บทที่ 346 - ราชินีเสด็จ (2)

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 346 – ราชินีเสด็จ (2)

แขนทั้งสองข้างได้ฉีกมิติตามขาที่เข้ามาก่อนหน้านี้

เทพธิดาแห่งเหล่าปรสิตได้ปรากฏตัวขึ้นราวกับกำลังแหวกพุ่มหญ้าออกมา

เธอที่มีส่วนสูงอยู่ประมาณ 4-5 เมตรได้ค่อยๆลดระดับความสูงจากบนท้องฟ้าลงมาจนถึงพื้น ผมของเธอเกกิดขึ้นจากหนวด และหน้าอกของเธอก็เป็นเหมือนกับไข่ไดโนเสาร์สองฟองที่มีเกราะกระดูกรองรับไว้อยู่ เธอมีกระโครงภายนอกที่ดูจะแข็งเหมือนกับปีกแข็งของแมลง และมีปีกกระดูกที่เหมือนโลหะต่อออกมาจากแผ่นหลัง

…ใช่แล้ว ราชินีปรสิตได้เสด็จมาที่สนามรบ

-ระ ราชินี…

ความบริสุทธิ์อันโสมมกลายเป็นพูดไม่ออกไป ไอน้ำที่เหมือนกับหมอกสีขาวได้ลอยออกจากตัวราชินีปรสิตอย่างต่อเนื่องจนทำให้มองได้ลำบากขึ้น

ตึง!

ราชินีปรสิตที่ลงมาเหยียบยอดเขาได้ส่งเสียงดังขึ้น ปีกที่กางอยู่บนหลังของเธอได้ค่อยๆพับลงอย่างช้าๆ

ส่วนต่างๆของร่างกายเธอก็ยังเหมือนกับถูกบางอย่างบีบอัดอยู่ตลอดเวลา ราชินีปรสิตได้กระตุกอย่างรุนแรงกำลังฝืนอดทนกับแรงบีบอัดนี้อยู่

-ทะ… ท่านราชินี!

ความอดทนอันพุ่งพล่านที่เห็นราชินีกำลังเจ็บปวดได้ตะโกนขึ้นอย่างปวดใจ

ยังไงก็ตามราชินีปรสิตก็ทรงตัวได้ในที่สุด และพูดออกมา

-…ทุกคน!

-คะ ครับ ท่านราชินี!

ความอดทนอันพุ่งพล่านได้เริ่มร้องออกมา

สำหรับผู้บัญชาการกองทัพแล้ว การที่ราชินีปรสิตปรากฏตัวขึ้นที่นี่มันมีความหมายพิเศษกับพวกเขามาก

พวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจที่ราชินีปรสิตต้องเสด็จลงมาเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของพวกเขาที่ทำงานได้ไม่สำเร็จ

และไม่นานนักอารมณ์ความซาบซึ้งเหล่านี้ก็กลายเป็นแรงใจในการต่อสู้อันน่ากลัว

ราชินีปรสิตได้ยอมเสี่ยงชีวิตเคลื่อนไหวแล้ว ดังนั้นพวกเขายังจะนิ่งเฉยได้อีกงั้นเหรอ?

-ท่านราชินีเพียงแค่สั่งมา! ต่อให้ข้าจะต้องตาย ข้าก็จะลากสิ่งมีชีวิตอันต่ำต้อยพวกนี้ตามไปด้วย….!

ความอดทนอันพุ่งพล่านที่เต็มไปด้วยพลังใจในการต่อสู้ได้พูดขึ้นมา

จากนั้นเอง…

-ถอยทัพ!

เธอได้แต่แสดงสีหน้าสับสนออกมากับคำพูดนี้

ราชินีปรสิตไม่ได้สั่งจู่โจมเต็มกำลัง แต่กลับเป็นการถอย?

ความอดทนอันพุ่งพล่ายที่คิดว่าตนเองฟังผิดได้อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ

จากนั้นเอง

-อึก!

