บทที่ 103 ไม่รู้ใช้กลอุบายอะไร

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลินจือเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ และซูซีก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน

แต่เธอมาร่วมงานนี้กับพินอิน เทาเท่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม เธอจึงต้องลากพินอินมาด้วย เพื่อรักษาหน้าตาของเธอเอง

การเข้ากันได้ดีกับพินอินน้องสามีในอนาคต ในสายตาคนนอกก็เป็นหนึ่งในสัญญาณว่าเธอกำลังจะแต่งเข้าตระกูลฟอเรนา

ซูซีสวมใส่ชุดเดรสสีขาวเกาะอก ด้วยสายอาชีพก็จึงดึงดูดสายตาอย่างมาก

แน่นอนว่า นี่เป็นพื้นฐานการปฏิบัติตัวของนักแสดงสาวในวงการบันเทิง และชุดขาวที่เลือกมานั้นก็เข้ากับหญิงสาวที่มีชื่อเสียงอย่างซูซีมากจริงๆ

พินอินสวมชุดเดรสสีโอลด์โรส รูปลักษณ์หน้าตาของเธอเข้ากับสีนี้เป็นอย่างมาก ดูแล้วสวยงามราวกับดอกไม้

ทันทีที่ทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้นในงานเลี้ยง ก็เข้าไปพบปะพูดคุยกับหญิงสาวอีกสองสามที่อยู่ในงานทันที

หนึ่งในนั้นถามซูซีว่า“ ทำไมวันนี้ประธานเทาเท่ไม่มากับเธอด้วยล่ะ ?”

พินอินตอบคำถามนี้แทนทันทีว่า“อย่าพูดถึงพี่ชายที่บ้างานของฉันเลย ก็มีแต่ซีคนเดียวเท่านั้นแหละที่ทนเขาได้”

ซูซีเม้มปากและยกยิ้มอย่างสง่า“ผู้ชายก็งี้แหละ งานมาก่อนทุกอย่าง ”

พินอินที่รู้จักวางตัวและออกหน้ารับแทนซูซีแบบนี้ สาเหตุเพราะวีนาได้กำชับเธอเอาไว้แล้ว ว่าให้เธอช่วยรักษาภาพลักษณ์ที่ดีให้ซูซีด้วย

ซูซีก็เหมือนจะเคยสัญญากับเธอด้วยว่า หากได้แต่งเข้าตระกูลฟอเรนาจริงๆ เธอจะตอบแทนเขาอย่างงาม

แน่นอนว่าพินอินต้องช่วยซูซีอยู่แล้ว แม้เธอจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ทุกครั้งที่เธอก่อเรื่องพี่ชายของเธอก็มักจะตัดเงินเธอเพื่อลงโทษเธอตลอด เธอรับมันไม่ได้

ซูซีเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ อนาคตหากซูซีได้เป็นนายหญิงของตระกูลฟอเรนา ย่อมต้องให้ประโยชน์กับเธอมากแน่นอน

เมื่อหญิงสาวทุกคนเห็นภาพพินอินกับซูซีที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เรื่องที่ว่าซูซีจะแต่งงานกับเทาเท่นั้นต่างก็พากันเชื่ออย่างสนิทใจ

ผู้หญิงคนหนึ่งเหลือบมองไปยังหน้าท้องที่แบนราบของซูซี โน้มตัวเข้าหาแล้วพูดเสียงเบาอย่างสงสัยว่า“ช่วงนี้จู่ๆเธอก็ไม่รับงานละคร ใช่เพราะกำลังท้องอยู่หรือเปล่า?”

คำว่าท้องนี้ เมื่อซูซีได้ยินก็ทำเอาเธออกสั่นขวัญแขวน เพราะเธอรู้สึกผิด

ก่อนหน้านั้นเธอกุเรื่องว่าเธอท้องเพื่อทำลายความสัมพันธ์ของหลินจือกับเทาเท่ จนตอนนี้เทาเท่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ หากวันหนึ่งเรื่องนี้รู้ไปถึงหูเทาเท่เข้า เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันยังไง

นอกจากนี้ เธอกับเทาเท่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งฉันชู้สาวมาก่อน เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก

แต่เธอก็ยังยกยิ้มให้อย่างสุภาพแล้วพูดว่า“มีที่ไหนกัน พูดไปทั่ว ”

ทุกคนต่างก็หัวเราะ และแสดงความยินดีกับเธอ และยังกำชับเธอให้ส่งการ์ดเชิญให้พวกเขาด้วยเมื่อถึงเวลา

