ตอนที่ 290

Black Tech Internet Cafe System

ภารกิจใหม่ : แลกเปลี่ยนออนไลน์

 

ขณะนี้ฟางฉีได้รับภารกิจใหม่

 

ข้อมูล : ซื้อขานออนไลน์ข้ามภูมิภาคถึงสองร้อยครั้ง

 

คำอธิบาย : สมาชิกสามารถซื้อขายไอเทมเสมือนจริงได้ด้วยคริสตัล

 

รางวัลภารกิจ : เปิดใช้งานการแลกเปลี่ยนใน QQ พร้อมพัฒนาประสิทธิภาพ

 

รางวัลหลังการทำภารกิจ

 

1 ระบบป้องกันของร้านที่เข้มงวดกว่าเดิมแม้จะอยู่ในระยะไกลหรือใกล้

2 เพิ่มจำนวนห้องพักให้พนักงานแต่ละร้านเป็นสอง

 

“เจ้ากำลังทำอะไร?” ฟางฉีอ่านข้อความที่ได้รับทาง QQ ตอนนี้เขากำลังเล่นเกมไพ่

 

นาหลันหมิงสือทักหาเขา เธอต้องการอะไร ฟางฉีอ่านข้อความและคิดในใจ

 

[ข้าวางแผนที่จะซื้อหนังสือบางเล่มจากดินแดนทะเลดวงดาว ช่วยข้าหาซื้อที] เธอส่งมา

 

ซื้อหนังสือ? ฟางฉีรู้สึกงงงวย [เจ้าเป็นนักรบและมีทักษะติดตัวอยู่แล้ว เจ้าต้องการซื้อกี่เล่ม?]

 

นาหลันหมิงสือตอบว่า [ข้าไม่ได้ต้องการแค่นั้น ข้ายังต้องการหนังสือทักษะสำหรับนักเวทย์และนักบวชเต๋า ข้าจะซื้อจากเจ้าด้วยราคาสองพันคริสตัลสำหรับหนังสือทักษะโล่เวทย์มนตร์ เจ็ดร้อยคริสตัลสำหรับเกราะศักดิ์สิทธิ์ หมื่นคริสตัลสำหรับแสงมนตร์เสน่ห์ ..]

 

เธอจบรายการหนังทักษะที่ยาวเหยียดและตามด้วยภาพหมาฮัสกี้

 

“นี่หัวหน้าสมาคม ดูมีคนเสนอราคาหนังสือทักษะราคาสองพันคริสตัลสำหรับหนังสือทักษะโล่เวทย์มนตร์ เจ็ดร้อยคริสตัลสำหรับเกราะศักดิ์สิทธิ์ หมื่นคริสตัลสำหรับแสงมนตร์เสน่ห์ .. มาชายหนังสือทักษะกันเถอะ เธอใช้ชื่อว่า หิมะ เธอบอกราคาและรายละเอียดทุกอย่างในช่องทางโลก” รวนหนิงที่นั่งข้างฟางฉีเกือบจะกระโดดขึ้นไปรับข้อเสนอ คลังสินค้าของเธอเต็มไปด้วยหนังสือทักษะมากมายที่สมาชิกได้ช่วยกันรวบรวม

 

“ไม่ขาย!” ฟางฉีส่งข้อความให้นาหลันหมิงสือ “เจ้ากล้าหาญมากที่กล้ามาถามข้า”

 

“ทำไมไม่ละ?” รวนหนิงถามด้วยความไม่พอใจ “ราคาที่เธอเสนอขายนั้นสูงกว่าหลายคนจนไม่สามารถหาใตครที่ให้ราคาได้สูงขนาดนี้แล้ว หากเราไม่ได้ขายไปเราอาจจะไม่เจอผู้ให้ราคาดีขนาดนี้แล้ว”

 

“อย่าโง่สิ!”

 

ฟางฉีส่งข้อความกลับไปหานาหลันหมิงสือ [นี่เจ้าจะเป็นผู้ค้าหากำไรหรอ?]