ราชินีปรสิตได้แค่นเสียง และรีบเอื้อมแขนออกไปในจุดที่รังรวมตัวกันอยู่ด้านหลังไกลออกไป

หลังจากนั้นแทบจะทันทีเหล่าผู้บัญชาการกองทัพก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ตูม ตูม ตูม ตูม! รังได้เริ่มระเบิดออกมาอย่างกระทันหัน ไม่ว่าจะเป็นรังระดับสูงสุดหรือระดับไหลต่างก็ระเบิดออกมาแทบจะพร้อมๆกัน

-ระ ราชินี?

ความอดทนอันพุ่งพล่านได้ผงะไป

รังได้เก็บพลังของราชินีเอาไว้ แต่พวกมันก็ยังมีความพิเศษอีกตรงที่พวกมันคือเมล็ดพันธุ์จากดาวเคราะห์ดวงเดิมที่ราชินีปรสิตได้จากมา

จากการที่ดาวเคราะห์ดวงนั้นถูกทำลายไปแล้ว ทำให้รังแต่ละรังต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตหายากที่ไม่อาจจะทนแทนได้ใหม่ นี่คือเหตุผลที่ปรสิตดูแลรังเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า แต่นี่ราชินีกลับทำลายรังด้วยตัวเอง

ทำไมกัน?

จนกระทั่งรังกว่าครึ่งได้ถูกทำลายไป ความอดทนอันพุ่งพล่านถึงได้รู้คำตอบ

ควันที่ลอยออกจากร่างราชินีปรสิตได้ค่อยๆลดลงจนกระทั่งหายไปอย่างสมบูรณ์

-อ่า…!

ความอดทนอันพุ่งพล่านอุทานขึ้น

ราชินีปรสิตได้ดึงเศษเสี้ยวพลังที่เธอมอบให้กับรังกลับคืนมา และสามารถที่จะเพิกเฉยต่อสัตย์สาบานที่ทำให้เธออ่อนแอได้สำเร็จชั่วคราว

แน่นอนว่านี่มันไร้ประสิทธิภาพเป้นอย่างยิ่ง

การเสียสละพลังความเป็นเทพเพียงแค่ออกมาจากอาณาเขตจักรวรรดินั่นมันทำให้พลังของเธอลดลงไปอย่างมาก

แต่เป้าหมายของเธอก็ชัดเจน

-ฟู่วว…

ลมหายใจยาวได้ดังออกมาจากจมูกของเธอ ราชินีปรสิตจ้องมองสนามรบอย่างสงบ

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเสียใจกับตัวเองก็ดังออกจากปากเธอ

นี่เป็นความพ่ายแพ้ย่อยยับของเธอครั้งแรกเลยหลังจากมาถึงพาราไดซ์

ทั้งกองกำลังทหาร พลังความเป็นเทพ และอนาคต เธอได้รับความสูญเสียอย่างมากในทุกๆด้าน และความเสียใจก็ยังมีแต่จะเพิ่มขึ้นอีก

ยังไงก็ตามราชินีปรสิตก็ไม่ได้โทษใคร ทุกๆอย่างมันเกิดขึ้นจากการตัดสินใจที่พลาดของเธอ

นอกไปจากนี้เธอก็ยังเป็นผู้นำของปรสิตก่อนที่จะเป็นเทพสูงสุดของดาวเคราะห์ดวงนี้ ในฐานะราชินีที่เป็นคนสั่งการแล้ว มันก็เป็นหน้าที่ของเธอที่จะรับผิดชอบในความพ่ายแพ้นี้

เมื่อสายตาทุกๆคนได้จับจ้องมาที่เธอ ราชินีปรสิตก็ได้เหยียดหลังตรง เธอได้ยืดตัว และกางปีกกระดูกออกมา

จากนั้นเธอก็กางแขนปล่อยพลัง

ตัวตนอันสูงส่งราชินีปรสิตที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองดาวเคราะห์จำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวาลได้กลับมามีชีวิตในที่แห่งนี้

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!

พลังงานอันน่าสะพรึงที่ไม่อาจจะประเมินได้ได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงร้องเสียดหู

เนินเขาที่ราชินีกำลังยืนอยู่ได้ทรุดตัวลง และผืนดินได้เริ่มแตกออกทันที จากนั้นเองก็ได้เกิดแรงระเบิดปะทุขึ้น

ปัง!

