เล่ม 11 เล่มที่ 11 ตอนที่ 301 ใช้เลือดของข้า

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีไปที่หอโอสถเย่าอันเพื่อเชิญจิ่วหรง เมื่อจิ่วหรงได้ยินซูจิ่นซีบอกว่าคนที่ได้รับพิษคือซูอวี้ แม้จะเป็นเวลาสายมากแล้วหลังจากที่เขานั่งทำการวินิจฉัยเสร็จ แต่เขายังคงไปที่จวนสกุลซู เพื่อดูอาการป่วยของซูอวี้

ตอนที่มาหอโอสถเย่าอันก่อนหน้านี้ แม้ซูจิ่นซีจะเคยเห็นจิ่วหรงรักษาผู้ป่วยแล้ว ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเขาทำงานในระยะใกล้ นางพบว่า แท้จริงแล้วท่วงท่าการทำงานของจิ่วหรงดูดีเป็นอย่างมาก กอปรกับใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นทุนเดิมของเขา ซูจิ่นซีรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร ทว่านางยังคงมองจิ่วหรงตาไม่กะพริบ

หลังจากจิ่วหรงตรวจชีพจรให้ซูอวี้แล้ว เขาก็ใช้นิ้วเคาะไปที่หน้าผากของซูจิ่นซี พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “หากยังมองอีก น้ำลายคงไหลออกมาแล้ว”

ซูจิ่นซีรีบตั้งสติ ใช้มือลูบไปที่ปลายคาง แต่ไม่พบอันใด นางมองจิ่วหรงด้วยสายตาจำยอม ทว่ากลับเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขา

ที่แท้จิ่วหรงก็มีมุมชั่วร้ายเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่เป็นนางเองที่แสดงกิริยาไม่งาม ซูจิ่นซีจึงไม่คิดสนทนาในหัวข้อนี้ให้มากความ นางเปลี่ยนประเด็นถามจิ่วหรง “อาการของอวี้เอ๋อร์เป็นเช่นไร? สามารถกำจัดพิษเผ่าเหมียวในตัวเขาได้หรือไม่? ”

จิ่วหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย ใช้นิ้วดีดไปที่หน้าผากของซูจิ่นซีอีกครั้ง “ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่มีอันใดยากสำหรับอาจารย์”

ซูจิ่นซีก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ ทว่าสีหน้าของนางยากที่จะปกปิดความดีใจเอาไว้ได้ “จิ่วหรง ท่านสามารถถอนพิษเผ่าเหมียวในตัวอวี้เอ๋อร์ได้จริงๆ หรือ? ”

ทว่าจิ่วหรงกลับส่ายศีรษะพูดว่า “ถอนไม่ได้! ”

ถอนไม่ได้!

นี่หมายความว่าอย่างไร?

เดี๋ยวบอกว่าไม่มีอันใดยากสำหรับอาจารย์ เดี๋ยวพูดว่าถอนพิษไม่ได้ นี่มันขัดแย้งกันเองไม่ใช่หรือ?

“พิษเผ่าเหมียวนี้ทำมาจากหนอนชนิดหนึ่งในแคว้นไหวเจียง การถอนพิษหนอนกู่เผ่าเหมียวนั้นไม่ยาก แต่ส่วนที่ยากคือ จำเป็นต้องใช้เลือดของคนเลี้ยงเท่านั้น

ทักษะการเลี้ยงหนอนกู่เผ่าเหมียวของแคว้นไหวเจียงมีความซับซ้อนและใช้กันอย่างแพร่หลาย หนอนกู่บางชนิดเลี้ยงด้วยเลือดของมนุษย์เพียงคนเดียว และหนอนกู่บางชนิดเลี้ยงด้วยเลือดของมนุษย์หลายคน หากต้องการหาเลือดคนเลี้ยงหนอนกู่คงเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก ดังนั้นอาจารย์จึงบอกว่า พิษเผ่าเหมียวนี้ไม่มีอันใดยากสำหรับอาจารย์ แต่อาจารย์ถอนพิษไม่ได้”

เรื่องนี้จัดการยากจริงๆ

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเป็นเกลียวด้วยความเคร่งเครียด

ไม่ต้องเอ่ยถึงเลือดคนหลายคนที่ใช้เลี้ยงหนอนกู่เลย กระทั่งเลือดของคนเลี้ยงหนอนกู่เพียงคนเดียว ซูจิ่นซีกับพวกคิดจะตามหาก็ยากมากแล้ว

