รอยยิ้มบนใบหน้าของซูซีแข็งค้างเล็กน้อย“สงสัยเขาจะเสร็จงานแล้ว……”
อีกคนก็พูดต่อว่า“งั้นเขาก็ต้องมารับเธอนะสิ โอ้โหนี่เขาช่างดูแลเอาใจใส่เธอดีจริงๆ เสร็จจากงานก็รีบมาเป็นผู้พิทักษ์เธอทันที”
อีกคนก็ยิ้มและพูดว่า“ก็ใช่นะสิ ซุปตาร์ซูซีของพวกเราสวยซะขนาดนั้น ก็ต้องมาเฝ้านะสิ”
คำพูดพวกนี้เดิมทีก็น่าจะไพเราะเสนาะหูสำหรับซูซีมาก แต่เธอในตอนนี้รู้สึกทุกข์ทรมานอย่างที่สุด เพราะคนภายนอกไม่รู้ว่าเทาเท่ได้ขอเว้นระยะห่างกับเธอแล้วอย่างชัดเจน
แต่เธอไม่เชื่อว่าเทาเท่จะไม่ยอมจำนน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจของพ่อเธอ หรือบุญคุณของพ่อเธอที่มีต่อตระกูลฟอเรนา เขาจะต้องแต่งงานกับเธอ
เธอคิดว่าเทาเท่อาจจะแค่หุนหันเท่านั้น ผ่านไปสักพักเขาต้องยอมจำนน ดังนั้นเธอจึงต้องรักษาภาพลักษณ์ปลอมๆของความรักอันดีที่มีต่อกันนี้ไว้
แต่เธอไม่คิดว่าจู่ๆเทาเท่จะปรากฏตัว ก่อนหน้านั้นเขาบอกวีนาเองว่าจะไม่มาเข้าร่วมงานนี้
หากคืนนี้เทาเท่เมินเธอ เธอคงต้องอับอายขายหน้าเป็นแน่
เพราะเหตุนี้ เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า“ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ”
จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไป อีกทั้งยังหลบเลี่ยงเทาเท่ด้วย
ซูซีที่มาหลบอยู่ในห้องน้ำ สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาพินอิน แต่แล้วพินอินก็ไม่รับสาย ไม่รู้ว่ากำลังเพลินกับชายหนุ่มที่ไหนอยู่
ซูซีรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมนี้ของพินอินมาก แทนที่จะช่วยอะไรได้บ้างกลับทำให้มันยุ่งเหยิงไปอีก
ในเมื่อยังไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง เธอก็จึงทำได้แค่หลบอยู่ในห้องน้ำชั่วคราวไปก่อน ฝืนใจแค่ไหนก็ต้องจำทน ความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อหลินจือก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น
หากเทาเท่มาเพราะหลินจือจริงๆล่ะ……
ซูซีขบริมฝีปากตัวเองแน่น เธอจะให้หลินจือต้องชดใช้
ทางด้านนอก กลุ่มบุคคลอันมีชื่อเสียงที่อยู่กับซูซีเมื่อครู่ เมื่อเห็นเทาเท่เดินมาก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง“ประธานเทาเท่ ซีเธอเพิ่งไปห้องน้ำเมื่อครู่”
สายตาที่เย็นชาของเทาเท่เหลือบมองไปยังผู้หญิงที่พูด แล้วเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจเลยสักนิด
ผู้หญิงคนนั้นพูดกับคนที่อยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจว่า“ เทาเท่เขาเป็นอะไร ? ทำไมทำราวกับฉันไม่ควรเอ่ยชื่อของซูซีต่อหน้าเขาเลย?”
“ใครจะไปรู้” อีกคนพูดขึ้นอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า“ พูดตามตรง ไม่รู้ว่าเทาเท่ไปชอบซูซีได้ยังไง ซูซีทั้งปลอมและร่านขนาดนั้น เขายังจะแต่งเข้าบ้านอีก”
มองออกว่าความสัมพันธ์ทางสังคมของซูซีนั้นแย่มาก คนคนนั้นได้เปิดหัวเรื่องพูดถึงซูซีก่อน จากนั้นก็มีคนพูดขึ้นตาม“ ก็ใช่นะสิ ที่เธอแสดงละครจนโด่งดังได้ ไม่ใช่เพราะมีเทาเท่คอยหนุนหลังอยู่เหรอ?”
