“ผมอยู่ที่นี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”
เย่เทียนไม่อยากสนใจกับเขา เหลือบมองเยี่ยนจื่อเฉินที่เพิ่งลงจากรถ
“ไม่มีอะไรเกี่ยวกันจริงๆ แต่ผมเห็นคุณสภาพนี้ น่าจะเข้าไปไม่ได้สินะ?”
เยี่ยนจื่อเฉินสูญเงินไปกว่าสามสิบล้านในการประมูลครั้งล่าสุด แม้ว่าลิ่วหรั่นจะเสียจนยับเยิน แต่เขาก็ยังไม่พอใจอย่างมาก
อีกอย่างเขายังเกลียดเย่เทียนเข้ากระดูก
ทั้งๆ ที่เย่เทียนรู้ว่าลิ่วหรั่นกำลังโกหกเขา ก็ไม่เตือนไว้ก่อน ทำให้เขาจะสูญเงินไปกว่าสามสิบล้าน แค้นนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้แล้วไปแล้วเด็ดขาด!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เยี่ยนจื่อเฉินก็มองเทียนอย่างเย็นชา
หลังลงจากรถและดูสถานการณ์แล้ว เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าทำไมเย่เทียนถึงมายืนอยู่ตรงนี้
เขาอดหัวเราะเยาะไม่ได้ “ผมยังนึกว่าใครบางคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฉินนะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกกระต่ายหมายจันทร์มากกว่า!”
“คุณหน้าด้านมาถึงที่นี่ ต้องการไต่เต้าตีสนิทกับฉินโล่หยินงั้นเหรอ? ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจคุณเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดนี้ชัดเจน เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกว่าเย่เทียนไร้ยางอาย
“อ๋อ ก็ดีกว่าคนบางคนที่เป็นเหมือนสุนัขเลียแข้งเลียขา จะทำยังไงก็ไม่ได้ใจสาวสวย”
เย่เทียนไม่เคยอ่อนแอ ตอบโต้ด้วยการเยาะเย้ย
คำพูดของเขาทำให้เยี่ยนจื่อเฉินโกรธ
เขาไม่ได้รับการยอมรับจากหลินอ้าวเสว่จริงๆ แม้แต่มือก็ยังไม่เคยสัมผัสด้วยซ้ำ
ถูกเย่เทียนพูดแทงใจดำ เขาโกรธมากจนใบหน้าบิดเบี้ยว
“คอยดูเถอะ ผมจะให้คนมาไล่คุณออกไปเดี๋ยวนี้!”
ว่าแล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างจองหอง แล้วกดโทรออกไป “คุณชายรองฉิน มีคนเกะกะอยู่ที่ประตูบ้านของคุณ ขวางทางผมอยู่ คุณรีบออกมาไล่เขาออกไปเถอะ!”
พูดจบเขาก็วางสาย มองเย่เทียนอย่างเย็นชา พร้อมจะดูว่าจุดจบที่น่าเศร้าของเขาจะเป็นอย่างไร
เมื่อหลินอ้าวเสว่เห็นดังนั้นก็แอบถอนหายใจ ไม่อยากเห็นเย่เทียนถูกสั่งสอนหนักเกินไป จึงก้าวออกมาแล้วพูดเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี
“เย่เทียน ฉันเคยบอกคุณแล้วว่า ตระกูลฉินไม่ใช่คนที่คุณนึกอยากจะเข้าหาได้ตามใจชอบ!”
“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชายรองฉิน ถ้าเขาต้องการจัดการกับคุณ คุณก็ไม่สามารถออกจากพื้นที่ของตระกูลฉินได้!”