สายตาของทุกๆคนได้พร่ามัวไปในทันที

นั่นก็เพราะดวงอาทิตย์ได้ลอยขึ้นจากจุดที่ราชินียืนอยู่ ไม่สิ มันเป็นเปลวเพลิงต่างหาก แต่ว่าขนาดของมันกลับใหญ่จนถึงทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดไปว่าเป็นดวงอาทิตย์

“อึก…!”

ซอลจีฮูได้รีบยกแขนขึ้นกันใบหน้า และขมวดคิ้วขึ้น ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าเป็นเมฆดอกเห็ดที่ปรากฏขึ้นมาระเบิดขึ้นไปบนท้องฟ้า

ต่อจากนั้นฝุ่นควันก็ลอยขึ้นมาจากจุดที่เกิดการระเบิด

ตอนนี้เองบอลเพลิงที่เหมือนกับดวงอาทิตย์ก็ได้ขยายขนาดขึ้นอีกหลายสิบเท่า จนทำให้เนินเขาพังทลายลงไป และคลื่นความร้อนรุนแรงก็กวาดผ่านออกมาทั่วทั้งสนามรบ

การระเบิดได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะมีใครรู้ตัว และมันส่งผลทั่วทั้งสนามรบจนมาถึงป้อมปราการไทกอลแทบจะทันที

ตูม ตูม ตูม! ซอลจีฮูที่หูอื้อไปแล้วได้พยายามสูดหายใจ

เศษต่างๆจากแรงระเบิดได้กระแทกเข้าใส่บาเรียที่ซอยูฮุย โรเซร่า ฟิลิป มูลเรอ์ และมาเรียร่วมแรงกันสร้างขึ้น

เหงื่อเม็ดโตๆ ปรากฏขึ้นจากบนหน้าผากซอลจีฮู เขารู้สึกเหมือนกับผิวหนังของเขากำลังถูกหลอมละลายจากคลื่นความร้อนรุนแรงนี้ แม้ว่าจะมีบาเรียคอยป้องกันอยู่ แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกเผาจนสุก

พลังทำลายที่ราชินีได้ปล่อยออกมานั้นน่าสะพรึงเป็นอย่างมาก ยังไงก็ตามมันยังไม่ได้จบลง นี่เพียงแค่เริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

อ๊ากกกกกกกกกกกก!

ท้องฟ้าได้พลิกกลับตาลปัตรในเสี้ยววินาทีเดียว

นี่เป็นเพียงคำเดียวที่ซอลจีฮูจะใช้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาได้ สมาชิกคนอื่นๆในทีมปฏิบัติการก็ยังกรีดร้อง และตัวแกว่งไปมาอย่างรุนแรง

ซอลจีฮูที่ปักหอกลงไปกับพื้นเพื่อรักษาสมดุลก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งต่อมาที่เขาได้เห็น

โลกกำลังถูกกลับหัว

ป้อมปราการ ต้นไม้โลก และกระทั่งแนวเทือกเขาได้พลิกห้อยลงมาจากบนท้องฟ้าราวกับจะร่วงลงมาได้ตลอดเวลา

เขากระทั่งเห็นผู้คนที่ตกลงมาอีกด้วย

เขาไม่อาจจะบอกได้เลยว่าโลกถูกกลับหัว หรือว่ามันเป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาเห็นจากจุดที่เขายืนอยู่กันแน่

ยังไงก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยก็คือกฎแรงโน้มถ่วงในโลกใบนี้กำลังถูกกลับด้านไป

ภายใต้นรกที่ลุกเป็นไฟได้ทำให้ทุกๆอย่างกลายเป็นน่าสยดสยองจนผผ่านไปไม่นานจากสนามรบที่วุ่นวายก็กลายเป็นหลุมฝังศพ

แต่ถึงแบบนั้นที่ทำให้ซอลจีฮูต้องพูดไม่ออกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คลื่นนนนนนนนน!

