กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์ ตอนที่ 89 หยกหมื่นวิญญาณ
ตอนที่ 89 หยกหมื่นวิญญาณ
ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสอง
ผู้คุ้มกันยืนอยู่ที่ประตูด้วยความเคารพและรายงานคําพูดทั้งหมดของจี้เค่อต่อชายหนุ่มชุดขาวแน่นอนว่ามันย่อมเพิ่มเติมคําพูดไปอีกหลายคําด้วยความโกรธเคือง
“ท่านเป็นถึงเจ้าชายคนโตของแคว้นชางเฟิงที่โดดเด่น ท่านอุตสาห์ลดตัวเชื้อเชิญนางก็นับว่าเป็นโชควาสนาเพียงใดแล้ว คาดไม่ถึงว่านังผู้หญิงคนนั้นจะกล้าหยาบคายต่อท่าน !น่าโมโหนักเชียว”
ชายหนุ่มชุดสีขาวนั่งอยู่บนโต๊ะถือจอกสุราไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างเท้าคางเอาไว้มุมปากเผยอรอยยิ้มขึ้น
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยเสียงแผ่วราวกับพูดกับตัวเอง “หาได้ยากนักที่จะพบหญิงงามที่สดใสน่ารักเช่นนี้องค์ชายผู้นี้เดินทางผ่านหลายสถานที่ไม่ว่าจะแคว้นชางเฟิงและแคว้นเหมาหรงความงามและความสดใสของนางยากจะหาผู้ใดเทียบเทียม…”
“แต่นางกลับมีเจ้าหนุ่มชุดดําที่ดูสามัญธรรมดามาคอยพัวพันช่างน่าเสียดายนัก
ทหารวัยกลางคนขมวดคิ้วและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดวงตาของมันส่องประกายผ่านแสงเย็นเยียบพลางกล่าวด้วยเสียงต่ําว่า “คุณชายท่านต้องการให้ข้าสั่งสอนเจ้าเด็กเหลือขอหรือไม่ขอรับ ? จากนั้นข้าจะพาแม่นางผู้นั้นมาให้ท่านเชยชมในคืนนี้
คนผู้นี้เคยทําเรื่องราวบัดซบเช่นนี้เพื่อองค์ชายของมันมาก่อนหลายครั้ง สําหรับมันแล้วการลักพาตัวอิสตรีถือเป็นเรื่องง่ายดายและด้วยเหตุนี้มันจึงได้รับการตบรางวัลจนกลายเป็นผู้ติดตามของ
เขา
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากถอนหายใจก็โบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่ต้อง เรื่องนี้ละเอาไว้ก่อนชั่วคราว เจ้าลองตรวจสอ บดูสิว่าพวกเรามีตั๋วเงินอยู่มากน้อยเท่าไหร่ รวบรวมเงินทั้งหมดไว้คืนนี้ข้าจะไปยังหมู่ตึกสมบัติสวรรค์”
“การประมูลในคืนนี้มีหยกหมื่นวิญญาณซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมบัติล้ําค่ายิ่ง มันสามารถควบคุมหยินหยางและรักษาอาการเจ็บปวยได้แทบทุกชนิด”
“ซวนซวนได้รับความทรมานจากความหนาวเหน็บและพิษมาตั้งแต่ยังเด็ก หากว่าข้ามอบหยกหมื่นวิญญาณให้นางจนนางหายดีเป็นไปได้สูงว่านางต้องยอมเป็นของข้า…”
ในขณะนั้นเหล่าทหารและผู้คุ้มกันก็เริ่มตรวจสอบตั๋วเงินและกระเป๋าเงินอย่างรวดเร็ว
ส่วนที่ห้องชั้นหนึ่ง จี้เทียนซิงกับจี้เค่อก็ยังคงกินต่อไป แม้ว่าจะถูกคนของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์รบกวนแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของจี้เค่อ
ในระหว่างที่ทั้งสองกําลังกินอาหารและพูดคุยกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงการสนทนาจากแขกที่อยู่ถัดไปพวกเขาพูดเกี่ยวกับหอประมูลที่ชื่อว่าหมู่ตึกสมบัติสวรรค์
จี้เค่อแอบฟังอยู่ครู่หนึ่งและเริ่มสนใจ นางกล่าวกับจี้เทียนชิงว่า“พี่ใหญ่เทียนชิง ข้าได้ยินว่าหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ที่อยู่ในเมืองนี้กําลังจะเปิดการประมูล มันเป็นงานประจําปีของเมืองนี้พวกเราไปดูกันไหม ?”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและสายหัว “เค่อเค่อ เจ้าอย่าเห็นเป็นเรื่องสนุกสีตอนพวกเราอยู่ในเมืองจักรวรรดิก็ผ่านงานประมูลมาไม่น้อยแล้วเมืองเล็กๆที่เจริญน้อยกว่าเมืองของพวกเราจะมีสมบัติล้ําค่าอันใดให้ดูชม ?”
