บทที่ 347 - สิ้นสุดสงคราม (1)

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 347 – สิ้นสุดสงคราม (1)

ความวุ่นวายได้ปะทุขึ้นเบื้องหลังพวกเขา

ผู้บัญชาการกองทัพได้เหลียวหลังกลับไปมองพร้อมๆ กัน

สิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวได้กลายเป็นจริง

ศัตรูกำลังไล่ตามพวกเขามาอย่างดื้อรั้นโดยไม่เกรงกลัวต่อพลังของราชนีเลย

ความอดทนอันพุ่งพล่านที่เห็นเทวดาตกสวรรค์กับแฟรี่ท้องฟ้ากำลังบินไล่ตามมาได้รีบออกคำสั่งให้ปรสิตและกองทัพซากศพที่เหลือพุ่งไปต้านไว้

ความถ่อมตนอันน่าขยะแขยงก็ยังส่งเดธไนท์กับกองทัพอันเดธที่เหลืออยู่ออกไป

พวกเขาหวังจะให้พวกมันซื้อเวลาให้สักหน่อย แต่ผลที่ได้กลับไม่น่าพอใจนัก

กองกำลังที่เหลือส่งไปนั้นมีน้อยเกินกว่าจะต้านทานสหพันธรัฐได้นานนัก

แสงสีทองเจิดจ้าได้สว่างขึ้น และแนวรบก็ถูกเปิดโล่งขึ้นทันที

เมื่อความอดทนอันพุ่งพล่านได้เห็นซอลจีฮูกำลังวิ่งฝ่าเข้ามาหาพวกเขา เธอก็ต้องขมวดคิ้วขึ้น

“ระ ราชินี”

ราชินีปรสิตไม่ได้ตอบกลับมา

ความอดทนอันพุ่งพล่านดูจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าราชินีจะต้องตกอยู่ในสภาพน่าอดสูแบบนี้เพราะเธอกับผู้บัญชาการคนอื่นๆ

หลังเงียบอยู่สักพักราชินีปรสิตก็พูดขึ้น

-…ทิ้งพวกเหล่าแม่พันธุ์เอาไว้ ทั้งหมดเลย

“ว่าไงนะ? ทั้งหมดเลย?

-ใช่แล้ว ทั้งเมดูซ่า เทมิราเตอร์ แล้วก็เรกิน่าด้วย

“ตะ แต่ว่า… ข้าเข้าใจเรื่องเมดูซัส แต่ว่าการทิ้งทั้งหมดนี่คือ…”

ความอดทนอันพุ่งพล่านลังเล เธอรู้ว่าเหล่าแม่พันธุ์ต่างก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้ยากผิดกับเหล่าปรสิตธรรมดา

ยิ่งระดับบนๆหรือระดับสูงสุดก็ยิ่งยากไปอีก

-เราไม่มีทางเลือก

แต่ว่าราชินีปรสิตก็ยังยืนยัน

-แค่เก็บรังเอาไว้ก็ยากพอแล้ว เราสามารถสร้างเหล่าแม่พันธุ์ขึ้นมาใหม่ได้ในภายหลัง สำหรับตอนนี้ตัวตนอื่นๆต่างก็เป็นภาระต่อการถอยทัพของเรา

ภายใต้สถานการณ์นี้ราชินีพูดถูก

ถึงจะยังคงกังวลในผลที่จะตามมา แต่ความอดทนอันพุ่งพล่านก็เลือกที่จะเงียบ

ในเวลาเดียวกันเธอก็ยิ่งอึดอัดใจ

‘แม้กระทั่งท่านราชินีผู้สูงส่งก็ยัง…!’

นี่เป็นหลักฐานชั้นดีว่าพวกเขากำลังอยู่ในสถานการณ์อันตรายขนาดไหน

ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องยอมล่ะทิ้งเหล่าแม่พันธุ์ทั้งหมด

เมดูซ่า เทมิราเตอร์ และเรกิน่าได้คำรามอย่างกราดเกรี้ยวพร้อมเริ่มปล่อยพวกปรสิตออกมา

พวกมันมีจำนวนค่อนข้างมาก บวกกับรังได้ให้กำเนิดปรสิตออกมาไม่หยุดตั้งแต่เริ่มสงคราม และยังได้รับการคุ้มครองจากแนวหลัง ดังนั้นแล้วเป็นธรรมดาที่จะทำให้เหล่าแม่พันธุ์มีจำนวนที่มหาศาล