เมื่อซูซีนึกถึงสภาพตัวเองในตอนนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดชังหลินจือขึ้นมา

และในขณะที่เธอกำลังกัดฟันกร่อนอยู่ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลินจือกำลังเดินคล้องแขนเข้ามาในงานกับเจเทาวน์ อีกทั้งยังมีเสียงเซ็งแซ่ดังตามมาอีกด้วย นั้นเพราะ……หลินจือในชุดที่สวมใส่สวยงามและสดใส หรูหราโดดเด่นมาก

แวบแรกที่ซูซีเห็นหลินจือก็ตกตะลึง จ้องมองหลินจืออย่างไม่อยากเชื่อ จนละสายตาออกไม่ได้

อาจเพราะภาพลักษณ์ปรติของหลินจือส่วนใหญ่นั้นเรียบง่ายและสะอาดตา ดังนั้นเมื่อเธอแต่งตัวลุคนี้ ก็ทำให้ผู้คนแตกตื่นและตกตะลึงอย่างมาก

ซูซียังจำคืนงานเลี้ยงประจำปีของฟอเรนากรุ๊ปได้ หลินจือในชุดสีแดง งามสะดุดตามาก

ตอนนั้นหลังจากที่หลินจือจากไปแล้ว เธอได้ยินเสียงซุบซิบของพนักงานฟอเรนากรุ๊ป ต่างพากันพูดว่าภรรยาของคุณเทาเท่ที่ถูกซ่อนตัวมานานกว่าสามปีนั้นหน้าตาสะสวยเหลือเกิน

อีกทั้งยังมีบางคนที่พูดเสียงกระซิบว่า หลินจือนั้นสวยและดูดีกว่าซุปตาร์อย่างเธอที่มีข่าวเรื่องรักๆใคร่ๆกับเทาเท่อยู่ตลอดเสียอีก

เธอในตอนนั้นรู้สึกโกรธมากจนกำมือตัวเองแน่น

พินอินเองก็เห็นหลินจือด้วยเช่นกัน เธอดึงซูซีไปยังด้านข้าง และพูดอย่างโกรธเคืองว่า“ทำไมหล่อนถึงไร้ยางอายแบบนี้ ? หล่อนมีสิทธิ์อะไรเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้กัน?”

ซูซียิ้มเยาะ“ก็หล่อนมากับเจเทาวน์ หล่อนเป็นนักเขียนบทที่เจเทาวน์ให้การสนับสนุนอยู่ ”

พินอินพูดอย่างดูถูก“คงไม่ใช่ว่าปีนขึ้นเตียงของเจเทาวน์อีกนะ หล่อนมีวิธีนี้วิธีเดียวแค่นั้นแหละ”

หลังจากที่พินอินพูดจบก็แค่นเสียงหึออกมา“ ฉันจะเข้าไปทักทายหล่อนหน่อย ”

ซูซีรีบคว้าเธอไว้“อย่าไปเลย”

พินอินไม่เข้าใจ “ทำไม?”

“อย่าไปหาเรื่องเขาเลย เดี๋ยวพี่ชายเธอก็โกรธอีกหรอก”ซูซีทำทีราวกับเป็นห่วงพินอิน พินอินรู้สึกซึ้งใจมาก ในใจก็ยิ่งอยากจะไปหาเรื่องหลินจือมากขึ้นไปอีก

กับความเกลียดชังของซูซีและพินอิน หลินจือไม่เก็บเอามาใส่ใจเพราะเธอไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาเลย

เจเทาวน์แนะนำเธอให้รู้จักกับโปรดิวเซอร์อยู่หลายคน รวมถึงผู้กำกับที่มีชื่อเสียง และนักเขียนบทอาวุโส แค่ต้องต้อนรับขับสู้บุคคลเหล่านี้หลินจือก็แทบจะปลีกตัวไม่ได้แล้ว ไหนเลยจะว่างมาสนใจซูซีกับพินอินได้อีก

แนะนำตัวและทักทายกัน

หลังจากแล้วเสร็จ เจเทาวน์ก็พาหลินจือออกไปด้านนอกเพื่อรับลมเย็น

เจเทาวน์เหลือบมองไปยังหลินจือและพูดอย่างอ่อนโยนว่า“ต่อไปคุณก็จะรุ่งโรจน์เรืองรอง เบลดิ้งคงไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของคุณ หากคุณผันตัวไปเป็นนักเขียนบทอิสระ บุคคลเหล่านี้ล้วนจะช่วยงานคุณได้ทั้งนั้น ”