 

รวนหนิงยืนพิงหน้าจอ “เฮ้! นี่คือหิมะหรือ? เจ้าบอกข้าไม่ให้ขายเจ้าจะขายเองหรือ?”

 

“เธอเป็นเพื่อนข้า ข้าไม่ได้จะขายให้เธอ” ฟางฉีกลอกตา “ข้าขอเตือนเจ้าว่าไม่ต้องติดต่อกับเธอคนนี้อีก เธอฉลาดพอที่จะหว่านล้อมเจ้า”

 

“เจ้าจะขายให้เธอเองงั้นสิ?” รวนหนิงโกรธเขา ทำไมข้าถึงขายมันไม่ได้ทั้งๆ ที่มันมีราคาสูงถึงขนาดนี้

 

นาหลันหมิงสือตอบกลับ [เจ้าหมายความว่าไง?]

 

[เจ้าจะซื้อไปเกร็งกำไรใช่มั้ยละ?] ฟางฉีส่งอิโมจิหน้าโง่ไป [ราคาหนังสือทักษะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในชั่วข้ามคืน ต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้]

 

[ไม่ใช่ข้า] นาหลัยหมิงสือตอบ [ก่อนสงครามข้าเห็นว่าราชวงศ์กำลังซื้อหนังสือทักษะเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามข้าเลยสนใจ แต่ไม่มีหนังสือพวกนี้ในตลาดเลยมีแต่ราคาที่สูงขึ้นแต่ก็ไม่ใช่หนังสือที่ข้าต้องการ]

 

“เจ้า ..” รวนหนิงมองจอด้วยความโมโห

 

“รอดูสิว่าแน่นอนราคาหนังสือจะต้องสูงขึ้นอีกหรือไม่” ฟางฉีเอ่ย “เจ้าจะกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในพริบตา บอกข้าหน่อยว่าเจ้ารวบรวมหนังสือได้กี่เล่ม?”

 

ฟางฉีถามเธอ [เจ้ามีหนังสือกี่เล่ม?]

 

[ความลับ] เธอตอบ

 

“ราคาสูงขึ้น แล้วข้าขายได้มั้ย?” รวนหนิงขมวดคิ้ว

 

“ตอนนี้ผู้เล่นเก่าหลายคนต้องการหนังสือทักษะ จากรูปการแล้วผู้เล่นใหม่จำนวนมากต้องการจะเข้าสู่เกม หากผู้เล่นใหม่บางคนรวยและเต็มใจซื้อหนังสือทักษะในราคาสูง ..” ฟางฉีตบไหล่เธอเบาๆ “นี่เธอยังคงเด็กและไร้เดียงสา”

 

“หึ! เจ้าปีศาจเก่า”

 

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

 

“หัวหน้าสมาคมหล่อและเท่ห์!”

 

 

ขณะเดียวกันสองร่างยืนอยู่ห้าร้านในเมืองจิวหัว

 

“ท่านอาจารย์กงยีที่นี่หรือ?” กงซุนซุยจ้องหน้าร้าน “มันช่างดูธรรมดา”

 

พวกเขาพผลักประตูเข้าไป สภาพแวดล้อมอันกว้างใหญ่และน่าค้นหาในร้านดึงดูดความสนใจของพวกเขาทันที

 

“…”

 

กงซุนซุยที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกตอนนี้ดวงตาของเขาเบิกโพง “ทำไมพื้นที่ด้านในถึงได้ใหญ่มากขนาดนี้”

 

“ข้าจำได้ว่าครอบครัวกงซุนเคยได้รับวิธีการสลักอาเรย์จากดินแดนแห่งการฝึกตน” กงยีซิวถาม “แล้วมันเทียบกับสิ่งนี้อย่างไร?”

