บทที่ 345 - ราชินีเสด็จ (1)

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 345 – ราชินีเสด็จ (1)

“หลบ! อย่าป้องกัน!”

แบคแฮจูตะโกนออกมา และหญิงสาวทั้งห้าคนได้แยกตัวออกไปพร้อมๆกัน

ซอลจีฮูที่ถูกแบคแฮจูลากถอยได้เบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งเสียงระเบิดก็ตาม

ปราณดาบสีขาวได้พุ่งมาถึงพื้น และตัดผ่านดินหายไปอย่างเงียบกริบ รอยตัดที่้เห็นนั้นทั้งบางและเรียบสนิท มันช่างเป็นพลังตัดอันน่าทึ่งมาก

ในตอนนั้นเองซึงชิฮยอนก็ยกดาบยาวขึ้น และซอลจีฮูก็สัมผัสได้ถึงอันตรายในทันที เมื่อเขาได้รีบพุ่งถอยอย่างตกใจก็มีปราณดาบพุ่งขึ้นจากพื้นดิน

มันก็คือปราณดาบที่เพิ่งหายไปเมื่อครู่นี้

“เจ้าหนูน้อย!”

ซึงชิฮยอนได้พุ่งเข้าใส่ซอลจีฮูพร้อมทั้งตัดด้ายที่อาบด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย

แบคแฮจูได้รีบเข้าแทรกระหว่างทั้งคู่ แต่ซึงชิฮยอนก็หายตัวไปราวกับคิดไว้แล้ว

ในเวลาเดียวกันแขนซ้ายของซอลจีฮูก็ขยับโดยอัตโนมัติ

‘หืม?’

เมื่อซอลจีฮูหันหน้าไปทางซ้ายอย่างตกใจ เขาก็เห็นซึงชิฮยอนทีแทงดาบยาวเข้ามาก่อนที่เขาจะได้รู้ตัว

เคร๊ง! หอกได้ขยับไปรับดาบด้วยตัวเองก่อนที่ดาบจะแทงเขา

หอกพิสุจน์ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตราย และเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องเจ้านาย

ซอลจีฮูตกตะลึงมาก แม้กระทั่งประกายสายฟ้าก็ยังไม่อาจตามความเร็วของซึงชิฮยอนได้ทัน การที่จะตามการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายให้ทัน ซอลจีฮูก็ได้แต่ต้องคาดเดาการโจมตีล่วงหน้าเท่านั้น

“ระวังด้วย! เขาสลับตำแหน่งกับ…”

แบคแฮจูตะโกนขึ้นพร้อมหันมามอง ยังไงก็ตามสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัยขึ้น นั่นเพราะซึงชิฮยอนได้ขยับมาอยู่ด้านหลังซอลจีฮูในทันที

“ย่างก้าวนิรันดร์…!”

เขากำลังใช้มันอย่างต่อเนื่องงั้นเหรอ?

“แปลกใจไหมล่ะ?”

ซึงชิฮยอนได้หัวเราะเยาะแบคแฮจูพร้อมขยับเข้าใกล้ซอลจีฮู

“อยากให้ฉันบอกอะไรให้ไหมล่ะ?”

หลังจากปัดการโจมตีของโอราฮีกับฟีโซราที่มาจากด้านหลังด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแล้ว เขาก็ย่นระยะห่างเข้าใกล้อีก

“พลังของความหมั่นเพียรอันนิรันดร์นั่น ฉันเป็นคนกินมันลงไปเอง!”

ซอลจีฮูถูกสายลมรุนแรงพัดกระทบกับหน้า เขาได้รีบแทงหอกออกไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

“แล้วก็ดูดซับพลังได้จนหมดอีกด้วย!”

ซึงชิฮยอนยิ้มออกมา

“นี่มันไร้ค่า….”

ฉับ! เสียงตัดอากาศได้ดังขึ้นดาบหลังของซอลจีฮู

ซึงชิฮยอนได้เอียงดาบยาวในมือซ้ายกลับไปด้านหลัง

ไม่สิ

“ระวังเท้า!”

ซอลจีฮูที่ตกใจได้รีบเอียงตัวหันกลับไปมอง บางอย่างที่คมบางได้เฉียดผ่านปลายจมูกเบาไป

ยังไงก็ตามซึงชิฮยอนก็บิดเท้าในทันทีที่โจมตีพลาดเป้า และตวัดเท้ากลับลงมาอีกครั้ง

[ย๊ากกกกก!]