“ชิ พวกมันคงจะหมดหวังแล้วแน่ๆ”

มนุษย์สัตว์เสือขาวได้เดาะลิ้นออกมา

เหล่าปรสิต และกองทัพซากศพที่เอามาถ่วงเวลาจัดการได้ง่ายๆ แต่กับเหล่าแม่พันธุ์แล้วเป็นอีกเรื่อง

พวกมันแข็งแกร่ง และเป็นรูปแบบวิวัฒนาการสูงสุดของแต่ละระดับ การที่พวกมันรวมตัวกันจึงเป็นภัยคุกคามอย่างมหาศาล

ปรสิตที่พวกมันสร้างขึ้นก็ยังไม่อาจจะเมินเฉยได้

“จะเอายังไงล่ะ?”

เสือขาวได้เงยหน้าถามออกมา

“พวกเราฝ่ามันไปไม่ได้ พวกเราจะสู้…”

เสือขาวพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่ซอลจีฮูก็เข้าใจว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่อาจจะจับตัวราชินีปรสิตได้

ซอลจีฮูเม้มปากอย่างเป็นกังวล

เขาไม่คิดเลยว่าราชินีจะทิ้งแม่พันธุ์ทั้งหมด

แน่นอนว่าการกำจัดแม่พันธุ์ก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน

ยังไงก็ตาม

‘ไม่’

มันก็ยังไม่เท่ากับราชินีปรสิต

ซอลจีฮูได้ลืมเรื่องผู้บัญชาการกองทัพไปแล้ว

สิ่งที่เขาคิดมีเพียงแต่ตัวราชินีปรสิตเท่านั้น

ตัวตนที่ทำลายพาราไดซ์อยู่ห่างจากเขาแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง

เขารู้ว่าเขาไม่อาจจะปล่อยให้เธอหนีไปได้

หากแค่ว่าเขาผ่านกลุ่มแม่พันธุ์ไปได้ เขาก็จะมองเห็นราชินีปรสิตได้ชัดยิ่งขึ้น

แต่เขาจะต้องทำยังไงล่ะ?

ขณะที่ซอลจีฮูกำลังคิดอยู่ ระยะห่างระหว่างเขากับศัตรูก็ย่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว

พวกแม่พันธุ์ดูจะทุ่มสุดตัวเพื่อหยุดเขาเอาไว้ และปรสิตก็เริ่มกรูกันออกมาบังวิสัยทัศน์ของเขาเอาไว้

‘ไม่มีทางที่ฉันจะฝ่าไปได้เลย’

ถ้างั้นก็มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาทำได้

ซอลจีฮูกัดฟันแน่น

‘ต้องทำเท่านั้น’

เขาตะโกนขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว

“หยุด!!”

“โอเค!”

เสือขาวที่คิดว่าไม่มีทางเลือกอื่นก็ได้ลดความเร็วลงทันที

ในจุดนี้มันดูจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไล่ตามราชินีปรสิตให้ทัน เขาคิดว่าการไปร่วมมือกับทีมที่เหลือ และทำลายพวกเหล่าแม่พันธุ์คงจะดีกว่า

ยังไงแล้วนั่นก็นับเป็นความสำเร็จใหญ่เช่นกัน

เพราะงั้นเสือขาวได้ใช้หยุดวิ่งลง แต่จากนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ถึงฝ่าเท้าที่กดลงบนแผ่นหลัง

ตึง!

“หืม?”

เสือขาวได้เงยหน้ามองขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว และก็ต้องตกใจ

เขาเห็นซอลจีฮูลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับถูกแรงผลักส่งขึ้นไป

“นาย…!”

มีอยู่ครู่หนึ่งที่เสือขาวคิดไปว่าซอลจีฮูเสือสติไปแล้ว

แค่พวกเมดูซ่าก็สูงกว่าสี่เมตรไปแล้ว แถมยังมีเทมิเรเตอร์ กับเรกิน่าที่สูงกว่าเมดูซ่าหลายเท่าอีก

ยิ่งไปกว่านั้นบนท้องฟ้าก็ยังเต็มไปด้วยปรสิตที่บินได้ มันไม่มีทางเลยที่ซอลจีฮูจะกระโดดข้ามพวกมันไปแล้ว

แต่จากนั้นเสือขาวก็ต้องตกใจอีกครั้ง

ซอลจีฮูกระโดดเป็นเส้นตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ใช่เส้นโค้งอย่างที่เขาคิดไว้

นี่มันหมายความว่าซอลจีฮูไม่ได้จะกระโดดข้าม แต่เป็น…

ซ่าาาห์!