หมอพิษที่เป็นลูกสมุนของกูสือซานเป็นผู้เลี้ยงหนอนกู่ชนิดนี้และเป็นผู้ใส่มันลงไปในตัวของซูอวี้ ส่วนหมอพิษผู้นั้นมีวิธีการเลี้ยงอย่างไร เลี้ยงโดยใช้เลือดของคนกี่คน มีเพียงหมอพิษของกูสือซานเท่านั้นที่รู้ แม้ตอนนี้ซูจิ่นซีกับพวกจะตามหากูสือซานจนพบ และบีบบังคับกูสือซาน ก็ไม่แน่ว่าเขาจะยอมบอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ตอนนี้นางไม่รู้ว่าพวกเขาหลบหนีไปอยู่ที่ใด จะไปตามหากูสือซานที่ใด

“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่? หรือว่าใช้สมุนไพรชนิดอื่นทดแทน? ”

จิ่วหรงส่ายศีรษะ “หลักในการปรุงพิษเผ่าเหมียวของแคว้นไหวเจียง ไม่เหมือนกับหลักในการปรุงยาพิษ”

ควรทำอย่างไร?

ซูจิ่นซีทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ด้วยความสิ้นหวัง ในความคิดของนางปรากฏภาพใบหน้าของซูอวี้ ที่แม้ตนเองจะเจ็บปวดเพียงใด แต่ยังแสดงออกอย่างเข้มแข็งอดทน เด็กน้อยที่รู้ความเช่นนี้ อายุยังไม่ถึงแปดปี กลับดูแลกิจการขนาดใหญ่ของสกุลซูได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเด็กที่รู้จักหนักเบา รู้จักแยกแยะมีเหตุมีผล ซูจิ่นซีชื่นชอบเด็กคนนี้อย่างมาก

นางไม่ยอมให้ซูอวี้เป็นอันใดไปเด็ดขาด

ขณะที่กำลังนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ดวงตาของซูจิ่นซีพลันหยุดมองที่ปลายนิ้วตนเอง และไม่รู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ แววตาจึงเปล่งประกายเช่นนี้

“หากหาเลือดของคนเลี้ยงหนอนกู่มาแล้ว จะถอนพิษอย่างไร? ”

จิ่วหรงไม่ถามอันใด เพียงบอกรายละเอียดและวิธีการถอนพิษให้กับซูจิ่นซีรอบหนึ่ง

ซูจิ่นซีพยักหน้า “ขอบคุณท่านจิ่วหรงมาก อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ท่านช่วยเหลือข้าได้มากทีเดียว”

“เจ้าแสดงความขอบคุณอาจารย์ให้ดีหน่อยเถิด” จิ่วหรงใช้นิ้วดีดไปที่หน้าผากซูจิ่นซีอีกครั้ง

ซูจิ่นซีรู้สึกเจ็บ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย

หลังจากจิ่วหรงออกไปแล้ว ซูจิ่นซีก็เดินไปที่ห้องของซูอวี้เพียงลำพัง นางสั่งให้ฮูหยินปี้กับคนรับใช้ออกไปทั้งหมด

ซูจิ่นซีเดินไปข้างเตียงนอนของซูอวี้ แม้ซูอวี้ยังคงหลับสนิท ทว่าเขากลับขมวดคิ้วแสดงถึงอาการเจ็บปวด

ซูจิ่นซีเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง นางหยิบถ้วยสะอาดมาหนึ่งใบและหยิบเข็มเงินออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นจึงแทงเข็มไปที่ปลายนิ้วและใช้ถ้วยสะอาดรองรับเลือดของนาง

ใช่แล้ว ซูจิ่นซีคิดจะลองใช้เลือดของนาง

แม้ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ผลหรือไม่ แต่ซูจิ่นซีรู้สึกว่าอาจมีโอกาสถอนพิษได้

ซูจิ่นซีไม่รู้ว่า เหตุใดเลือดของนางจึงมีคุณสมบัติพิเศษกว่าของผู้อื่น ทว่าเลือดของนางเคยช่วยชีวิตฮองเฮา ทั้งยังเคยใช้ในการถอนพิษให้เยี่ยโยวเหยาหลายครั้งแล้ว

นางหวังว่า ครั้งนี้จะมีผลลัพธ์เหมือนกับการใช้เลือดของคนเลี้ยงหนอนกู่พิษผู้นั้น

หลังจากเก็บเลือดได้ครบแล้ว ซูจิ่นซีจึงทำให้เลือดกลายเป็นเม็ดเลือด จากนั้นก็เตรียมด้ายแดงหนึ่งเส้น ปลายด้ายด้านหนึ่งผูกไว้กับเข็มเงิน ปลายด้ายอีกด้านวางในเม็ดเลือด