ควันสีดำได้ปรากฏตัวเข้าแทรก และป้องกันเท้าเอาไว้

“นี่มันอะไรอีกเนี้ย?”

ซึงชิฮยอนที่เริ่มรำคาญได้สะบัดเท้าอย่างแรง ก่อนที่จะใช้มือซ้ายที่เอียงไปด้านหลังโจมตีลงมา

ในเวลาเดียวกันได้เกิดคลื่นกระแทกรุนแรงกดดันให้ไม้กระบองกับง้าวของฮิวโก้ต้องกระเด็นออกไป จากนั้นซึงชิฮยอนก็เล็งปลายดาบแทงไปที่ซอลจีฮู

ขณะที่ซอลจีฮูใช้สัญชาตญาณเผชิญหน้ากับการโจมตี เขาก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกับมีดาบยาวนับสิบกำลังพุ่งเข้าใส่เขาจากทุกทิศทาง

ในตอนนั้นเองบาเรียสีขาวได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

ตึง ตึง ตึง ตึง! บาเรียได้สั่นไหวจากการป้องกันดาบยาว

ซอลจีฮูเข้าใจถูกแล้ว แม้ว่าดาบยาวจะกระแทกลงบนบาเรียเพียงจุดเดียว แต่กลับมีรอยแตกปรากฏขึ้นหลายจุดในเวลาเดียวกัน

สีหน้าซึงชิฮยอนบิดเบี้ยวไป

“เชี้ยเอ้ยยย!”

ตูมม เพล้งงง!

บาเรียได้แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ และดาบยาวก็ได้ปล่อยปราณดาบสีขาวเข้าไปด้านใน

เมื่อดาบยาวได้ปะทะเข้ากับคมหอกอย่างรุนแรง ดวงตาซอลจีฮูก็แทบจะถลนออกมา

ความเร็วก็เรื่องหนึ่งแล้ว แต่พละกำลังก็ยังถึงขนาดบดขยี้ฝ่ามือของซอลจีฮูจนฉีก จนกระทั่งเขาดึงพลังมานาออกมาจนถึงขีดสุดเท่านั้นถึงได้หยุดหอกพิสุจน์ที่ถูกกดลงมาอย่างต่อเนื่องไว้ได้

เมื่อซอลจีฮูถอนหายใจอย่างโล่งอกที่คมดาบที่เกือบจะถึงจมูกหยุดลง ซึงชิฮยอนก็ได้บิดมือที่ถือดาบอยู่

ดาบยาว และหอกได้ขัดกันอยู่

ซอลจีฮูรู้สึกเหมือนหอกถูกดูดออกไป ในเวลาเดียวกันนั้นซึงชิฮยอนก็สะบัดมือขึ้น

หอกพิจุน์ได้หมุน และลอยขึ้นฟ้า

“นายรู้อะไรไหม…”

ซึงชิฮยอนได้หยุดพูดกลางคัน แอ็กเนสที่เข้ามาโจมตีซึงชิฮยอนสายไป ได้รีบมองผ่านไหล่ซอลจีฮู

“ด้านหลัง!”

ในทันทีที่เธอตะโกนได้เกิดประกายแสงขึ้น

ซึงชิฮยอนได้ปลดปล่อยพลังเทพเพื่อส่งให้แบคแฮจูกระที่รีบเข้ามาขัดขวางเขากระเด็นออกไป เขาได้มองซอลจีฮูด้วยสายตาหยิ่งยโสพร้อมยกดาบยาวขึ้น

“นายมันไม่ได้พิเศษอะไรเลย”

ดาบยาวได้ฟันลงมาราวกับจะฟันหัวซอลจีฮูให้ขาดครึ่ง

แต่ซึงชิฮยอนก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นแทบจะทันที ซอลจีฮูกำลังมองมาที่เขา

ตึง! ดาบยาวได้หยุดลงเหนือหัวซอลจีฮู มันเหมือนกับดาบไม่อาจจะฟันลงมาได้อีกราวกับวว่ามีบางอย่างที่ล่องหนป้องกันไว้อยู่

“…เอ๋?”