ถึงแม้ว่าจี้เค่ออยากจะออกไปเที่ยวเล่น แต่ในเมื่อจี้เทียนซึ่งไม่เห็นด้วยนางจึงทําได้เพียงขบริมฝีปากพลางกล่าวว่า“ก็ได้ ข้าเชื่อฟังพี่ใหญ่เทียนซิง”
ในขณะที่ทั้งคู่โต้แย้งกัน ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่อยู่โต๊ะข้างๆก็ได้ยินการสนทนาของทั้งคู่และเผยรอยยิ้มขึ้น
ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดสีน้ําเงินมีอายุไล่เลี่ยกับจี้เทียนซิงรูปร่างสูงหลังเหยียดตรงค่อนข้างหล่อเหลาน่าประทับใจ นอกจากนี้ยังมีผู้ติดตามยืนอยู่ข้างหลังอีกสองคน ศักดิ์ฐานะของชายหนุ่มผู้นี้สมควรไม่ธรรมดาสามัญ
เขาได้ยินคําพูดของจี้เทียนซิงจึงถือวิสาสะกล่าวขึ้นเองว่า “พี่ชายท่านนี้สมควรเป็นคนต่างถิ่นกระมัง? ท่านคงไม่ทราบว่าเมืองเฟิงหยางแห่งนี้คือจุดตัดและเป็นทางผ่านเดียวของแคว้นทั้งสามในการเข้าสู่แคว้นเหิงชวนอีกทั้งยังเป็นสถานที่สําคัญสําหรับบรรดาพ่อค้าในการแลกเปลี่ยนสินค้าและสมบัติล้ําค่ามากมาย”
“หมู่ตึกสมบัติสวรรค์เป็นหนึ่งในหอประมูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งบรรดาพ่อค้าและเหล่าจอมยุทธ์มากหน้าหลายตาล้วนไปรวมตัวกันในคืนนี้”
จี้เทียนซิงยกคิ้วขึ้นและหันไปจ้องที่ชายหนุ่มชุดสีน้ําเงิน เขาทําตัวเป็นผู้ฟังที่ดีและไม่เอ่ยขัดคอ
ดวงตาคู่งามของจี้เค่อเปล่งประกาย เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกสนใจเรื่องนี้
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่สนใจ ชายหนุ่มชุดสีน้ําเงินก็ลุกขึ้นจากโต๊ะตัวเองและเดินไปที่โต๊ะของจี้เทียนซิงเพื่อนั่งลงและกระซิบว่า “พี่ชายของที่นํามาประมูลทั้งหมดในหมู่ตึกสมบัติสวรรค์นั้นล้วนแต่ล้ําค่าส่วนใหญ่เป็นของล้ําค่าที่บรรดาชาวยุทธ์ต่างก็ใฝ่ฝันถึง”
“นอกจากนี้ ว่ากันว่าในคืนนี้หมู่ตึกสมบัติสวรรค์จะนําสมบัติที่หาได้ยากยิ่งมาออกประมูลมันคือหยกหมื่นวิญญาณ !”