หลินจือมองไปยังเจเทาวน์อย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเจเทาวน์จะมีความคิดว่าเธออย่างเป็นอิสระ

แม้เธอจะทุ่มเทให้กับการทำงานนี้อย่างมาก แต่ไม่เคยมีความคิดว่าอยากจะแยกตัวออกไปทำคนเดียว ด้วยนิสัยของเธอนั้นมันทำไม่ได้อย่างแน่นอน

ประการแรก เธอไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยาน

ประการที่สอง ในตอนที่เธออับจนหมดหนทาง เจเทาวน์ได้ให้โอกาสเธอในการเป็นนักเขียนบทแล้วยังส่งเธอไปร่ำเรียนและศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ซึ่งเธอรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก

เธอสาบานกับตัวเองไว้ ตราบใดที่เจเทาวน์ยังต้องการเธอ เธอก็จะทำงานเพื่อเบลดิ้ง ไปตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ

เจเทาวน์อ่านความคิดของเธอออก ยกยิ้มแล้วพูดว่า“ผมรู้ว่าคุณไม่มีความคิดที่อยากจะออกไปทำเอง แต่ผมอยู่ในแวดวงนี้มานาน เรื่องของอนาคตผมมองการณ์ไกลกว่าคุณ ”

“ทะเลที่กว้างใหญ่แล้วแต่ปลาจะว่ายวน ฟ้าที่สูงแล้วแต่นกจะโบยบิน”เจเทาวน์พูดทิ้งท้ายอีกหนึ่งประโยค

ความสามารถของหลินจือเป็นที่ประจักษ์ อนาคตจะต้องสดใสอย่างแน่นอน เขาไม่มีทางรั้งเธอไว้อย่างเด็ดขาด

เมื่อหลินจือต้องเผชิญหน้ากับคำแนะนำที่จริงใจของเจเทาวน์ ดวงตาก็แดงก่ำด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณค่ะ……”

ภาพที่ทั้งสองคนมองหน้ากันถูกแอบถ่ายเอาไว้ จากนั้นก็ส่งไปให้เทาเท่

คนคนนี้ก็คือโซเมน เขาเอนกายอย่างเกียจคร้านที่โต๊ะข้างๆแล้วส่งข้อความไปหาเทาเท่“จะมาไหม ? ถ้าไม่มาเห็นท่าเจเทาวน์จะคว้าเธอไปได้แน่แล้วละคราวนี้”

“ดูวิธีการของเจเทาวน์แล้ว ไม่รู้ว่าใช้ไม้ไหนอีก ทำเอาหลินจือซาบซึ้งซะขนาดนี้”

โซเมนยอมรับ ว่าคำพูดของเขานั้นเกินจริงไปบ้าง หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างเจเทาวน์กับหลินจืออาจจะมีอะไรที่มากกว่านั้นก็เป็นได้

ถึงตอนนั้นเพื่อนรักของเขา ก็อาจจะต้องมานั่งเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมา

ราวๆยี่สิบนาทีหลังจากนั้น เทาเท่ในชุดสูทสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นที่งานเลี้ยงด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม

ชายหนุ่มองอาจสง่าผ่าเผย โดดเด่นและสะดุดตา และยังเป็นนักธุรกิจที่ทรงพลังที่สุดในเมืองเจสเวิร์ด ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวก็มักจะเกิดความโกลาหลอยู่ไม่น้อย

พินอินได้ไประริกระรี้กับผู้ชายอื่นแล้ว ส่วนซูซีก็พูดคุยและดื่มกินอยู่กับผู้มีชื่อเสียงสองสามคน

หลังจากที่เห็นเทาเท่เข้างานมา มีบุคคลหนึ่งก็ถามซูซีว่า“ไหนว่าท่านประธานเทาเท่ของคุณไม่มาไม่ใช่เหรอ?”

ซูซีตกใจมากที่จู่ๆเห็นเทาเท่ปรากฏตัวขึ้น

เทาเท่……ไม่ใช่เพราะเห็นหลินจือมาด้วย ดังนั้นก็เปลี่ยนใจตามมาหรอกนะ ?

กับความสัมพันธ์ของเธอกับเขาในตอนนี้ เขาไม่มีทางเดินเข้ามาหาเธอแน่ ซึ่งมันทำให้สถานการณ์ของเธอกระอักกระอ่วนมาก?