ก่อนหน้านี้ท้องฟ้าได้พลิกกลับไป และในตอนนี้ผืนดินก็กำลังเริ่มสั่นไหว

มันแทบจะเหมือนเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

ซอลลลจีฮูู!!!!!

จากนั้นเสียงโหยหวนก็ตังออกมา

ตูมมม! ตูมมมม!

พร้อมๆกับเสียงระเบิดดังสนั่น

แท่งลาวาได้ผุดขึ้นจากรอบตัวเหมือนเป็นมังกรทะยานขึ้นฟ้า ภูเขาไฟในบริเวณใกล้เคียงก็เริ่มระเบิดออกมาราวกับตอบสนองต่อความโกรธของราชินี

ผืนแผ่นดินได้เริ่มแตกออกเหมือนกับดินเพราะปลูกที่แห้งแล้ง และขยายขนาดของรอยแตกออกไปเหมือนกับใยแมงมุมที่ยืดขยายปกคลุมทั้งสนามรบ

จนกระทั่งในที่สุดรอยแตกก็ได้ประสานรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ระหว่างเนินเขากับป้อมปราการ

จากนั้นลาวาเดือดละอุก็ไหลออกมาจากรอยแยกจนเหมือนกับเป็นแม่น้ำที่แยกระหว่างทั้งสองฝั่ง

ซอลจีฮูตกใจอย่างมาก

การระเบิดครั้งใหญ่ ท้องฟ้าพลิกด้าน และผืนดินสั่นสะเทือน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ได้เกิดขึ้นภายในพริบตาเดียว เขาแทบจะทำความเข้าใจสถานการณ์ได้ไม่ทันด้วยซ้ำไป

ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นร่างสองร่างยังคงอยู่ที่นี่

คนแรกคือซึงชิฮยอนที่แขนยังคงขาด และอ้วกเป็นเลือดออกมาอยู่ ส่วนอีกคนคือความบริสุทธิ์อันโสมมที่กำลังช่วยซึงชิฮยอน

ทั้งคู่ดูมีสภาพย่ำแย่อย่างมาก

ซึงชิฮยอนที่มีความบริสุทธิ์อันโสมมช่วยพยุงไว้กำลังหอบหายใจอย่างหนัก ส่วนความบริสุทธิ์อันโสมมก็ยกเลิกกว่าปลดผนึกพลังแล้วทำให้กลับสู่รูปลักษณ์เดิมของเธอ

แม้ว่าใบหน้าของเธอจะกลายเป็นขาวซีด แต่ทั้งคู่ก็ดูจะไม่ได้รับผลกระทบจากขุมนรกที่แตกออกนี้เลย

ทั้งสองคนดูจะไม่ได้รับผลจากพลังของราชินีปรสิต เหมือนกันกับในตอนที่พลังของโรเซร่าไม่ส่งผลต่อมนุษย์

ซอลจีฮูได้สบตาเข้ากับความบริสุทธิ์อันโสมม ทำให้เธอได้รีบหันหน้าหนีโดยไม่ลังเลใจ เธอได้างปีกพาซึงชิฮยอนหนีออกไปจากป้อมปราการ

ซอลจีฮูได้รีบเอื้อมมือออกไปหาสองผู้บัญชาการที่กำลังหลบหนีทันที แต่แล้วมันก็ไร้ประโยชน์

จากนั้นเอง

-กรอด!

เสียงแหลมสูงที่ดังออกมาไม่รู้จบได้หยุดลงอย่างกระทันหัน

ดวงตาของราชินีปรสิตได้เบิกโพล่งขึ้น

-กรอดดดดดดด!

ลมหายใจหอบหนักของเธอได้ดังออกมา และเธอก็ประสบกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เลือดสีดำได้เริ่มไหลออกมาจากจมูกของเธอ แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดอันมหาศาลที่เกิดขึ้นจากอวัยวะภายในบิดอย่างกระทันหัน

เธอได้กัดริมฝีปากเล็กน้อย

‘ฟู่วว ฟู่วว!’