‘ไม่มีทาง’

เมื่อนึกไปถึงเทคนิคดาบไร้ลักษณ์ของตัวเขาเอง ซึงชิฮยอนก็ต้องอ้าปากค้าง

จากนั้นเอง

พลังงานกระหายเลือดกำลังพุ่งลงมาเข้าใส่หัวของเขา

หอกพิสุจน์ที่ถูกส่งลอยกระเด็นไปกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

“หอกบิน!?”

ซึงชิฮยอนได้รีบกระโดดถอยกลับไป

หอกสีขาวได้พุ่งผ่านหน้าเขาอย่างเฉียดฉิว และปักลงไปกับพื้น

จากนั้นเขาก็เห็นซอลจีฮูดึงหอกขึ้น และพุ่งเข้าใส่เขา

“กรอด!”

ขณะซอลจีฮูตวัดหอกออกมา ซึงชิฮยอนก็แค่นเสียง และเปิดใช้งานย่างก้าวนิรันดร์ เขาได้ขยับไปด้านหลังซอลจีฮูเพื่อโจมตี แต่แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงในทันทีที่เขาเคลื่อนไหวเสร็จ

นั่นก็เพราะซอลจีฮูหันหลังกลับมาราวกับคิดเอาไว้แล้ว

ใบหน้าของชายทั้งสองคนได้ย่นระยะเข้าใกล้กันในทันที

“คุณนี่ชอบเล็งโจมตีด้านหลังคนอื่นตลอดเลยนะ”

ความหมายของคำพูดนี้นั่นมันชัดมาก นั่นคือซอลจีฮูสามารถจะคาดเดาการเคลื่อนไหวของซึงชิฮยอนได้แม้ว่าจะมองตามไม่ทันก็ตาม

ต่อจากนั้นซอลจีฮูได้ใช้หัวโหม่งซึงชิฮยอนก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ใช้ย่างก้าวนิรันดร์

“โอ้ยยย!”

หัวของซึงชิฮยอนได้ถูกกระแทกอย่างหนักพร้อมกับแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นด้วยความอับอาย ในเวลาเดียวกันขาก็ตีลังกากลับหลัง และแทงดาบยาวออกไปอย่างไม่พอใจ

ดาบยาวได้ปะทะเข้ากับหอกสีขาวที่พุ่งเข้ามา และคมดาบไร้ลักษณ์ก็ได้ปะทะกับคมหอกไร้ลักษณ์จนเกิดแรงระเบิดขึ้น

“ไม่อยากจะเชื่อเลย คนแบบนายมาอยู่ในระดับเดียวกันกับฉันได้ยังไงกัน…?”

ซึงชิฮยอนได้ทรงตัวก่อนที่จะกัดฟันแน่น จากนั้นเมื่อเห็นโรเซร่ากับฟิลิป มูเลอร์ที่ร่ายเวทย์เกือบจะเสร็จแล้ว เขาก็ต้องร้องขึ้นอย่างหงุดหงิด

“เชี้ยเอ้ย!”

เขาได้ยื่นแขนออกไป และดาบของเขาก็ได้ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวสง่างาม

ปราณดาบนับร้อยได้ปรากฏขึ้นในทันทีเหมือนกับคลื่นน้ำ และพุ่งเข้าใส่นักเวทย์ทั้งคู่ ทำให้พวกเขาต้องรีบปลดปล่อยเวทย์ออกมา

แม้ว่านักเวทย์ทั้งสองคนจะใช้พลังเต็มกำลัง แต่คลื่นปราณดาบก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลยสักนิด

จริงๆแล้วปราณดาบที่ปล่อยออกไปอย่างเร่งรีบยังเหนือกว่าพายุน้ำแข็ง และลูกบอลเพลิงที่เหมือนดวงอาทิตย์ด้วยซ้ำไป

แม้ว่าซอยูฮุยจะเข้าไปช่วย และหยุดปราณดาบเอาไว้ได้ทันี แต่แค่การปะทะกันสั้นๆนี้ก็ได้แสดงถึงพลังของซึงชิฮยอนเป็นอย่างดี

เขาในตอนนี้เทียบกับเขาตอนยังเป็นมนุษย์ไม่ติดแล้ว

ซึงชิฮยอนได้ถอยไปหลายก้าว และตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิด

“นี่เธอจะไม่ช่วยกันหน่อยหรอ?”

