ซูจิ่นซีตั้งสมาธิจ้องด้ายแดงบนมือ
เริ่มแรก ด้ายแดงไม่มีการเคลื่อนไหว รอยนูนบนท้องของซูอวี้ค่อยๆ เคลื่อนที่อย่างเชื่องช้ามาทางตำแหน่งเข็มเงิน เข็มเงินที่ผูกติดกับด้ายแดงจึงเริ่มขยับ
ใบหน้าของซูจิ่นซีปรากฏความตื่นเต้น เมื่อเห็นการตอบสนองเช่นนี้ ในใจของนางยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม นางยกยิ้มมุมปากด้วยความดีใจ ทว่าในใจกลับไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้เพราะเหตุใด ด้ายแดงจึงไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว รีบเปิดปากแผลบนนิ้วมือให้ใหญ่ขึ้น และมัดด้ายแดงอีกด้านกับนิ้วที่มีบาดแผล
ในที่สุดด้ายสีแดงก็มีการเคลื่อนไหว หนอนพิษที่สงบนิ่งไปแล้ว กลับคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง ซูจิ่นซีตั้งสมาธิไม่กล้าละสายตา นางจับจ้องไปที่ด้ายสีแดง เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของหนอนพิษบริเวณท้องของซูอวี้
ต่อมามีเสียงกัดแทะค่อยๆ ดังขึ้นบริเวณท้องของซูอวี้ ตรงตำแหน่งที่เข็มเงินแทงเข้าไปในท้องถูกหนอนพิษกัดแทะจนเป็นรูขนาดเล็ก
ซูจิ่นซีเห็นภาพที่น่าตกใจ หนอนตัวเล็กสีเลือดคล้ายหนอนดักแด้ค่อยๆ คลานออกมาจากแผลที่ท้องของซูอวี้อย่างเชื่องช้า
ตอนที่มันโผล่ศีรษะออกมาจากปากแผล ก็ยังกัดแทะเนื้อบริเวณโดยรอบ
เดิมทีหนอนพิษตัวนี้ไม่กินเนื้อ ทว่ามันคงถูกกระตุ้นจากเลือดของซูจิ่นซี จึงทำให้มันกินเนื้อ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ตอนนี้ซูจิ่นซีประหม่ายิ่งนัก เพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด หนอนพิษที่อยู่ในร่างกายซูอวี้ออกมาแล้ว และตอนนี้ต้องไม่ให้มีการกระตุ้นใดๆ เกิดขึ้น หากหนอนกู่พิษได้รับแรงกระตุ้นหรือตกใจจากสภาพแวดล้อมภายนอกเมื่อใด มันจะหดตัวกลับลงไปในท้องของซูอวี้อีกครั้ง หากคิดจะล่อให้มันออกมาอีกคงยากแล้ว
ซูจิ่นซีนิ่งเงียบ ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย หนอนพิษค่อยๆ คลานออกมานอกร่างกายซูอวี้ จนออกมาอยู่นอกท้องของซูอวี้ทั้งตัว
เหมือนว่าหนอนพิษจะไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทว่ามันยังไม่สามารถควบคุมตนเองจากเลือดของซูจิ่นซีที่นำมาล่อได้ กอปรกับน้ำยาชนิดพิเศษที่ทาลงบนด้ายแดง ซึ่งมีฤทธิ์ในการดึงดูดมัน หนอนพิษค่อยๆ กินน้ำยาบนด้ายแดง และค่อยๆ คลานเข้าไปใกล้นิ้วมือของซูจิ่นซี
ตอนนี้ซูจิ่นซีเห็นรูปร่างของหนอนพิษตัวนี้ได้อย่างชัดเจน หากบนตัวมันไม่มีคราบเลือด รูปร่างและขนาดของมันก็เหมือนหนอนไหม ยกเว้นที่ตัวของมันใสราวกับกระจก ทั้งยังโปร่งแสง หากก่อนหน้านี้มันไม่ได้กินเนื้อและเลือดเข้าไป รูปร่างภายนอกของมันก็ดูงดงามทีเดียว