ราชินีปรสิตพยายามอย่างหนักที่จะอดกลั้นต่อผลข้างเคืองเอาไว้ แต่ว่าเลือดสีดำแดงก็ยังไหลออกมาจากริมฝีปากเธอ

ในที่สุดแล้วเธอก็ต้องทรุดลงไปอ้วกเอาของเหลวสีดำออกมา

-อ้วกกก! แค่ก ๆ ๆ!

“ทะ ท่านราชินี!”

ความอดทนอันพุ่งพล่านที่ปลดผนึกพลังของเธอได้พุ่งมาที่ยอดเขาที่จมลงไปเหมือนกับเป็นปล่องภูเขาไฟ

เธอที่เห็นราชินีปรสิตกำลังอ้วกอยู่ได้ทำอะไรไถูก ร่างกายของราชินีปรสิตที่แต่เดิมกลับมาเย็นลงก็ยังแสดงสัญญาณความร้อนขึ้นอีกด้วย

-…หยุด

ความอดทนอันพุ่งพล่านที่เริ่มเห็นหมอกไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากส่วนต่างๆของร่างกายราชินีปรสิตก็เริ่มประหม่าขึ้นมา

ราชินีปรสิตได้เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก

ความอดทนอันพุ่งพล่านได้ถอยมาแล้ว และความกรุณาอันน่ารังเกียจ กับความถ่อมตนอันน่าขยะแขยงก็กำลังควบคุมรังให้ทำการถอย ส่วนความบริสุทธิ์อันโสมมกับซึงชิฮยอนก็กำลังบินข้ามสนามรบมาทางนี้

เธอได้ถอนหายใจยาวออกมา

-…แค่นี้ก็พอแล้ว

แม้ว่าผลข้างเคืองจะไม่ใช่สิ่งที่เธอเมินเฉยได้ แต่เธอก็ทำตามเป้าหมายสำเร็จ

ราชินีปรสิตฝืนพยุงตัวขึ้นมา

ตอนนี้เหลือเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้น

-ถอยทัพ…!

ราชินีปรสิตได้หันหน้ากลับไปโดยไม่ลังเล

เธอได้กางปีกขึ้นบิน

ดังนั้นแล้วกองทัพปรสิตจึงเริ่มทำการถอยทักท่ามกลางสนามรบอันวุ่นวาย

***

เสียงกรีดร้องแหลมสูงได้หยุดลงอย่างกระทันหัน

การระเบิดก็ค่อยๆเบาบางลง แรงโน้มถ่วงที่กลับด้านก็ยังกลับมาเป็นปกติ และการสั่นสะเทือนของพื้นโลกก้หายไป

หลังจากส่ายไปมาอยู่สักพักซอลจีฮูก็รักษาสมดุลเอาไว้ได้

สายตาที่พร่ามัวได้กลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เขามองเห็นเลยก็คือท้องฟ้าอันว่างเปล่า

ไม่ว่าจะความบริสุทธิ์อันโสมมหรือซึงชิฮยอนก็หายไปแล้ว

มันเหมือนกับว่าเขาเพิ่งหลับฝันร้ายไปเท่านั้น

หลังจากยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นอยู่สักพัก ซอลจีฮูก็เริ่มได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายจากด้านหน้า

‘อ่า’

จากนั้นเขาได้รีบวิ่งออกไปแทบจะทันที เขาได้ยินเสียงคนเรียกเขาจากด้านหลัง แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมอง ในตอนนี้สมาธิของเขาจดจ่ออยู่แต่กับการไล่ตามปรสิตที่กำลังหนีไปเท่านั้น

เขารู้สึกว่าเขาควรจะทำแบบนั้น

ซอลจีฮูที่ได้ใช้ประกายสายฟ้าออกไปจากป้อมปราการในทันทีได้กลายเป็นหมดคำพูดไป

สนามรบมันวุ่นวายมากจนแค่การใช้คำว่าเละเทะก็ยังไม่พอจะอธิบายสถานการณ์ออกมาได้

เมฆรูปเห็ดหนายังคงลอยอยู่บนฟ้า และคลื่นความร้อนก็ยังคงแผดเผาไปทั่วจนทำให้บนพื้นดินไม่มีหญ้าเหลือเลยสักจุดเดียว