ผู้หญิงสวยๆในวงการเยอะแยะขนาดนั้น ซูซีก็ไม่เท่าไรหรอก
ที่ซูซีดังขึ้นมาได้ ก็เพราะบทละครที่เธอได้รับ และบทละครดีๆที่เธอได้ ไม่ใช่เพราะเทาเท่คอยช่วยเหลือเธอถึงได้มันมาหรอกเหรอ ?
แต่ซูซีก็ยังทำเหมือนมีวันนี้ได้เพราะอาศัยความพยายามของตัวเอง คิดว่าตัวเองนั้นมีทักษะการแสดงและความสวยงามจริงๆ
เรื่องของผู้หญิงเทาเท่ไม่อยากจะสนใจ เขาเดินตรงไปหาโซเมน แต่สายตากลับจ้องมองไปยังร่างของหลินจืออย่างไม่วางตา
เธอสวมใส่ชุดเดรสยาวสีดำ ยืนอยู่ข้างเจเทาวน์และกำลังพูดคุยกับกลุ่มคนอื่นอยู่สองสามคน รอยยิ้มบนใบหน้าทั้งสดใสและสว่างไสวสวยงาม
วันนี้เธอกรีดอายไลเนอร์หางตายาว ทำให้ดวงตาของเธอดูสวยและคมขึ้น บวกกับเส้นขอบตาเธอที่ดูชัดเจน นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“นายนี่มันจริงๆเลย——”โซเมนยื่นแก้วเหล้าให้เขา ไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบเปรยเพื่อนเขาคนนี้แล้ว
เขาเพิ่งจะกดส่งข้อความออกไป และหันไปคุยกับคนข้างๆได้แค่ชั่วอึดใจเดียว เทาเท่ก็ตามมาแล้ว นี่มันชัดเจนมากว่าเขายังอาลัยอาวรณ์หลินจืออยู่ ?
เทาเท่ไม่ได้ตอบอะไรเขา ทำเพียงดื่มเหล้าแก้วนั้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา แต่ในวินาทีถัดไปก็ต้องพ่นเหล้าที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปแล้วออกมา
ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใด แต่เพราะทันทีที่หลินจือหันหลังมา เขาก็เห็นแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของเธอ
ตั้งแต่เขาเข้ามาจนถึงตอนนี้ สิ่งที่เขาเห็นคือด้านหน้าของเธอ ชุดเดรสเป็นแบบปกติทั่วไป
ความยาวลากถึงพื้น เดรสแขนกุดที่เปิดไหล่เล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่เขารับได้
แล้วใครมันจะไปคิด ว่าแผ่นหลังของเธอนั้นจะเปลือยเปล่าแบบนี้
สิ่งที่มองเห็นคือความขาวนวล และเนียนเรียบ ทำให้คนจินตนาการไปทั่ว
เทาเท่กำลังโมโหจัด โซเมนก็ตกใจเพราะท่าทีของเขามากเหมือนกัน
ถอยไปก้าวหนึ่งเพื่อหลบเลี่ยงเขา จากนั้นก็พูดด้วยความรังเกียจว่า“ นายเป็นอะไร?”
เมื่อหันไปมองหลินจือที่กำลังหันหลังให้พวกเขา โซเมนก็เข้าใจได้ในทันที“คนเขาใส่แบบนี้แล้วเดินไปทั่วงานเลี้ยงมาแล้ว แต่ฉันว่าก็สุภาพมากแล้ว นายดูที่ผู้หญิงคนอื่นเขาใส่กันสิ”
ในมุมมองของโซเมน ปฏิกิริยาของเทาเท่นั้นตื่นตูมมากเกินไป
เทาเท่ไปร่วมงานเลี้ยงออกบ่อย แค่โชว์แผ่นหลังเท่านั้น นี่มันก็เป็นเรื่องปรกติของผู้หญิงที่ล้วนต่างก็ทำกัน ?