“ฟังฉันนะ ออกไปจากที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่โลกของคุณ”
แม้ว่าหลินอ้าวเสว่จะดูหน้าตาใจดี แต่น้ำเสียงที่เธอพูดกลับเฉยชาเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนว่าเธอมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เย่เทียนกลับไป เพราะเห็นแก่มิตรภาพที่ผ่านมา
เมื่อได้ยินคำพูดและการวางตัวอยู่สูงกว่าของเธอ เย่เทียนก็อดหัวเราะไม่ได้
“หลินอ้าวเสว่ คุณเป็นคุณหญิงมานาน ก็เลยเคยชินกับการออกคำสั่งคนอื่นหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินอ้าวเสว่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ฉันหวังดีกับคุณ ทำไมคุณถึงดื้อดึงนัก?”
“หวังดีกับผมเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ตระกูลฉินต้องขอร้องผมต่างหาก ไม่กล้าไล่ผมหรอก”
เย่เทียนส่ายหน้า คนตื้นเขินพูดด้วยก็เสียเวลา ถึงอย่างไรหลินอ้าวเสว่ก็เป็นเพียงลูกหลานของตระกูลเศรษฐีเก่าแก่ แม้แต่ในแวดวงผู้สูงศักดิ์ ก็ไม่มีทางรู้ว่าเขามีฐานะอย่างไร
“ตระกูลฉินยังต้องขอร้องคุณ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลินอ้าวเสว่ก็เย็นชาลงเรื่อยๆ เธอนึกไม่ถึงว่าจนป่านนี้เย่เทียนก็ยังกล้าอวดอ้าง
ตระกูลฉินเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนัน หรือแม้แต่ในเมืองเจียงหวยไปจนถึงทั่วประเทศจีน ก็มีชื่อเสียงมาก!
ตระกูลฉินอันยิ่งใหญ่ ต้องมาขอร้องลูกที่ถูกตระกูลเย่ทอดทิ้งอย่างคุณงั้นเหรอ?
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนไม่ฟัง หลินอ้าวเสว่ก็รู้สึกโมโห คิดในใจว่ารอดูซิว่าคุณจะจัดการอย่างไร! เธอไม่พูดอะไรอีก ยืนรอให้คุณชายรองฉินออกมา
ไม่มีใครมีความสุขมากไปกว่าเยี่ยนจื่อเฉิน ตราบใดที่ความสัมพันธ์ระหว่างหลินอ้าวเสว่กับเย่เทียนห่างออกไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าสถานะของเย่เทียนในหัวใจของหลินอ้าวเสว่ก็ต่ำลงเรื่อยๆ!
พอหลินอ้าวเสว่เกลียดชังเย่เทียนจนหมดหัวใจแล้ว โอกาสของเขาก็จะมาถึงไม่ใช่หรือ?
ขณะนั้นเองคุณชายรองฉินก็มาถึงในที่สุด
ฉินเจิงหรงมีฐานะเป็นลูกหลานของตระกูลฉิน ตัวเขาเป็นหนึ่งในแวดวงชนชั้นแนวหน้า
แม้ว่าเจียงหนันจะห่างไกลจากเมืองจิน แต่เขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเยี่ยนจื่อเฉินเป็นการส่วนตัว
นอกจากนี้ อำนาจและอิทธิพลของตระกูลเยี่ยนในประเทศจีนยังแข็งแกร่งกว่าตระกูลฉิน เป็นกลุ่มเพื่อนที่เขาให้ความสำคัญมาก
พอได้ยินว่าเยี่ยนจื่อเฉินทะเลาะกับคนอื่นที่หน้าประตูบ้านของตัวเอง เขาก็รู้สึกเป็นกังวลทันที
“ใครกันนะที่มีตาหามีแววไม่ มายุ่งกับเยี่ยนจื่อเฉิน ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรา คอยดูฉันจะเล่นงานถึงตาย!”
ฉินเจิงหรงสบถอยู่ในใจ ในไม่ช้าก็ออกมาจากคฤหาสน์พร้อมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคน
เมื่อเขามองดูดีๆ ก็เห็นเย่เทียนยืนอยู่ที่นี่เช่นกัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที รีบเข้ามาต้อนรับโดยไม่สนใจเยี่ยนจื่อเฉินเลย
“พี่เย่ คุณมาแล้วเหรอ!”