พื้นดินก็แตกแห้งออกมาในทุกๆก้าวที่เขาเดินไป แล้วก็ยังมีกลิ่นเหม็นไหม้อยู่เต็มไป

ลาวาได้ไหลออกมาจากทุกๆจุดจนทำให้ทีแห่งนี้เป็นเหมือนกับนรกบนดิน

มันเหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ในพื้นที่ที่เพิ่งผ่านสงครามนิวเคลียร์มาได้

หากไม่ใช่ว่าเพราะโอฟินัวร์ โอดอร์ กับดิฟิเด็ม โอดอร์พร้อมด้วยราชาภูติทั้งห้า ภูติตนอื่นๆที่ยอมเสี่ยงชีวิตลดความเสียหาย และต้นไม้โลกที่ให้การป้องกันทุกคนอย่างเต็มที่ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในสนามรบแห่งนี้ก็คงมีแต่ขี้เถ้าไปนานแล้ว

‘นี่คือ… พลังที่แท้จริงของเทพเจ้า…’

ในที่สุดซอลจีฮูก็เข้าใจแล้วว่าทำไมซึงชิฮยอนถึงมั่นใจนัก

ผู้บัญชาการกองทัพนั้นไม่อาจจะเอามาเทียบได้

พลังที่แท้จริงของราชินีปรสิตผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าอยู่ในระดับสูงแม้กระทั่งหมู่เทพจำนวนนับไม่ถ้วนก็มากพอแล้วที่จะปลูกฝังความกลัว และความสะพรึงให้กับทุกๆคนที่มองดูอยู่

ซอลจีฮูฝืนกลืนน้ำลายลงไป แต่ไม่นานนักก็ต้องสะบัดความคิดออกไป

‘มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ ควันพวกนั้นด้วย’

หากว่าราชินีปรสิตสามารถปล่อยพลังระดับนี้ออกมาได้ตลอดเวลา พาราไดซ์ก็ควรจะตกอยู่ในมือเธอตั้งนานแล้ว

การที่มันยังเป็นแบบนี้นั่นหมายความว่ามีข้อจำกัดบางอย่างผูกมัดเธอไว้อยู่

แบบนี้แล้วหากการคาดเดาของเขาถูกต้อง ราชินีก็คงจะได้รับผลกระทบร้ายแรงบางอย่างกลับไปเพราะการมาที่แห่งนี้

เพื่อช่วยเหลือผู้บัญชาการกองทัพ และแผนในอนาคตของเธอทำให้เธอต้องยอมทำร้ายตัวเอง

ซอลจีฮูได้ลูบจมูก และมองออกไปไกล

เขามองไม่เห็นราชินีปรสิตกับผู้บัญชาการกองทัพแล้ว แต่เหนือขอบฟ้าไปหน่อย เขายังพอเห็นกองทัพปรสิตที่กำลังถอยทัพอยู่ไกลๆ

“นายคือมนุษย์ที่ชุบชีวิตต้นไม้โลกใช่ไหม?”

ในตอนนั้นเองน้ำเสียงแหบแห้งได้ดังขึ้นข้างๆเขา

ชายมนุษย์สัตว์ที่ใบหน้ากว่าครึ่งไหม้ได้ฝืนยกตัวขึ้นมา

จากนั้นเขาก็ถามขึ้น

“จะปล่อยพวกมันหนีไปงั้นเหรอ?”

ซอลจีฮูรู้สึกงงกับคำถามกระทันหันนี้

“หรือว่านายจะไล่ตามพวกมันไป?”

