ในห้องรับลองเซียวหยูพูดว่า “ระเบิด! พวกท่านมีคำถามอะไรที่จะถามข้าเพิ่มเติมหรือไม่?”
“ระเบิดอีกลูก?” กงซุนซุยทำหน้าจริงจังขณะที่มองดูกองคริสตัลขนาดใหญ่ด้านหน้าเซียวหยู เขาได้ไปไม่น้อย
“พวกเราเกือบจะเสร็จแล้ว?” กงซุนซุยเอ่ยถาม
กงยีซิวพยักหน้า “เจ้าของร้านไม่อยู่ แต่เขาสามารถติดต่อโดยใช้บางสิ่งที่เรียกว่า QQ พวกเขาสามารถเชื่อมต่อพูดคุยกันได้ .. อืม! ช่างมีลูกเล่นเยอะจริง!”
“ถึงอย่างไรมีการกล่าวว่าเทคนิคทั้งหมดของกองทัพตาจินล้วนมาจากร้านนี้ เนื่องจากร้านนี้ยังไม่มีที่ว่างพอเราจึงยังไม่สามารถเรียนรู้มันได้” กงซุนซุยพูดเอื้อยๆ “ข้าจะลองดูตามที่กงซูเกาได้เผชิญกับเกราะพิเศษ”
“ใข่!” กงยีซิวพยักหน้า “เจ้าพูดน่าสนใจ แถมข้าได้ยินมาว่าเหล่าผู้ฝึกฝนตามล่าหนังาือทักศะเมื่อวานนี้มันมีราคาสองร้อยคริสตัลและเราสามารถเรียนรู้เทคนิคนี้ได้ด้วยความรวดเร็วจากสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ในร้านนี้ มันสามารถทำความเข้าใจแต่ไม่สามารถสอนหรืออธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ..”
“หากเราจัดเตรียมกองทัพผู้ฝึกฝนให้พวกเขาฝึกฝนด้วยเทคนิคนี้พวกเขาต้องสามารถเข้าใจมันได้โดยใ้เวลาไม่นานแน่” กงยีซิวกล่าวต่อว่า “สองร้อยคริสตัลสำหรับหนังสือเกราะวิเศษ ร้อยคริสตัลสำหรับโล่ป้องกัน ..”
“ข้ากำลังคิดว่าคนธรรมดาคงไม่สามารถซื้อได้” กงซุนซุยกล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลยมีเพียงผู้ฝึกฝนที่จะได้เรียนรู้คาถาจิตวิญญาณเหล่านี้”
“อืม .. ถึงอย่างไรหยุนเตียนระดับสูงของเราไม่เคยขาดแคลนเรื่องคริสตัล!” พวกเขาหัวเราะ “มีที่นั่งให้เราแล้วไปเล่นกันเถอะ!”
หยังจากที่พวกเขาหายไปเซียวหยูยังคงนั่งเล่นไพ่อยู่ในห้อง “เจ้าได้ยินหรือเปล่าว่าตอนนี้หนังสือทักษะโล่เวทย์มนตร์มีราคาเพิ่มขึ้นถึงสามพันคริสตัล!”
“สามพันคริสตัล!? เมื่อวานมันสองร้อยใช่มั้ย?”
“สามพัน?” เซียวหยูเอนตัวหาพวกเขาทันที “เพื่อนทำไมมันถึงราคาสูงถึงสามพัน? ข้าบอกคนอื่นไปแค่สองร้อยเอง”
“โชคดีที่ข้าซื้อมาเมื่อวาน ข้านี่ฉลาดจัง!” ชายคนหนึ่งพูดอย่างภาคภูมิใจ
…
กงยีซิวและกงซุนซุยที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง
กงซุนซุยถามว่า “น้องกงยีเราควรจะลองอันไหนก่อนดี?”