“ไม่ว่าจะเจ็บป่วยด้วยโรคใดหรือแม้แต่หยินหยางขาดสมดุลก็สามารถใช้หยกหมื่นวิญญาณรักษาได้หากสตรีได้เข้านอนพร้อมกับ หยกหมื่นวิญญาณสตรีนางนั้นจะคงความเยาว์วัยได้อีกนานโข”
“แม้แต่เหล่าจอมยุทธ์ หากใช้หยกหมื่นวิญญาณในการบ่มเพาะจะช่วยย่นเวลาบ่มเพาะได้ถึงครึ่งหนึ่งและช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว…ด้วยคุณสมบัติเลิศภพจบแดนเช่นนี้มันจึงถูกกล่าวขานว่าเป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดาและมีคุณค่าสูงส่ง”
เมื่อได้ยินคําพูดของชายหนุ่มชุดน้ําเงินดวงตาของจี้เค่อก็เปล่งประกายเจิดจ้าและแทบไม่อาจอดทนรอที่จะได้เห็นมัน
ทว่า จี้เทียนซิงยังคงสงบเสงี่ยมและมองชายหนุ่มชุดน้ําเงินด้วยความคลางแคลงใจ
คนแปลกหน้าที่จู่ๆก็พูดแทรกขึ้นมาเพื่อพยายามชักจูงโน้มน้าวให้เขาเกิดความสนใจที่จะเข้าไปในหมู่ตึกสมบัติสวรรค์เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาแฝง
เขาระมัดระวังและไม่คิดที่จะเชื่อคําพูดของชายหนุ่มผู้นี้ทั้งหมดเนื่องจากเขายังไม่ทราบความเป็นมาของอีกฝ่ายและเป็นไปได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้อาจจะเป็นคนของหมู่ตึกสมบัติสวรรค์ที่มาหาลูกค้ากระเป๋าหนักไปเข้าร่วมประมูล
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มชุดน้ําเงินก็มองออกถึงความคิดในใจของเทียนซิงที่มองมันเป็นคนแปลกหน้ามันจึงเผยรอยยิ้มเล็กน้อยและเป็นฝ่ายแนะนําตัว ” ขออภัยด้วยพี่ชายและแม่นางน้อยท่านนี้ข้าลืมแนะนําตัว ข้ามีนามว่าเนี่ยห่าวเป็นหลานชายของจอมพลเฉียนคุนแห่งแคว้นเหมาหรง”
เมื่อชายหนุ่มเอ่ยถึงปของมัน, จอมพลเฉียนคุน ใบหน้าก็แสดงออกถึงความภาคภูมิใจ
ทันใดนั้นเองจี้เทียนซิงก็เปลี่ยนท่าที่ในพริบตาและเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตรกับเนี่ยห่าว เขากล่าวทักทายด้วยความสุภาพว่า “ที่แท้ก็เป็นหลานชายของท่านจอมพลเฉียนคุน ขออภัยที่ข้าจี้เทียนซิงเสียมารยาท”
จอมพลเฉียนคุนมีชื่อเต็มว่าเนี่ยเฉียนคุน เขาเป็นจอมพลแห่งแคว้นเหมาหรงและเป็นนายพลอันดับหนึ่งของแคว้น
แคว้นเหมาหรงนั้นอ่อนแออีกทั้งองค์จักรพรรดิก็ไร้ความสามารถแต่ทว่าด้วยการดํารงอยู่ของจอมพลเฉียนคุนซึ่งเหมือนเป็นเสาหลักของแคว้นก็ทําให้ไม่มีผู้ใดกล้ามารุกรานเขาเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงของประชาชนในแคว้น
ชีวิตของจอมพลเฉียนคุนนั้นมีแต่การต่อสู้และรบราฆ่าฟันความสําเร็จของเขานั้นก็สูงส่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัวนอกจากนี้กองทัพโลหิตเหล็กของเขาก็เป็นที่เลื่องลือ พวกมันปกป้องความปลอดภัยของแคว้นเหมาหรงมาได้อย่างยาวนานจนทําให้แคว้นเพื่อนบ้านต่างก็พากันอิจฉา
ถึงแม้ว่ารัฐนภากระจ่างจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับแคว้นเหมาหรงอยู่บ่อยครั้งแต่พวกเขาก็ยังเคารพนับถือจอมพลเฉียนคุนเป็นอย่างสูง
เมื่อจี้เทียนซิงเห็นว่าเนี่ยห่าวมีบุคลิกท่วงท่าไม่สามัญธรรมดาคําพูดคําจาฉาดฉานและเปิดเผยจริงใจซึ่งเป็นคุณลักษณะของลูกหลานนายทหารชั้นสูงที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมความสงสัยในใจของเขาก็เลือนหายไปสิ้น
จากนั้นพวกเขาก็ร่วมสนทนากัน จี้เทียนซิงเอ่ยปากถามว่า“พี่เนี่ยข้าขอถามอย่างเปิดอกท่านเปิดเผยเรื่องเช่นนี้ต่อคนนอกอย่างข้ามันจะดีหรือ ?”
เนี่ยห่าวไม่คิดปิดบังเช่นกัน เขาหัวเราะและยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวด้วยเสียงต่ําว่า “ช่างมันประไร ระหว่างที่ข้าพักอยู่ที่นี่ร่วมสองวันเพื่อรอการประมูลนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็รับรู้กันหมดแล้ว”
“บิดาของข้ารบมาทั้งชีวิตและตลอดทั้งปีเพื่อปกป้องดินแดนจนได้รับบาดเจ็บเรื้อรัง ข้าได้ยินมาว่าหยกหมื่นวิญญาณที่หมู่ตึกสมบัติสวรรค์นํามาจัดประมูลนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของท่านพ่อได้ข้าคิดจะทําให้ท่านอายุยืนยาวไปอีกหลายๆปีถึงได้เดินทางมานับพันไมล์เพื่อรอประมูลหยกหมื่นวิญญาณ”