แต่แล้วเมื่อได้ยินคำถามต่อมา ดวงตาเขาก็เต็มไปด้วยพลัง

มนุษย์สัตว์ยิ้มขึ้นเมื่อได้เห็นสีหน้าของซอลจีฮู

“งั้นพวกเราก็กำลังคิดแบบเดียวกันสินะ”

ทันใดนั้นจากร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตย์ก็เปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ขนาดใหญ่

แผงคอที่เหมือนกับผ้าไหม ลวดลายสีดำบนร่างสีขาวได้ทำให้มันดูเหมือนกับเสือขาว

มนุษย์สัตว์ได้ใช้สี่ขายืนขึ้น และมองลงมา

“ขึ้นมาสิ”

ซอลจีฮูได้กระโดดขึ้นไปโดยไม่ลังเล

“จับให้แน่น”

จากนั้นเสือขาวก็ได้พุ่งออกไปด้านหน้า

ซอลจีฮูเบิกตากว้างขึ้น แม้ว่าเขาจะคาดคิดไว้อยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายด้วยความเร็วของมนุษย์สัตว์ก็ทำให้ซอลจีฮูเกือบตก

แต่ไม่นานนักเขาก็หมอบลง และมองตรงไปด้านหน้า

เขาไม่คิดที่จะปล่อยให้ปรสิตหนีไปง่ายๆ

กลับกันเขาปล่อยพวกมันไปไม่ได้

และดังนั้นแล้วระหว่างที่ทุกๆคนกำลังวุ่นวายจากความโกลาหล มีเพียงซอลจีฮูที่ขี่เสือขาววิ่งตัดผ่านสนามรบไปอย่างรวดเร็ว

“หืมม?”

คนแรกที่สังเกตเห็นคือฮ่าวอวิ่น

หลังจากมาถึงป้อมปราการไทกอล เขาก็ได้เข้าสู่แนวหน้านำซันเหอตามหลังทหารม้าไป

หลังจากที่รอดชีวิตมาได้เพราะตนไม้โลก เขาก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่แล้วเมื่อเห็นซอลจีฮูกำลังไล่ตามหลังศัตรูไป เขาก็ต้องตกตะลึง

ยังไงก็ตามไม่นานนักเขาก็ยิ้มออกมา

“อีกแล้ว เขานี่เอาแต่มองตรงไปข้างหน้าเสมอเลยนะ หมิงจี้!”

“…เราจะตามเขาไปเหรอครับ?”

“มีทางเลือกด้วยเหรอ? เขาบอกว่าเขาไม่พอใจกับแค่อาหารรองท้องนี่นา”

“ตัวผมเองน่ะอิ่มแล้ว… ฉันหมายถึงพวกนั้นกำลังหนีใช่ไหมล่ะ? มีเหตุผลด้วยเหรอที่-”

“เอาน่า ไปลุยกันดีกว่า”

ฮ่าวอวิ่นหัวเราะก่อนที่จะหยิบดาบกับโล่ และวิ่งไล่ตามซอลจีฮูไป

หมิงจี้ถอนหายใจก่อนที่จะรวบรวมคนของซันเหอวิ่งไล่ตามฮ่าวอวิ่นไปอีกที

“ยังไม่พอสินะ”

กาเบรียลก็เช่นเดียวกัน”

เมื่อปัดผมสีเงินที่เต็มไปด้วยขี้เถ้าออก เธอก็กางปีกขึ้น

พวกเขาไม่ใช่แค่กลุ่มเดียว แต่เหล่าคนที่เห็นซอลจีฮูไล่ตามศัตรูไปอย่างมุ่งมั่นก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนราวกับต้องมนต์

ชาวพาราไดซ์ ชาวโลก และชาวเผ่าต่างๆของสหพันธรัฐต่างก็ไล่ตามซอลจีฮูไป

และดังนั้นแล้วเวลาที่หยุดนิ่งก็ได้เริ่มเดินต่ออีกครั้ง

[ดังนั้นสิ่งที่ฉันจะพูดก็คือ…]

แม้ว่าซอลจีฮูจะไม่รู้ตัว

[นายไม่คิดที่จะเป็นราชาบ้างเหรอ?]

ภาพนี้

[…ฟังดูดีนะ]

ที่ทุกๆคนได้ไล่ตามเขาไปซึ่งเป็นหัวหอกบุกทะลวง

[การเป็นราชา]

มันเหมือนกับราชาที่นำทัพบุกทะลวงสนามรบ