ขณะที่หนอนพิษเคลื่อนเข้ามาใกล้นิ้วมือของซูจิ่นซี เป็นช่วงเวลาที่ซูจิ่นซีตื่นเต้นมากที่สุด
เนื่องจากบนนิ้วมือของนางมีบาดแผล ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากจัดการไม่ถูกต้อง มีความเป็นไปได้ที่หนอนพิษจะถูกดึงเข้าไปในร่างของนาง ดังนั้นนางต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ดวงตางดงามทั้งสองของซูจิ่นซี จับจ้องไปที่หนอนพิษโดยไม่กะพริบ
เมื่อหนอนพิษอยู่ห่างจากนิ้วมือของซูจิ่นซีราวหนึ่งนิ้ว ซูจิ่นซีก็ยกมืออีกข้างที่ถือกล่องใบเล็กไว้นานแล้ว จับหนอนพิษใส่ไว้ในกล่องใบเล็กนั้นทันที จนเกิดเสียงดัง ‘พับ’
ในที่สุด หนอนพิษที่อยู่ในท้องของซูอวี้ก็ถูกจับออกมาได้แล้ว ทั้งยังสามารถเก็บเข้ามาในกระเป๋าของนางได้อีกด้วย ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างดีใจในชัยชนะครั้งนี้
นางเปิดช่องเล็กๆ บนกล่องเพื่อดูมัน เมื่อหนอนพิษไม่ได้กินเลือดของซูจิ่นซี อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มันจึงเกิดอาการคลุ้มคลั่ง
“อยู่ในกล่องให้ดีๆ นะเจ้าตัวน้อย ต่อไปเมื่ออยู่กับข้า เจ้าจะได้กินของอร่อยยิ่งกว่าเมื่อก่อนแน่นอน” ซูจิ่นซีพูดพลางหยิบเม็ดเลือดที่ตนเองทำขึ้นใส่เข้าไปในกล่อง
เมื่อหนอนพิษได้กลิ่นเลือดของซูจิ่นซี ก็พุ่งเข้าไปหาอย่างบ้าคลั่ง พลางกัดกินเม็ดเลือดอย่างเอร็ดอร่อย ซูจิ่นซีเผยรอยยิ้มพอใจ ก่อนจะวางกล่องไว้ด้านข้าง
หนอนพิษออกมาจากร่างกายของซูอวี้แล้ว ตอนนี้ซูอวี้ไม่เป็นอันใดแล้ว ทว่าบาดแผลที่ถูกหนอนพิษกัดแทะจะต้องรีบทำแผลในทันที มิฉะนั้นจะมีอันตรายถึงชีวิต
ซูจิ่นซีรีบให้ยาห้ามเลือดและเย็บบาดแผล เมื่อตรวจชีพจรจนยืนยันได้ว่าซูอวี้พ้นขีดอันตรายแล้ว นางจึงเดินออกจากห้อง
ฮูหยินปี้เป็นห่วงบุตรชายอย่างมาก นางยืนรออยู่หน้าประตูตลอด ไม่มีท่าทีผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย เมื่อเห็นซูจิ่นซีเดินออกมา ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
“พระชายา อาการของอวี้เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างเพคะ? ”
ซูจิ่นซียกกล่องใบเล็กในมือขึ้นมา “เอาหนอนพิษออกมาจากร่างกายของอวี้เอ๋อร์ได้แล้ว นับได้ว่าพิษเผ่าเหมียวนี้ถูกกำจัดแล้ว แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาถูกหนอนพิษตัวนี้กัดกินไปไม่น้อย ทำให้ร่างกายอ่อนแอมาก ต้องพักรักษาตัวให้ดีๆ ”
ซูจิ่นซีเอาหนอนพิษออกมาจากท้องของซูอวี้แล้วหรือ? ต้องผ่าท้องจึงจะทำได้ไม่ใช่หรือ?