เทาเท่ดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที โดยเฉพาะในบางจังหวะที่เขาเห็นมือของเจเทาวน์โอบไปที่เอวของหลินจืออยู่หลายครั้งเพื่อปกป้องคุ้มครองเธอ
กลับกัน โซเมนยังคงพร่ำพูดไม่หยุดอยู่ข้างๆว่า “แต่แผ่นหลังของหลินจือนั้นยอมเลยจริงๆ ทั้งเกลี้ยงและทั้งชวนลุ่มหลง ”
เทาเท่พูดอย่างไม่พอใจว่า“ เก็บคำพูดลามกของนายด้วย ”
โซเมนไม่รู้อีโหน่อีเหน่“ฉันลามกตรงไหน ? คำพูดนี้ของฉันน่าฟังจะตาย !”
เทาเท่แค่นเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา หากเป็นคนอื่นมาพูดแบบนี้ต่อหน้าเขา เขาคงได้ใช้กำลังไปแล้ว
ไม่สนใจโซเมนอีก เขาถือแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วเดินไปยังที่หลินจือกับเจเทาวน์อยู่
อันที่จริงหลินจือเธอเห็นเทาเท่แล้ว แต่เพราะเธอไม่ต้องการให้เขาเห็นเธอ เธอจึงจงใจหันหลังให้เขา
ในสถานที่แบบนี้ เธอคิดว่าการที่เธอกับเทาเท่ไม่เจอหน้ากันมันจะดีซะกว่า เพื่อต่างคนต่างจะได้ไม่ต้องมาอึดอัด
อีกอย่าง ซูซีกับพินอินก็อยู่ในงานนี้ด้วย เธอไม่อยากจะเจอเทาเท่เลย
แต่หลินจือไม่คิดว่าเทาเท่จะเดินมาหา เธอจึงจำต้องเงยหน้าขึ้นมอง ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เจเทาวน์เป็นฝ่ายเอ่ยทักทายกับเทาเท่และโซเมนที่เดินตามหลังมาก่อน“ประธานเทาเท่ ประธานโซเมน”
“วันนี้เธอสวยมาก”โซเมนเอ่ยชมหลินจืออย่างไม่อ้อมค้อม เรื่องการพูดเอาใจหญิงสาวนั้นมันเป็นสิ่งที่เขาถนัด
หลินจือยกยิ้มและพยักหน้าให้ “ขอบคุณค่ะ”
เทาเท่ที่อยู่ข้างๆกลับยิ้มเยาะออกมา น้ำเสียงมีความไม่พอใจปนอยู่“คุณเป็นนักเขียนบท ไม่ใช่นักแสดง ใส่เสื้อผ้าแปลกๆแบบนี้มาเรียกร้องความสนใจ เพื่ออะไรกัน?”
โซเมนกลอกตาให้กับความไม่เอาไหน และเกือบลมจับเพราะคำพูดของเทาเท่
แน่นอนว่า การพูดเอาใจผู้หญิงนั้นเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง และเทาเท่ ก็เป็นคนที่ไม่สันทัดในด้านนี้เลย
มุมปากเจเทาวน์ยกยิ้ม มองทุกอย่างตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง
หลินจือโกรธมาก มือที่ถือแก้วเหล้าอยู่ก็กำมันแน่น ออกแรงอีกนิดแก้วก็น่าจะแหลกคามือ
อย่างแรกเลย ชุดเดรสของเธอนี้ก็ธรรมดามาก
แค่โชว์แผ่นหลังนิดหน่อย ท่ามกลางผู้หญิงที่ต่างประชันความสวย เธอก็ถือว่าสุภาพมากแล้ว เขากลับว่าเธอใส่ชุดประหลาด ?
ซูซีทั้งเปิดไหล่และโชว์ขาอ่อนแล้วไหนจะคว้านคอลึกอีก ทำไมเขาไม่ไปติติงเธอ ?
หรือเขาไม่กล้า?
เหอะๆ เขาก็กล้ารังแกและกดขี่เธอคนเดียวนี่แหละ คงคิดว่าเธอเป็นคนซื่อที่กลั่นแกล้งได้ง่ายละสิ
ประการที่สอง เขาว่าเธอเรียกร้องความสนใจ ในใจของเขา เธอเป็นผู้หญิงที่ทำทุกอย่างได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?