“อันไหน?” กงยีซิวหัวเราะและพูดว่า “เปิดใช้งานทั้งหมดและลองเขาทีละอย่างละกัน เจ้าเซียวน้อยบอกว่าแต่ละอันมีประโยชน์คนละแบบ”
“อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะลองเล่นเราต้องเห็นเจ้าของร้านนี้ก่อน”
เขาเปิด QQ
“ดินแดนทะเลดวงดาว .. ฟางฉี เพิ่มเพื่อน ..” พวกเขาทำตามคำแนะนำของเซียวหยู “หืม .. มันได้ผล”
“ข้าไม่คิดว่าเจ้านั่นจะโกหกเรา!” กงซุนซุยยิ้มเยอะแล้วส่งข้อความในฐานะคนแลปกหน้า [เจ้าคือเจ้าของร้านใช่มั้ย?]
[เจ้าเป็นใคร?] ฟางฉีตอบกลับพร้อมส่งรูปฮัสกี้หน้าตาเย้ยหยันที่ได้รับมาจากนาหลันหมิงสือ
“เจ้าหนุ่มนี้หมายความว่าไง? เขาส่งรูปหมามาให้เรา!” พวกเขาทำหน้าสงสัยขณะจ้องมองรูปหมาบนจอ พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกล้อเลียน
เขาป้อนคำสั่งด้วยเสียง “ข้าคือกงซุนซุนหัวหน้าครอบครัวอันดับสองในดินแดนหยุนเตียน ข้าอยากจะคุยกับเจ้าเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญบางอย่าง”
ไม่นานมานี้ฟางฉีเพิ่งเกลี้ยกล่อมหวังปู่เต๋าและหลิวหนิงหยุนจากหนานหัวเพื่อลองเล่นเกมไพ่กับเขา เขาเล่นขณะที่ตอบกลับด้วยความเร่งรีบ “พวกเจ้าต้องการอะไร? ข้ากำลังเล่นไพ่มีเวลาไม่มากนัก”
“เจ้าเด็กนี่ช่างหยาบคาย!” กงซุนซุยรู้สึกโกรธ
กงยีซิวกลอกตาแล้วพูดเบาๆ “ร้านนี้ยังไม่แสดงความเคารพต่อนักบวชสามประตูไม่แปลกใจที่เขาจะหยาบคายกับเรา ข้าพยายามที่จะหาข้อมูลและส่งข้อมูลอย่างถี่ถ้วนโดยใช้หยกสื่อสารแต่ล้มเหลว แต่เจ้าของร้านอยู่ไกลกว่าเราเขาสามารถสื่อสารได้เทคนิคการสื่อสารของเขานั้นเหนือกว่าเรา!”
กงซุนซุยตอบกลับ [ข้ารู้วิธีเล่นไพ่นั่นเราสามารถพูดคุยขณธเล่นได้หรือไม่?]
[เจ้ารู้หรอ?] ฟางฉีมองข้อความตอบกลับ [ข้ามีคนมากพอ อ่ะตกลงงั้นเข้ามา!]
พวกเขารู้สึกพูดสูญเสียคำพูดเล็กน้อย กงซุนซุยทำหน้ายั่วยวน “หึ! หวังว่าเจ้าจะไม่ตกอยู่ในเงื้อมือข้างง่ายๆ”
ฟางฉีรับเพื่อนเขาเป็นที่เรียบร้อย
[ฟางฉีเพื่อนของท่านเชิญท่านเข้าคิวโซน]
ในห้องของฟางฉีเต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนจากสำนักมังกรดำและกลุ่มหนานหัว
หลิวหนิงหยุนกล่าวว่า “เกมนี้ไม่สนุกแถมยังเสียเวลา ข้าจะเลิกเล่นแล้ว!”
ฟางฉีมองไปที่ประตูและเห็นผู้ฝึกฝนสองคนยืนอยู่ตรงนั้นมือของพวกเขาประสานกันท่าทางของพวกเขาดูสง่างาม แน่นอนว่าเสื้อผ้าหรูหราของพวกเขาตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยผ้าฝ้ายธรรมดาๆ พวกเราไร้ความแข็งแกร่งใดๆ เมื่ออยู่ในเขตคิวโซน
หนึ่งในคนที่ยืนดูแก่มากดูจากขนคิ้วสีขาวและริ้วรอยบนใบหน้า
อีกคนหนึ่งมีผมสีขาวแต่ก็ยังคงหยุดอายุไว้ในวัยสามสิบ ชายผมขาวมองดูรอบๆ ห้องแล้วพูดว่า “ข้ากงยีซิวจากหยุนเตียนระดับสูง ข้าอยากรู้ว่าใครคือเจ้าของร้าน?”