-อะ อะไรนะ? เจ้าไม่เห็นเหรอว่าข้ากำลังหยุดภูติอาร์คัสอยู่?”

“แม่งเอ้ย กับแค่นกเวรนั่นเธอก็ยังจัดการไม่ได้งั้นเหรอ?”

ซึงชิฮยอนบ่น และถ่มน้ำลายลงพื้น

ความบริสุทธิ์โสมมดูจะตกตะลึงอย่างหนัก เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขากำลังพูดเลย ในเมื่อระยะเวลาปลดผนึกพลังของเธอกำลังจะหมดลง

“ไอ้เวรเอ้ย…”

ยังไงก็ตามซึงชิฮยอนดูจะไม่สนใจผลที่ตามมาสักนิด เขาคงจะโกรธจัดจนใช้สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารจ้องอยู่ที่ซอลจีฮู

ซอลจีฮูก็ยังมองเขากลับไปด้วยมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไป

‘เขาแกร่ง… แกร่งมาก’

นี่คือสิ่งที่ซอลจีฮูสรุปออกมาได้

มันไม่ใช่ฝีมือดาบที่น่าประทับใจ แต่ยังรวมถึงการใช้ร่างกายเป็นเหมือนดาบ อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีความรู้เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ที่ลึกซึ้ง

ถึงซึงชิฮยอนจะมีนิสัยเหมือนเด็ก แต่พลังของเขานั้นเหนือยิ่งกว่าใครๆที่ซอลจีฮูเคยเจอมา ตั้งแต่ตอนเขายังเป็นชาวโลกก็ยังยากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้ ดังนั้นแล้วหลังจากได้รับพลังของความหมั่นเพียรมาจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะมั่นใจยิ่งขึ้น

ซอลจีฮูกระทั่งรู้สึกว่าทั้งออร่า และศักยภาพยังเหนือยิ่งกว่าความเมตตาอันบิดเบี้ยวซะอีก

อีกด้านหนึ่งซงชิฮยอนก็กำลังจะระเบิดความหงุดหงิดออกมา เขาคิดว่าเขาได้กลายเป็นเทพที่อยู่เหนือทุกคนไปแล้วหลังจากได้รับพลังมา เขาถึงขนาดว่าหากเขาควบคุมพลังได้ทั้งหมด เขาก็จะสามารถบดขยี้ได้แม้กระทั่งผู้บัญชาการกองทีพที่เจ็ด

ในที่สุดเขาก็ได้รับพลังในการทำในความปรานากลายเป็นจริง ดังนั้นแล้วเมื่อเขาไม่อาจจะเอาชนะกับแค่ชาวโลกเพียงคนหนึ่งได้จึงทำให้เขาหงุดหงิดถึงขีดสุด

“ฟู่ววว….”

ซึงชิฮยอนที่จ้องเขม็งไปที่ซอลจีฮูได้สูดหายใจเข้า และจากนั้นดึงพลังออกมามากยิ่งขึ้นอีก

จากนั้นวงแหวนแสงด้านหลังของเขาได้เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา และดาบยาวสีขาวของเขาก็สั่นไหวราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต ปราณดาบจางๆ ก็ยังปรากฏขึ้นจากปลายนิ้วทั้งห้าของเขาด้วยเช่นกัน

“เยี่ยม”

ซึงชิฮยอนพึมพำขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก”

ทีนี้มาเริ่มยกสองกัน ลองดูสิว่านายจะกันการโจมตีของฉันได้อีกไหม”

ซอลจีฮูกัดฟันแน่น และเครียดขึ้นจากคำขู่นี้

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในจุดได้เปรียบ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยกับพวกเขานัก

‘พวกเราแค่ต้องถ่วงเวลาออกไปแค่อีกนิด…!’

ในตอนนั้นเอง

เมื่อซึงชิฮยอนสูดหายใจเข้า และกำลังจะปล่อยพลังออกมา…

ตูมมม!

จู่ๆ แขนของเขาก็ระเบิดขึ้น

ซึงชิฮยอนได้เซขึ้นทันที

“อ๊ากกกกกก!”