 

ใบหน้าของกงซุนซุยเปลี่ยนไป “ช่างมันเถอะข้าไม่อยากพูดถึงมัน”

 

ครอบครัวกงซุนได้รับเพียงพิมพ์เขียวโครงร่างที่ไม่สมบูรณ์ แต่ที่นี่มันสมบูรณ์อย่างเห้นได้ชัด

 

“เจ้าของร้านอยู่ที่ไหน?” กงซุนซุยรู้สึกเขินเล็กน้อยที่ตัวเองด้อยในเรื่องการสลักอาเรย์และตอนนี้เขาเริ่มไม่พอใจมากกว่าเก่าเมื่อไม่มีใครมาทักทายหรือต้อนรับพวกเขา

 

“ทำไมไม่มีใครมารับพวกเขา? ร้านนี้ช่างหยาบคายเสียจริง ข้าคิดว่าเราไม่ควรเสียเวลากับเรื่องนี้” กงซุนซุยพึมพำ แต่พวกเขายังคงยืนอยู่ในร้านและหันไปมองกระดานดำเล็กๆ จนกระทั้งอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย [หากพวกท่านต้องการเล่นก็เล่น หากไม่ก็ออกไปอย่างราบรื่น]

 

“ราบรื่น? หมายความว่าอย่างวไร?” พวกเขามองหน้ากัน

 

“เป็นวิธีพูดอย่างสุภาพว่า ออกไป!” เซียวหยูที่นั่งอยู่ยนโซฟาตอบ “ข้าไม่เคยเห็นพวกท่านมาก่อน พวกท่านเป็นผู้เล่ยใหม่หรือ?”

 

ในมือของเขาถือไพโป๊กเกอร์ “พวกท่านต้องการจะเข้าร่วมกับข้าหรือจะต่อสู้กับเจ้าของบ้าน?”

 

“นั่นอะไร?” พวกเขามอง

 

เจ้าของบ้าน? เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้กับเจ้าของบ้าน เรามาที่นี่เพื่อสำรวจร้านค้าและไม่มีเวลาเล่นกับเจ้า! พวกเขาคิดในหัวเราไม่ได้ต้องสู้กับเจ้าของบ้านและเจ้า

 

หลังจากทำความเข้าใจกับกฏของร้านแล้วพวกเขาก็ถามว่า “เจ้าของร้านอยู่ไหน? พวกเราต้องการลองเล่นเกม!”

 

“ขอโทษนะ!” โลลิตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์เอ่ย “ตอนนี้ยังไม่มีที่นั่งว่างหากพวกท่านต้องการเล่นโปรดรอก่อน หากเบื่อก็สามารถเล่นไพ่กับกงซีเซียวที่นั่งพักผ่อนตรงนั้นได้”

 

ทั้งสองคนสูญเสียคำพูดไป

 

ด้วยความโกรธแค้นกงซุนซุยชี้นิ้วไปที่หน้าอกตัวเอง “เจ้ารู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร แม้แต่นักบวชจากสามประตูก็ไม่กล้าออกคำสั่งให้ข้ารอ!”

 

“สามประตูคืออะไร?” เจียงเสี่ยวหยูทำหน้างง “หัวหน้าบอกว่าแม้แต่เทพเจ้าหากมาที่นี่ก็ต้องรอเมื่อที่เต็ม!”

 

“นี่เจ้าสาวน้อย เจ้ากล้ามาก!” กงซุนซุยรู้สึกโกรธมาก

 

“น้องกงซุน!” กงยีซิวพูดด้วยเสียงต่ำ “สถานการณ์ยังไม่ชัดเจนเราไม่ควรทำอะไร”

 

“หึ!” พวกเขานั่งรอบนโซฟาบริเวณห้องนั่งเล่น

 

“กงซีเซียว เราได้ยินมาว่าเจ้าคุ้นเคยกับที่นี่มาก!”

 

“แน่นอน!” เซียวหยูตอบกลับพลางตบอกตัวเอง “ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี่ รวมถึงคำแนะนำในการเล่นเกมและความลับของร้านค้า! เรียกข้าว่าเจ้าของบ้าน!”

 

กงซุนซุยเอ่ย “ข้าจะขโมยเจ้าจากเจ้า!”

 

กงยีซิวกล่าต่อ “ผ่าน”