แม้ฮูหยินปี้จะเป็นหมอเช่นกัน ทว่านางยังไม่เคยพบกับปัญหาทางการแพทย์เช่นนี้ ทุกคนต่างทราบดี เมื่อใดที่ต้องผ่าท้องเพื่อทำการรักษา น้อยคนนักที่จะรอดชีวิต
ซูจิ่นซีเห็นสีหน้าฮูหยินปี้ซีดเผือด จึงรีบพูดอธิบายว่า “วางใจได้ หนอนพิษคลานออกมาจากท้องของอวี้เอ๋อร์เอง ข้าเพียงใช้เทคนิคบางอย่าง เขาไม่เป็นอันใดแล้ว! ”
ฮูหยินปี้ไม่ทันได้ใส่ใจคำพูดเหล่านี้ นางรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อดูอาการของซูอวี้
พระจันทร์ลอยเด่น ดวงดาวเคลื่อนคล้อย ก่อนหน้าที่ซูจิ่นซีจะเข้าไปในห้องเพื่อถอนพิษให้กับซูอวี้ยังเป็นตอนกลางวัน คิดไม่ถึงว่าเมื่อนางเดินออกมา ฟ้าก็มืดแล้ว
ซูจิ่นซีถือกล่องใบเล็กที่มีหนอนพิษ เดินกลับไปทางเรือนฮั่นเซียงอย่างเชื่องช้า พลางครุ่นคิดว่าหลังจากนี้จะใช้วิธีใดเพื่อฝึกฝนหนอนพิษตัวนี้
พิษเผ่าเหมียวนับได้ว่าเป็นหนึ่งในพิษที่ร้ายกาจ ในเมื่อนางศึกษาด้านวิชาพิษ แน่นอนว่าต้องฉวยโอกาสนี้เพื่อศึกษาพิษเผ่าเหมียวของแคว้นไหวเจียงให้ได้
ซูจิ่นซีสนใจแต่หนอนพิษ นางเดินไปข้างหน้าและครุ่นคิดอยู่แต่ในโลกของนางโดยไม่หันหลังกลับไปมอง ทั้งยังไม่รู้ว่า บนหลังคาที่อยู่ด้านหลังนาง มีบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ด้วยท่วงท่าประหนึ่งเทพเซียน ชุดขาวของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลม
จิ้งจอกน้อยในแขนเสื้อ โผล่ศีรษะออกมาร้อง ‘จี๊ด จี๊ด จี๊ด’ เรียกซูจิ่นซีครั้งแล้วครั้งเล่า จิ่วหรงเองก็จับศีรษะจิ้งจอกน้อยให้กลับเข้าไปในแขนเสื้ออย่างอ่อนโยนครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่จิ่วหรงบอกวิธีถอนพิษเผ่าเหมียวให้ซูจิ่นซี เขาก็ไม่ได้จากไปไหน ทว่ายืนอยู่บนหลังคาห้อนนอนของซูอวี้ ตอนที่ซูจิ่นซีทำการถอนพิษ เขาเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังเห็นกระบวนการถอนพิษของซูจิ่นซีทุกขั้นตอน รวมถึงเรื่องที่ซูจิ่นซีใช้เลือดของตนในการรักษา
เวลานี้ เขาสามารถยืนยันสายเลือดของซูจิ่นซีได้อย่างชัดเจน
ซูจิ่นซีคือคนที่เขาตามหา
เช้าวันถัดมา หลังจากที่ซูจิ่นซีตื่นขึ้น ฮูหยินปี้ได้ส่งคนมารายงานว่าซูอวี้ฟื้นแล้ว
ซูจิ่นซีได้ยินก็ดีใจเป็นอย่างมาก ทว่ายังมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ นางจึงไม่ได้ไปเยี่ยมซูอวี้
ขณะที่ซูจิ่นซีเดินออกจากจวนสกุลซู นางก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้พบกับคนผู้หนึ่ง นางคือบุตรีของแม่ทัพใหญ่หลาน หรือผู้ป่วยที่ซูอวี้รักษาจนหายเมื่อครั้งที่เขาแข่งขันคัดเลือกผู้สืบทอดคนต่อไปของสกุลซู และยังเป็นคนที่รับคำสั่งจากเยี่ยโยวเหยาให้มาฟ้อนรำถวายพระพรในงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพขององค์ไทเฮา นางก็คือ หลานเยวี่ยหลี
“ข้าน้อยหลานเยวี่ยหลี ถวายพระพรพระชายาเพคะ”
อย่างไรเสีย สกุลหลานก็เป็นคนของเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีในฐานะที่เป็นพระชายาโยวอ๋อง เมื่ออยู่ต่อหน้าคนจากสกุลหลานจึงมีสถานภาพที่สูงศักดิ์ ด้วยเหตุนี้เมื่อหลานเยวี่ยหลีพบซูจิ่นซี จึงต้องคำนับแสดงความเคารพนบนอบ