เขาได้จับบริเวณที่เกิดระเบิด และทรุดลงไปคุกเข่า

“อะ อะไรกัน…”

ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นอย่างชัดเจนจากสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ ปากของเขาก็ยังอ้าขึ้น…

“อ้วกกกก!”

และกองเลือดสีดำแดงได้ไหลทะลักออกมา

มันยังไม่ได้จบแค่นั้น

ครั้งที่สอง สาม และสี่….

ความบริสุทธิ์อันโสมมได้หลับตาลงพร้อมขยับเข้ามาปกป้องซึงชิฮยอนที่กำลังอ้วกเลือดออกมา

-เจ้าโง่… ไปตกหลุมพรางกับการยั่วยุแบบนี้

เธอเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา และความกังวลนั้นก็กลายเป็นจริง ซึงชิฮยอนก็อยู่ในสภาพแย่แล้วจากการใช้พลังเทพใกล้กับต้นไม้โลกโดยที่ยังควบคุมพลังไม่ได้ดีด้วยซ้ำไป

“เชี้ย…!”

ซึงชิฮยอนได้สะบัดหัว และฝืนพูดออกมา

“…นาย”

แบคแฮจูที่คิดไว้แล้วว่าอาจจะมีใครสักคนต้องตายได้แต่นิ่งสับสนขึ้น

“ตอนนี้พอคิดดูแล้ว… นายบอกว่าได้รับพลังจากความหมั่นเพียรงั้นสินะ? อ่อ นี่คือเหตุผลที่จู่ๆนายก็แกร่งขึ้น?”

ซึงชิฮยอนได้กัดฟัน และจ้องเธอ

“นายโม้อย่างมั่นใจ แล้วก็นี่คือผลที่ออกมางั้นเหรอ? แค่ควบคุมพลังนายยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำไป!”

ซึงชิฮยอนได้ก้มหน้าลงกับคำเยาะเย้ยนี้

ซอลจีฮูก็กำหมัดแน่น

โอกาสทองได้มาถึงแล้ว

แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ประมาท แต่หากเป็นไปได้ด้วยดี พวกเขาก็อาจจะจัดการได้ทั้งความบริสุทธิ์อันโสมม แล้วก็ซึงชิฮยอน

แต่ขณะที่เขากำลังคิดแบบนั้น

“คุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

เสียงหัวเราะได้ดังออกมาอย่างกระทันหัน

ซึงชิฮยอนได้หัวเราะออกมาเบาๆ

“…แฮจู”

ซึงชิฮยอนได้เริ่มพูดทั้งๆที่ก้มหน้าอยู่

“เธอยังจำภารกิจสัตย์สาบานแห่งจักรพรรดิได้ไหม?”

“อะไรนะ?”

“เธอยังจำตอนที่เราแทรกซึมไปในจักรวรรดิเพื่อไปหาเหรียญของตระกูลกอร์โกนูที่รับใช้เทพสูงสุดแห่งพาราไดซ์ได้ใช่ไหม?”

แบคแฮจูขมวดคิ้วขึ้น

เธอยังจำภารกิจนั้นได้ แต่ว่าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเอามันมาพูดในตอนนี้

เขาอาจจะพยายามยื้อเวลา แต่นั่นก็แปลกเพราะทุกวินาทีที่ผ่านไปมันมีแต่จะทำให้เขาเสียเปรียบ

“ภารกิจครั้งนั้นสำเร็จ แต่หากพูดให้ถูกคือมันสำเร็จแค่ครึ่งเดียว จำได้ไหม ในตอนแรกพวกเราคิดว่าจะขับไล่ราชินีปรสิตได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้น พวกเราทำได้เพียงจำกัดพื้นที่ของราชินีปรสิต และเธอก็ยังคงอยู่ในพาราไดซ์ได้”

“นายกำลังจะพูดอะไร?”

“มีเรื่องที่ฉันได้รู้หลังจากย้ายไปฝ่ายปรสิต… เธอรู้ไหมว่าตัวตนของราชินีปรสิตเหนือยิ่งกว่าจินตนาการของพวกเราไปมากแค่ไหน?”

ซึงชิฮยอนได้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ปากของเขาได้เผยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวออกมา

“อย่าได้ดูถูกเธอ”

“…”

“ราชินีปรสิตคือเทพเจ้า เป็นเทพเจ้าที่เหล่าบาปทั้งเจ็ดอันต่ำต้อยเทียบไม่ติด กับแค่ดาวเคราะห์ดวงเดียวอย่างได้พูดถึงเลย ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นผู้ปกครองทั้งจักรวาล!”