“คู่หก!” ฟางฉีวางไพ่ลงบนโต๊ะ “โอ้ ท่านเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลกงยี”
กงซุนซุยที่ยืนข้างๆ กงยีซิวไม่ได้พูดอะไร เขาไม่ได้แนะนำตัวเอง
ฟางฉีเหลือบมองที่เขาแล้วถามว่า “ชายคนนี้ปู่ของท่านหรือ?”
“…”
เขามองด้วยสายตาแค้นเคือง
…
สิบนาทีต่อมา
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกับฟางฉี แต่บางคนสังเกตเห็นว่าใบหน้าของพวกเขาดูเปลี่ยนไปเหมือน่วาพวกเขากำลังกดอารมณ์
“เด็กคนนี้ช่างดื้อรั้น .. แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เราไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้” กงซุนซุยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อาจารย์กงยีท่านเห็นอะไรที่พิเศษๆ บ้างมั้ย?”
“หลังจากที่ได้เข้าไปในพื้นที่นั้นเขาไม่มีพลังเลยแล้วจะไปหาอะไรได้” กงยีซิวขมวดคิ้ว “น้องกงซุนเจ้าเคยเห็นอาณาจักรภาพลวงตาเช่นนี้มาก่อนหรือไม่?”
“ดอกไม้ใบหญ้าและต้นไม้ดูเหมือนจริงมากๆ” กงซุนซุยกล่าวว่า “ข้าสามารถดึงใบไม้ออกมาได้มันให้ความรู้สึกราวกับของจริงมาก ในอาณาจักรภาพลวงตาทุกอย่างควรจะเป็นของปลอมสิ แต่ใยข้าถึงรู้สึกว่าทุกอย่างคือของจริง แยกไม่ออก!”
“ลองเล่นเกมก่อนแล้วค่อยวางแผนภายหลัง!” แววตาของกงยีซิวเปลี่ยนไปจากเดิม “หากทุกสิ่งที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยแรงกำลังที่อยู่เบื้องหลังร้านค้านี้ ข้ากลัวว่ามันอาจมีอำนาจมากในการปิดกั้นนักบวชสามประตู”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?” กงซุนซุยเขยิบตาเล็กน้อย
“เราควรจะสืบหาความจริง ลองใช้มือของพวกเขามั้ย?”
“ความคิดดี!” กงซุนซุยหัวเราะ “เราจะดูพวกเขาต่อสู้ในขณะที่เราได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากร้านนี้!”
“เราสามารถย้ายสมาชิกหลักของครอบครัวเรามาที่นี่ เนื่องจากกองทัพของตาจินเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ เราก็จะเล่นมันเช่นกัน นอกจากนี้เราก็จะได้เรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบก่อนที่จะจัดการกับสิ่งที่ยากต่อไป!”
ทันใดนั้นหน้าจอของเขาก็จางลง
“พี่กงยีทำไมท่านถึงตาย” กงซุนซุยมองดูกงยีซิวที่กำลังเดินออกจากหมู่บ้านผู้เล่นใหม่
บนหน้าจอนักรบตัวน้อยชื่อว่า ‘ตาจินจงเจริญ’ เขากล่าวว่า “ใครกันมันกล้าที่จะใช้ชื่อว่า ‘กงยี’ ในฐานะคนของตาจิน เจ้ากล้ามาที่จะใช้ชื่อของคนจากหยุนเตียน ข้าจะฆ่าเจ้าทุกเมื่อที่ข้าเจอเจ้า!”
กงซุนซุยและกงยีซิวมองหน้ากันและแสงอาฆาตก็พุ่งออกมาจากใบหน้า “เจ้านี่คือใคร?”
“เล่นเกมอย่าเสียงดัง!”ไม่ไกลจากพวกเขาเสี่ยวหยูตะโกนด้วยความไม่พอใจ “ถ้าพวกท่านรบกวนคนอื่นอีกข้าจะเตะออกไป!”
…