จากนั้นซูจิ่นซีก็เดินไปถอดเสื้อผ้าของซูอวี้

ก่อนหน้านี้ นางไม่เคยตรวจดูร่างกายของซูอวี้เลย หลังจากถอดเสื้อผ้าออกแล้ว ก็ปรากฏว่ามีบางอย่างที่มีรูปร่างกลมๆ เล็กๆ ขยับเขยื้อนอยู่ที่ท้องของซูอวี้ เมื่อเจ้าตัวนี้ขยับ ก็ทำให้ท้องของซูอวี้โตขึ้นเหมือนซาลาเปาก้อนใหญ่ที่ขยับขึ้นลง

เจ้าตัวนี้คงเป็นหนอนกู่พิษที่จิ่วหรงเอ่ยถึง

ไม่คิดว่าวิชาแพทย์ของจิ่วหรงจะร้ายกาจดั่งตาทิพย์ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ตรวจดูบริเวณท้องของซูอวี้แม้แต่น้อย แต่ยังสามารถวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากหนอนกู่พิษเผ่าเหมียว เขาช่างร้ายกาจมากจริงๆ

ซูจิ่นซีตกตะลึงกับวิชาแพทย์ของจิ่วหรง ทว่านางยังไม่ลืมงานสำคัญที่อยู่ตรงหน้า

ซูจิ่นซีใช้เข็มเงินขยายปากแผลบนนิ้วมือ รอจนปากแผลมีเลือดไหลออกมามากขึ้น จึงค่อยๆ ยื่นนิ้วมือเข้าไปใกล้บริเวณท้องของซูอวี้ที่มีหนอนกู่พิษ

เริ่มแรก หนอนกู่พิษยังคงมีสภาพเหมือนก่อนหน้านี้ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ทว่าภายในเวลาอันรวดเร็ว จากที่มันสงบนิ่ง เมื่อซูจิ่นซียกนิ้วออก หนอนกู่พิษก็คลุ้มคลั่งขึ้นอีกครั้ง

ใบหน้าของซูจิ่นซีปรากฏความดีใจ สถานการณ์เช่นนี้สามารถยืนยันได้ว่า เลือดของนางมีผลต่อหนอนกู่พิษอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องที่ว่า มันสามารถทดแทนเลือดของคนเลี้ยงหนอนกู่พิษ และถอนพิษเผ่าเหมียวของซูอวี้ได้หรือไม่นั้น ยังไม่แน่ใจ ต้องทดลองถึงจะรู้

ซูจิ่นซีเปลี่ยนท่าทีเป็นเอาจริงเอาจังอย่างมาก

ภายในห้องตอนนี้มีเพียงนาง ด้านข้างไม่มีผู้ช่วย นางต้องทำเรื่องทั้งหมดเพียงลำพัง ทว่าการเคลื่อนไหวของนางกลับคล่องแคล่วอย่างยิ่ง ทั้งยังทำเป็นลำดับขั้นตอนอย่างมีสมาธิ ไม่มีท่าทีหวาดกลัวลุกลี้ลุกลนแต่อย่างใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่ซูจิ่นซีค่อยๆ แทงเข็มเงินที่ผูกติดอยู่กับด้ายแดงเข้าไปในท้องของซูอวี้ แววตาของนางสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

สิ่งนี้คือความเคยชินในอาชีพที่สั่งสมมานานหลายปี

เข็มเงินเกือบทั้งเล่มแทงเข้าไปในท้องของซูอวี้ ความยาวของเข็มเงินราวครึ่งไม้บรรทัด ตำแหน่งของด้ายสีแดงที่ผูกอยู่ด้านนอกเผยให้เห็นเพียงนิ้วมือของซูจิ่นซีเท่านั้น ซูอวี้รู้สึกเจ็บจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย

การเคลื่อนไหวของซูจิ่นซีคล่องแคล่วต่อเนื่องกัน นางค่อยๆ ขยายด้ายแดง ขณะเดียวกันก็หยดน้ำยาชนิดหนึ่งลงไปบนด้ายแดง จากนั้นจึงบีบเม็ดเลือดที่อยู่อีกด้านเบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็หยิบกล่องใบเล็กขนาดเท่าตลับแป้งชาดเตรียมไว้

ไม่มีผู้ใดเคยถอนพิษด้วยวิธีเช่นนี้มาก่อน

ซูจิ่นซีใช้วิธีนี้ สามารถถอนพิษเผ่าเหมียวให้ซูอวี้ได้จริงหรือ?