ซึงชิฮยอนได้พยายามฝืนยืนขึ้น

แขนของเขายังคงขาดอยู่ และส่ายไปมาอย่างรุนแรง

“ขอบคุณ”

รอยยิ้มของเขากลายเป็นบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม

“ตอนแรกฉันก็โกรธนะ แต่ว่า…. เพราะแบบนี้ทำให้ฉันซื้อเวลาได้”

ขณะที่แบคแฮจูกำลังจะตอบกลับไป เธอก็ต้องรีบกลืนคำพูดลงไป

สนามรบได้กลายเป็นเงียบสนิทก่อนที่จะมีใครรู้ตัว ความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้หายไปจนหมด

นอกไปจากนี้ทีมปฏิบัติการณ์ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆที่ไม่อาจจะพูดออกมาได้ มันราวกับมีบางอย่างที่กำลังเข้ามาแทนที่ที่แห่งนี้

พวกเขารู้สึกได้ถึงตัวตนอันไม่อาจเอื้อมกำลังเสด็จลงมาที่นี่ ตัวตนอันไร้เหตุผลที่แม้กระทั่งกองกำลังสหพันธรัฐ มนุษยชาติ และแม้กระทั่งผู้บัญชาการกองทัพปรสิตก็ไม่อาจจะเทียบติด

“บะ บนท้องฟ้า…!”

มเารียได้ร้องออกมา

ทีมปฏิบัติการณ์รวมไปถึงซึงชิฮยอนกับความบริสุทธิ์อันโสมมได้หันหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เหนือป้อมปราการไทกอล

ไม่นานนักทุกๆคนยกเว้นซึงชิฮยอนต่างก็พูดไม่ออก

ท้องฟ้ากำลังคำราม

ไม่มีคำอื่นจะมาอธิบายมันได้อีกแล้ว

กระแสน้ำวนที่หลอมลวงกลุ่มเมฆได้เกิดขึ้น และท้องฟ้าก็บิดเบี้ยวฉีกขาดเหมือนกับกระดาษถูกขยำ

จากนั้นหลังจากเงียบอยู่นาน ซอลจีฮูก็รับรู้ได้ว่าปรากฏการณ์นี้มีศูนย์กลางอยู่รอบๆภาพบนท้องฟ้า แม้ว่ามันจะบิดเบี้ยวเกินกว่าจะเรียกว่าภาพได้ แต่เขาก็พอจะเห็นเงาลางๆได้จากภายในนั้น

จากนั้นเงานั่นก็ค่อยๆเข้ามาใกล้

ต่อจากนั้นความสงสัยของเขาก็หายไปเปลี่ยนเป็นลมหายใจที่ชะงักนิ่งไป

ขาสีดำเทาได้ล้อมรอบด้วยกระดูกได้ฉีกมิติ และโผล่ออกมาจากภาพ

ความบริสุทธิ์อันโสมมสูดหายใจเข้าลึก

-ราชินี…!

มันไม่ใช่ภาพหลอม

แม้ว่าขานั่นจะไม่ได้ใหญ่เท่าภาพบนท้องฟ้า แต่เมื่อมันปรากฏตัวก็เต็มไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาล

ตูมมมม คลื่นกระแทกได้กระเพื่อมออกมาจากการที่ขานั่นเหยียบลงบนอากาศ

ฟู่!!!

ทันทีที่ขาได้ก้าวออกมาด้านนอกไอน้ำจำนวนมหาศาลก็ปรากฏขึ้นราวกับมีน้ำแข็งแห้งถูกโยนลงน้ำ หรือไม่ก็เหมือนกับเหล็กร้อนกำลังถูกกดลงบนเนื้อหนัง

ควันสีขาวได้รอยออกมาราวกับทั้งโลกกำลังปฏิเสธตัวตนนี้

แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือ

ตัวตนนี้สามารถจะเบิกเฉยต่อสัตย์สาบานได้ชั่วคราวหากต้องการที่จะมายังที่แห่งนี้

…ใช่แล้ว

ราชินีปรสิตกำลังเสด็จลงมาที่สนามรบ