เขาก้มศีรษะลงและทักทายอย่างกระตือรือร้น ราวกับได้เห็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง
เยี่ยนจื่อเฉินมองเห็นอย่างชัดแจ้ง เขาอดเบิกตากว้างไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
คุณชายใหญ่ตระกูลฉิน ยังต้องคำนับให้เด็กยากจนอย่างเย่เทียนด้วยหรือ?
แม้แต่หลินอ้าวเสว่ก็ยังมีแววตาประหลาดใจ มองไปที่เย่เทียนด้วยสายตาซับซ้อน
“คุณชายรองฉิน คุณเป็นอะไรไป?”
เยี่ยนจื่อเฉินเดินเข้าไปหา แล้วถามอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด
“อ๋อ พี่จื่อเฉิน ผมขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือพี่เย่ของผมเอง เย่เทียน!”
ฉินเจิงหรงไม่รู้ว่าเยี่ยนจื่อเฉินคิดอะไรอยู่ จึงรีบแนะนำอย่างกระตือรือร้น
เมื่อกลับบ้านคราวก่อน เขาได้รู้เรื่องที่เย่เทียนทำแล้ว
แม้แต่อาการป่วยของปู่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่ ไม่น่าแปลกใจที่พ่อให้เขาขอโทษเย่เทียน
นอกจากนี้ท่าทีของเย่เทียนที่มีต่อเขานั้น มีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งของเขาในตระกูลฉิน แล้วเขาจะกล้าดูหมิ่นได้อย่างไร?
เมื่อเห็นเยี่ยนจื่อเฉินในเวลานี้ เขาก็ต้องการแนะนำเย่เทียนให้เขารู้จัก
ฉินเจิงหรงพูดพลางมองไปรอบๆ อีกครั้ง ทำท่าเหมือนจะระบายความโกรธให้ เยี่ยนจื่อเฉิน
“พี่จื่อเฉิน ไหนคุณบอกว่ามีคนเกะกะกวนประสาทคุณไง? เขาอยู่ที่ไหนล่ะ? ให้เขาออกมา คอยดูผมจะฆ่าเขา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเย่เทียนก็ดูแปลกไปเล็กน้อย
ส่วนสีหน้าของเยี่ยนจื่อเฉินกลับเปลี่ยนไปจนย่ำแย่อย่างที่สุด เขาจะมองไม่เห็นท่าทีของฉินเจิงหรงที่มีต่อเย่เทียนได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินเขาถามเช่นนี้ จะเอาอะไรมากล้าตอบ
“ถ้าผมฟังไม่ผิด คนที่กวนประสาทเขา น่าจะเป็นผมเอง”
ในเวลานี้ เสียงแผ่วเบาของเย่เทียนก็ดังขึ้นถูกเวลา
“พี่เย่…”
สีหน้าของฉินเจิงหรงแข็งทื่อไปในทันที มีกี่อารมณ์ก็แสดงออกมาหมด
เมื่อนึกถึงภาพที่พ่อเคยโมโหมาก่อน หัวใจของฉินเจิงหรงก็สั่นสะท้าน เขารีบอธิบาย “พี่เย่ครับ ผม ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ได้โปรดอย่าใส่ใจเลย!”
เย่เทียนก็พูดออกไปอย่างนั้นเอง อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา
“ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้น คุณไม่ต้องใส่ใจ ยามที่บ้านคุณขวางผมไว้ ตอนนี้ผมเข้าไปได้แล้วหรือยัง?”
ฉินเจิงหรงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วรีบพยักหน้า “แน่นอน พี่เย่ เชิญครับ เชิญครับ…”
เย่เทียนจึงถอนสายตากลับ เขาไม่คิดจะมองเยี่ยนจื่อเฉินแม้แต่น้อย ขับรถเข้าไปในคฤหาสน์โดยทิ้งเยี่ยนจื่อเฉินที่มีสีหน้าหม่นหมองไว้ข้างหลัง