วินาทีนั้นสายฟ้าได้พุ่งพล่านขึ้นทั้งร่างซอลจีฮูทำให้เขาลอยสูงขึ้นไปอีกครั้ง

ในระยะเวลาสั้นๆนี้ซอลจีฮูได้อยู่สูงที่สุดแล้ว

และผลที่ได้ก็คือ…

“!”

ในที่สุดเขาก็มองเห็น

ตอนนี้มันไม่มีอะไรมาขวางสายตาเขาอีกแล้ว

สมาธิ และสัมผัสทั้งหมดของเขาได้เพ่งไปที่ตัวราชินีที่เต็มไปด้วยบาดแผล และกำลังเลือดไหล

ในวินาทีที่เขาพุ่งถึงสูงที่สุด และกำลังตกลงมาเขาก็ได้มองไปที่เธอ ในวินาทีนั้นสมองซอลจีฮูว่างเปล่าไป

เขาได้เพ่งสมาธิถึงขีดสุด และตกอยู่ในภวังค์

[หมุนแขน]

สิ่งเดียวที่เขาได้ยินก็คือเสียงของจางมัลดงในหัว และร่างกายของเขาก็ขยับตามไปเอง

[ฉันหมายถึงแขนขวาของนาย หมุนตามเข็มนาฬีกาไปครึ่งหนึ่ง]

เขาได้หมุนแขนด้านขวา และงอหลังลง

[เริ่มจากเท้า จากนั้นก็ขยับมาที่แขนซ้าย]

เขาได้เริ่มบิดแขนซ้าย โดยเริ่มต้นจากปลายนิ้ว และปล่อยให้เคลื่อนไหวเป็นไปตามแขนขวา

แขนขวาของเขาได้รับแรงหมุน และเริ่มขยับไปด้านหน้า

[ตอนนี้แหละ!]

ซอลจีฮูเบิกตากว้างขึ้น

แขนขวาของเขาได้ขยับพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกพุ่งพล่านได้เริ่มจากฝ่ามือก่อนจะกระจายไปทั่วทั้งแขนขวาในทันที

หอกของเขาให้ความรู้สึกยืดหยุ่นเหมือนกับปลาโผล่พ้นน้ำที่กำลังดิ้นออกไปจากมือเขา

เขาไม่เคยขว้างหอกกลางอากาศมาก่อนเลย

สภาพร่างกายของเขาก็ไม่ได้สมบูรณ์พร้อมอีกด้วย

ยิ่งกว่านั้นคือเป้าหมายอยู่ไกลมาก

แต่ยังไงก็ตามซอลจีฮูที่เห็นหอกพิสุจน์ลอยผ่านพวกปรสิตไปดูจะพอใจมาก

“…หืม?”

แม้กระทั่งเสือขาวที่เป็นราชามนุษย์สัตว์ก็อดจะชื่นชมในท่วงท่าอันไร้ที่ติของเขาไม่ได้

‘สมบูรณ์แบบ’ ราชามนุษย์สัตว์คิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

วูบบบบ!

ลำแสงที่ปกคลุมไปด้วยกระแสไฟฟ้าได้พุ่งตัดผ่านอากาศออกไป

ระยะห่างระหว่างหอกกับเป้าหมายได้ลดลงจนเหนือศูนย์อย่างรวดเร็ว

ดังนั้นแล้วขณะที่หอกกำลังจะทะลวงผ่านเป้าหมายไป ราชินีก็เงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

ซอลจีฮูได้ทุ่มทุกอย่างไปกับการโจมตีครั้งนี้แล้ว

แต่ว่าสีหน้าของราชินีปรสิตก็ยังคงไร้ซึ่งอารมณ์

เธอดูสงบนิ่งมาก

เหตุผลก็คือหอกได้เข้ามาถึงในทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น

ฉั๊วะ!

มันเริ่มจากบนหัว และตัดผ่านหน้าผาก จมูก ปาก และสุดท้ายก็คางของเธอ

หัวหอกคมกริบได้วาดออกมาเป็นเส้นตรง

ในเวลาเดียวกันความเจ็บปวดรุนแรงก็เข้าปกคลุมราชินี

ใบหน้าไร้อารมณ์ได้บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

-…!

