของเขาในงานสำคัญเช่นนี้ ความอัปยศครั้งนี้มิอาจลบล้างไปได้ ในใจของเขามีเพียงคนเดียวที่แข็งแกร่งกว่านั่นคือเฉินคง! ไม่มีใครอื่นอยู่ในสายตาเขา
หลิวลี่ถอนหายใจแรง
“ข้า…รับ! สิ่งนี้! ไม่ได้!”
หลิวลี่เผชิญหน้ากับจ้าววิหคเพลิงตรงๆ
“เขาแข็งแกร่งกว่าข้าตรงไหนกัน? การประลองเท่านั้นที่จะตัดสินได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่า ไม่ใช่การให้ความเห็นจากคนนอก!”
ซือหยูยิ้มเยาะ
“เจ้าไม่เคยประลองกับข้าสักครั้งแต่ก็เอาแต่พูดว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า ความแข็งแกร่งมันตัดสินกันด้วยลมปากหรืออย่างไร? ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมเจ้าถึงใช้แต่ลมปากเล่า?”
หลิวลี่ไม่พูดต่อ เขาถอนหายใจแรง
“นั่นก็เพราะว่าเจ้าไม่เข้าใจระดับของข้า! ไม่คู่ควรที่ข้าจะต้องไปสู้กับเจ้า!”
ซือหยูยิ้มอย่างเยือกเย็น
“เก็บอัตตาไร้สาระของเจ้าไปเถอะ ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เจ้าก็แค่ประเมินตัวเองสูงเกินไป เอาแต่คิดว่าข้าอ่อนแอกว่าเจ้า”
หลิวลี่คำรามลั่นไม่สนใจคำพูดของซือหยู เขาเพียงแต่มองจ้าวแห่งวิหคเพลิง เขาต้องการให้จ้าวแห่งวิหคเพลิงจัดการเรื่องนี้
เจ้าวิหคเพลิงใจเย็น มิอาจบ่งบอกอารมณ์ของนางได้
“เจ้าอ่อนแอกว่าเขา ไร้ประโยชน์ที่จะคิดเช่นนั้น เริ่มเลือกสตรีที่เจ้าชอบได้แล….”
“เดี๋ยวก่อน!”
ครั้งนี้เป็นซือหยูที่พูดออกมา
“หยินหยู เจ้ามีอะไรรึ?”
จ้าววิหคเพลิงถามและหันมามองเขา
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
“ท่านจ้าวคณะ ทำไมไม่ทำตามที่เขาปรารถนาเล่า? คนที่มิอาจรับความจริงได้ก็มีแต่ต้องยอมรับด้วยหมัดเท่านั้น”
เขาอยากจะสู้กับหลิวลี่มานานแต่ไม่มีโอกาส หลิวลี่เอาแต่พูดคำโตแต่ก็ไม่เคยจะประลองกับซือหยู ในวันนี้เป็นโอกาสดีที่เขาถูกบังคับให้ต้องเกิดความขัดแย้งกับซือหยู
“ตลกสิ้นดี!
“ให้ข้ายอมรับความจริงรึ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”
หลิวลี่พูดอย่างไม่พอใจอย่างยากที่จะได้ยินจากเขา
จ้าวแห่งวิหคเพลิงคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่จำเป็นที่พวกเจ้าต้องประลองกัน!”
จ้าววิหคเพลิงปรบมือ
ฟึ่บ–
หญิงสาวปรากฏตัวที่หน้าจ้าววิหคเพลิงทันที นางคือสตรีวิหคเพลิงลำดับสอง ยู่หลิง!
“ยู่หลิงจะประลองกับพวกเจ้าทีละคนและทดสอบพลังของพวกเจ้า”
“ใครแข็งแกร่งกว่ากันแน่จะชัดเจนในการประลองนี้ นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเจ้าบาดเจ็บก่อนจะประลองรอบต่อไป”
ยังคงมีการประลองรอบต่อไปอยู่อีก ถ้าทั้งสองบาดเจ็บในการต่อสู้ก็จะส่งผลต่อการประลองถัดไปแน่นอน
ยู่หลิงจ้องซือหยูอย่างเยือกเย็น
หลิวลีร่คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
“อย่างนั้นก็ย่อมได้”
แต่ซือหยูส่ายหน้า
“ข้าไม่ยอมรับ!”
จ้าวแห่งวิหคเพลิงขมวดคิ้ว
“ทำไมกัน? เจ้ากลัวว่ายู่หลิงแข็งแกร่งเกินไปและไม่เหมาะกับการประลองรึ?”
“มิได้…”
ซือหยูส่ายหัว
“เช่นนั้น เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
จ้าวแห่งวิหคเพลิงสงสัย
ซือหยูยิ้มเหมือนอย่างเคย
“ข้าแค่จะบอกว่าประลองต่อกันคนละรอบมันเสียเวลา!”
จ้าวแห่งวิหคเพลิงตกใจ
“หรือว่าเจ้าอยากจะประลองกับยู่หลิงพร้อมกับหลิวลี่?”
จ้าวแห่งวิหคเพลิงคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า
“นั่นก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าสองคนสู้พร้อมกันเพื่อจะได้แน่ใจว่าใครแข็งแกร่งกว่า แต่…”
จ้าวแห่งวิหคเพลิงมองยู่หลิง
“นางสู้เจ้าสองคนพร้อมกันไม่ได้อย่างแน่นอน เจ้าต้องออมมือนะ”
หลิวลี่คำราม
“จะวิธีไหนก็ย่อมได้ หากข้าจะได้เทียบพลังกับมัน!”
ยู่หลิงขมวดคิ้วอย่างโกรธเกรี้ยว สองต่อหนึ่งงั้นรึ? นางไม่มีโอกาสจะชนะเลย และกลับมีโอกาสสูงมากที่นางจะบาดเจ็บ
“ร่วมมือกันรังแกคนนั่นมันความสามารถพิเศษของเจ้างั้นเรอะ!”
ยู่หลิงมองด้วยความขยะแขยง นางยังโกรธในเรื่องที่เกิดขึ้นนอกกระโจมหลงลืมเมื่อสามวันก่อน
“แต่ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวคนขี้ขลาดอย่างเจ้า! เข้ามาเลย!”
จ้าววิหคเพลิงพูดขึ้น
“หยินหยู เจ้าจะปฏิเสธหรือไม่?”
“แน่นอน!”
ซือหยูพูดอย่างไม่ลังเล
จ้าวแห่งวิหคเพลิงพูดอย่างไม่พอใจ
“แล้วมีอะไรอีก?”
ซือหยูเงยหน้า สายตาเขาเยือกเย็น
“ท่านจ้าวคณะเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าไม่ได้ขอประลองกับยู่หลิงพร้อมกันกับหลิวลี่ ที่ข้าขอก็คือข้าคนเดียว ประลองกับทั้งสองคน….เพื่อลดเวลา!”
สองต่อหนึ่ง! อำมฤตระดับสามกำลังร้องขอที่จะต่อสู้กับอำมฤตระดับสี่สองคนพร้อมกัน