เลือดสีแดงชาวได้ไหลออกมาตามแนวถูกตัดจากบนหัวจนถึงคางของเธอ

ใบหน้าของราชินีปรสิตก็ยังเริ่มกระตุก

ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

เธอโชคดีมากที่เมื่อครู่นี้เงยหน้าขึ้นไปทันเวลา

หากว่าเธอไม่ได้เงยหน้าขึ้ไป หอกก็คงเจาะหัวเธอจนขาดครึ่งไปแล้ว

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้…

-อ่า…

ราชินีปรสิตก็ต้องขนลุกทั้งร่าง

หัวของเธอกำลังสั่นอย่างเจ็บปวด

ขณะที่หันไปมองซอลจีฮูโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอก็เริ่มปรากฏความหวาดกลัวขึ้นบางเบา

ความเจ็บปวดนี้ยังได้ทำให้เธอหวนนึกถึงในอดีตอีกด้วย

เธอได้นึกย้อนไปถึงประสบการณ์ความเจ็บปวด และน่าอับอายที่ร่างกายถูกตัดขาดครึ่งจากการขยับดาบเพียงครั้งเดียวของเทพยุทธ

จากนั้นเอง

“ราชินี!”

เสียงของความบริสุทธิ์อันโสมมได้ดึงสติของราชินีกลับมา

แต่แล้วเธอก็ต้องเจอเข้ากับความหวาดกลัวอีกครั้งหนึ่ง

หอกที่ซึ่งเธอคิดว่าเธอหลบไปได้แล้วกำลังวกกลับมาที่คอของเธอ

ความทรงจำในอดีตที่เธอนึกถึงได้ทำให้เธอเผลอลดการระวังตัวไปครู่หนึ่ง เธอทำพลาดไป

กรามของเธอค่อยๆอ้าค้างออกมา

วูบ!

ราชินีผงะไป

เลือดได้กระจายเต็มหน้าของราชินี

และจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องเสียดหู

“อ๊ากกกกกกก!”

เธอเห็นหอกพิสุจน์แทงทะลุซึงชิฮยอน

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือความบริสุทธิ์อันโสมมที่เห็นหอกวกกลับมาได้เผลอโยนซึงชิฮยอนที่เธออุ้มเอาไว้ไปรับหอกแทนราชินีอย่างตื่นตระหนก

“ยัยบ้า!”

ซึงชิฮยอนที่กลายเป็นโล่มนุษย์อย่างไม่เต็มใจได้ร้องขึ้น

“ข้าจะไปรับเขาเอง! ท่านราชินี ท่านต้องรีบแล้ว!”

ความบริสุทธิ์อันโสมมที่หอบหนักได้รีบบินไปหาซึงชิฮยอน

ราชินีมองตรงไปอีกครั้ง

ปีกของเธอค่อยๆเริ่มกระพือขึ้น

เธอได้กัดฟันตั้งสมาธิทั้งหมดไปกับการหลบหนี

เธอกลัวว่าหากเธอยังไม่รีบหนีไป เธออาจจะถูกหั่นครึ่งอีกครั้งหนึ่ง

และดังนั้นแล้วเธอจึงบินหนีไปอย่างอัปยศโดยไม่หันหลังกลับมามองเหมือนในตอนนั้น

***

“เวรเอ้ย!”

ตึง!

ทันทีที่ตกถึงพื้นซอลจีฮูได้ทุบมือลงไปทันที

เขามั่นใจว่าจะสำเร็จอยู่แล้ว จนกระทั่งราชินีเงยหน้าขึ้นในวินาทีสุดท้าย

มันไม่ใช่แค่ ‘เกือบ’

หอกของเขาไปถึงตัวเธอแล้วแน่ๆ

แต่แค่มันมีพลังไม่มากพอจะทะลวงเธอ

กองทัพที่เหลือได้ผ่านเขาไป

เขาได้ยินเสียงเท้าของเหล่าทหารพุ่งเข้าใส่เหล่าแม่พันธุ์ เสียงกระทบกันของอาวุธ และเสียงร้องของพวกปรสิต

แต่ซอลจีฮูก็ยังคงคุกเข่า

เขาได้ทุ่มเททุกอย่างไปกับการโจมตีสุดท้ายแล้ว

เขาเหนื่อย แต่สิ่งที่กวนใจเขายิ่งกว่าความเหนื่อยล้าก็คือเขาไม่อาจจะจับราชินีได้

‘ฉันพลาด…!’

นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ถูกสร้างขึ้นจากหลายๆปัจจัยทั้งโชค และสถานการณ์

เขาทำลายผู้บัญชาการกองทัพได้

และมันไม่ใช่ว่าทุกๆวันราชินีปรสิตจะเข้าสู่สนามรบ

นี่อาจจะนับได้ว่าเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตที่จะจบสงครามอันยาวนานก็ว่าได้

“บ้าเอ้ย!”

ขณะที่เสียงร้องของเหล่าแม่พันธุ์ลดลง ซอลจีฮูก็ได้ทุบพื้นอีกครั้ง

ยิ่งเวลาผ่านไปการต่อสู้ก็ค่อยๆ ถึงจุดสิ้นสุด

พวกเหล่าแม่พันธุ์นั้นทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้ทรงพลังมากพอที่จะเอาชนะกองทหารที่มีไม่สิ้นสุด

สิ่งที่พวกมันทำได้ก็แค่การซื้อเวลาเท่านั้น

และหลังจากนั้นไม่นานพร้อมๆกับเสียงล้มตึงของเรกิน่าก็ได้ทำให้เหล่าแม่พันธุ์ถูกกำจัดไปจนหมด

สนามรบได้เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องยินดี

เสียงคำรามแห่งชัยชนะได้ดังกังวาลออกไปทั่ว

ทุกคนต่างก็ยินดีที่ไดด้เห็นปรสิต และราชินีปรสิตต่างต้องหลบหนี

ในตอนที่ปรสิตบุกมา พวกมันได้ย้อมทั้งเทือกเขาให้เป็นสีเทา แต่ในตอนที่พวกมันจากไป พวกมันต้องทิ้งทุกอย่างเอาไว้นอกจากผู้บัญชาการกองทัพกับรังเท่านั้น

ในวันนี้เป็นวินาทีชัยชนะประวัติศาสตร์

กาเบรียลที่หลังจากยืนยันว่าการรบจบแล้วได้รีบกลับมาหาตัวการสำคัญสำหรับชัยชนะครั้งนี้

แต่ถึงแบบนั้นซอลจีฮูก็ยังก้มหน้าอยู่

‘เขาคงจะผิดหวัง…’

กาเบรียลได้ยิ้มให้กับความกระหายชัยชนะของมนุษย์อันไร้ที่สิ้นสุด

ในเวลาเดียวกันความดื้อรันนี้ก็ทำให้เธอหวาดกลัวเล็กน้อย แม้ว่ามันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับดูไม่พอใจเลยสักนิด

‘หืม’

กาเบรียลได้ไอออกมาเล็กน้อยเพื่อเรียกซอลจีฮู

“ขอบคุณมาก คุณทำได้ดีจริงๆ”

“…”

“ฉันเห็นการโจมตีสุดท้ายนั่นนะ มันเกือบแล้ว”

“…”

“ถึงจะแย่หน่อย… แต่เราก็ชนะนะ นี่คุณจะอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?”

ซอลจีฮูค่อยๆเงยหน้าขึ้น

กาเบรีบลได้ส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้เขา

ซอลจีฮูได้จ้องกาเบรียลที่กำลังม้วนผมสีเงินเล่นไม่สมกับฐานะเทวดาผู้สูงส่ง

“มันไม่ใช่ว่าสงครามจบแล้วนะ”

ซอลจีฮูตาเป็นประกายขึ้น

‘อ๊ะ’

เขาได้ลุกขึ้นยืน

เธอพูดถูก ศัตรูถอยไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าสงครามจะจบลง

ยังมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้นอยู่อีก

ทันใดนั้นซอลจีฮูก็นึกถึงพรรคพวกของเขา และหันไปมองรอบๆ

ส่วนใหญ่ต่างก็กำลังดีใจกันอยู่ แต่มีจุดหนึ่งที่วุ่นวายแปลกๆ

ตรงนั้นมีทหารบางคนกำลังดึงอะไรบางอย่างที่เหมือนหอคอยอยู่

‘ทหารราบของฮารามาร์ค?’

เขาเห็นแจนแซงตัสอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน

มันดูเหมือนเขากับคนของเขาได้เข้าร่วมการไล่ล่า และช่วยกันจัดการปรสิตกลุ่มสุดท้าย

‘แต่ทำไมพวกเขาไปรวมกันอยู่ตรงนั้นหมดเลยล่ะ?’

ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการหรือทหารต่างก็ดูไม่มีความสุข

‘หรือว่าจะเป็น’

ซอลจีฮูได้แหวกฝ่ากลุ่มคนเข้าไปก็ได้เจอกับความเป็นจริงอันโหดร้าย

เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลย

สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นหอคอยมันคือร่างของเมดูซ่า

แล้วก็มีร่างที่คุ้นเคยอยู่ข้างใต้นั้น

“…เจ้าหญิง?”

เทเรซ่า ฮัสเซร์

เลือดสีแดงชานกำลังไหลอาบจุดที่เธอนอนอยู่อย่างช้าๆ จนทำให้ซอลจีฮูต้องคุกเข่า

“จะ เจ้า…”

ผมสีชมพูของเธอได้เปียกโชกไปด้วยของเหลวจากปรสิต และใบหน้ากับชุดเกราะของเธอก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด นี่ทำให้ตอนแรกเขาจำเธอไม่ได้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนที่นอนอยู่บนกองเลือดก็คือเทเรซ่าแน่นอน

ซอลจีฮูได้เอามือไปไว้ใต้จมูกของเทเรซ่าด้วยความหวังอันน้อยนิด

แต่ว่าเธอไม่หายใจแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น…?”

ซอลจีฮูได้มองไปรอบตัวเพื่อขอคำอธิบาย

“คะ คือ…”

หนึ่งในทหารพูดตะกุกตะกักออกมาอย่างเป็นกังวล

“พะ พวกเราไม่มั่นใจครับท่าน พวกเราจัดการปรสิตทั้งหมด แล้วก็เคลื่อนพลมาต่อที่เหล่าแม่พันธุ์… แล้วจากนั้นเราก็ได้ยินเสียงร้องของเจ้าหญิง…”

จิตใจซอลจีฮูได้ดิ่งลงทันที

นั่นมันหมายความว่าเธอยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งราชินีปรสิตหนีไป

แล้วเธอก็ตายไประหว่างการไล่ล่าสุดท้าย

“จะ เจ้าหญิง…”

เทเรว่าที่หลับตาอยู่สงบมาก

มือของซอลจีฮูสั่นเทาอย่างชัดเจน

พสกเขาอยู่ในสงคราม และเป็นสงครามที่ใหญ่มากด้วย

เขารู้ดีว่าการหวังไม่ให้มีใครตายเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน

ยังไงก็ตามเขาหวังว่าคนๆ นั้นจะต้องไม่ใช่เทเรซ่า

เขาไม่อยากให้เธอต้องตาย

ซอลจีฮูได้เอื้อมมือที่สั่นเทาไปลูบแก้มเทเรซ่าอย่างแผ่วเบา

จากนั้นเองเสียงทุ้มก็ดังขึ้นด้านหลังเขา

“ทำไมท่านไม่รีบขยับตัวทำอะไรสักทีล่ะ เจ้าหญิงกำลังจะขาดอากาศหายใจตายนะ”

“?”

ซอลจีฮูหันหลังกลับไปมอง

แจนแซงตัสเดาะลิ้นด้วยสีหน้ารำคาญใจ

ในตอนที่ซอลจีฮูหันกลับมามองไปที่เทเรซ่าอีกครั้ง เขาก็เห็นเธอกำลังแอบเหลือบตามองอยู่

พวกเขาได้สบสายตากัน

“…”

“…ฟู่…”

เขาได้ยินเสียงหายใจดังออกมา

“ฉันยังไม่ตาย!”

เทเรซ่าพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“…เจ้าหญิง?”

“โอ้ นายรู้ไหมว่าตอนฉันกำลังสู้กับเมดูซ่าอยู่จู่ๆก็มีแมลงสาบกระโดดมาด้านหลัง”

“เจ้าหญิง?”

“ฉันคงจะพลาดมันไปในตอนแรก ยังไงก็ตามมันทำให้ฉันตกใจมากเลย แล้วฉันก็กลิ้งไปกับพื้นจนโดนเมดูซ่าทับนี่แหละ”

“เจ้าหญิง?”

“นับตั้งแต่นั้นฉันก็ติดมาจนถึงตอนนี้ แล้วก็พวกทหารพยายามดึงฉันออกมา จากนั้นฉันก็เห็นนายเข้ามา…”

น้ำเสียงของเทเรซ่าค่อยๆ เบาลงจนเป็นเสียงกระซิบ

เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าซอลจีฮูได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาไปอย่างรวดเร็ว

“ก็ได้… นายรู้ไหมฉันต้องลำบากเพราะคำสัญญานั่นมากแค่ไหน… ฉันหมายถึงสัญญาแห่งชีวิตนั่นน่ะ เพราะงั้นฉัน…”

เทเรซ่าได้หลบสายตาเขา และพึมพำเบาๆ

เธอได้รีบกระพริบตา และหันมามองซอลจีฮูอีกครั้ง จากนั้นก็เม้มปากอย่างช้าๆ

“จะ จูบล่ะ?”

ซอลจีฮูได้จ้องหน้าเทเรซ่าอย่างเหม่อลอยก่อนที่จะใช้หัวเขกหัวเธอ

เสียงแหลมหลุดจากริมฝีปากเธอทันที

“โอ้ย! นี่มันอะไรกัน!”

เทเรซ่าได้แต่ลูบหน้าผากทั้งน้ำตา

“เยี่ยม! ทำได้เยี่ยม!”

แจนแซงตัสเข้ามาตบบ่าซอลจีฮู

“เธอทำให้ฉันกลัวนะ….”

ซอลจีฮูได้ทิ้งตัวอย่างอ่อนแรง เขารู้สึกเหมือนเหตุการณ์เมื่อครู่ทำเขาแก่ลงไปหลายปี

เมื่อร่างกายได้พักความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามา

ซอลจีฮูได้เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

พระอาทิตย์อัสดงกำลังตกลงจากท้องฟ้าอย่างเงียบๆ

ก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้ายังถูกย้อมไปด้วยหลากสีเหมือนเป็นเรื่องโกหก

‘…มันจบแล้วงั้นเหรอ?’

จริงเหรอ?

เขาได้ถามตัวเองอย่างไม่คุ้นเคย

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกๆ

ควรจะเรียกว่ายังไงดีล่ะ? สับสน หรือว่ากังวลนะ?

มันให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง

นับตั้งแต่ไปอาณาจักรภูติเขาก็ไม่ได้หยุดพักเลย

การอยู่เฉยๆ มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ

‘นานพอแล้วนะ…’

เสียงโห่ร้องยังคงดำเนินต่อไป

เป็นเสียงโห่ร้องแห่งความสุขที่ช่วยให้เขาได้รับรู้ว่าชัยชนะนี้เป็นของจริง

ซอลจีฮูได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย และถอนหายใจยาวออกมา

‘พวกเราชนะจริงๆ…’

ในที่สุดมันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว

ใช่แล้ว นี่คือชัยชนะของมนุษยชาติกับสหพันธรัฐ

พวกเขาร่วมมือกันเอาชนะปรสิตที่ทำสงครามเต็มรูปแบบได้

พวกเขาได้หยุดการล้มสลายของพาราไดซ์ได้ แม้ว่านั่นจะเป็นการหยุดไว้แค่ชั่วคราวก็ตาม

ราชินีปรสิตจะต้องมีแผนอื่นอีกแน่ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังหลีกเลี่ยงการทำลายล้างที่จะเกิดขึ้นหลังป้อมปราการไทกอลพังลงได้

‘มันจบแล้ว…’

ดวงตาซอลจีฮูค่อยๆ หลับลงอย่างเหนื่อยล้า

ท้องฟ้าที่ซึ่งปกคลุมไปด้วยสีชาดไม่กี่นาทีก่อนตอนนี้ได้กลับสู่ค่ำคืนอันเงียบสงบแล้ว

‘ดวงดาว?’

เขาคิดว่าเขาเห็นดวงดาวเปล่งประกาย แต่ไม่นานนักภาพตรงหน้าก็พร่ามัวไป

ซอลจีฮูได้หลับตาลงไปท่ามกลางเสียงร้องเรียกชื่อของพรรคพวกเขา

เขาได้หลับลึกลงไปโดยมีรอยยิ้มบางอยู่บนใบหน้า