เล่ม 11 เล่มที่ 11 ตอนที่ 303 ไม่ได้ปรนนิบัตินานมากแล้ว

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ไม่ว่าหลานเยวี่ยหลีจะแสดงท่าทางสุขุมเมื่ออยู่ต่อหน้าซูจิ่นซีเช่นไร ทว่าในสายตาของซูจิ่นซี นางก็เป็นเช่นเดียวกับซูอวี้ เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง

“เยวี่ยหลี เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ? ”

เมื่อซูจิ่นซีถาม หลานเยวี่ยหลีทำเพียงก้มศีรษะ ยืนอ้ำอึ้งอยู่นาน และไม่พูดอันใดออกมา

แต่สาวรับใช้ด้านหลังของเยวี่ยหลีใจกล้ากว่า นางพูดขึ้นว่า “ทูลพระชายา คุณหนูของเราได้ยินว่าคุณชายน้อยอวี้ได้รับพิษ พอดีในจวนของเรามีสมุนไพรชั้นดีจำนวนหนึ่ง จึงตั้งใจนำมามอบให้คุณชายน้อยอวี้เพคะ”

มาเยี่ยมซูอวี้?

ซูจิ่นซีอดขมวดคิ้วไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีพบว่า ยิ่งนางมองหลานเยวี่ยหลีเท่าไร หลานเยวี่ยหลีก็ยิ่งก้มหน้าลงต่ำมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งแก้มของนางยังแดงระเรื่อ

ซูจิ่นซีราวกับคิดอันใดขึ้นมาได้ทว่านางก็ปฏิเสธในใจอย่างรวดเร็ว

เป็นไปไม่ได้!

เป็นไปไม่ได้!

เพิ่งจะอายุเพียงเท่านี้?

ยังเป็นเด็กกันทั้งคู่ จะมีอันใดได้อย่างไร?

“พระชายา คุณชายน้อยอวี้อาการเป็นอย่างไรบ้างเพคะ? ”

หลานเยวี่ยหลีทนไม่ไหวที่ถูกซูจิ่นซีจ้องเช่นนั้น ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมาถามซูจิ่นซี แก้มทั้งสองข้างแดงดั่งผลไม้สุก

เมื่อเห็นใบหน้าของหลานเยวี่ยหลี ซูจิ่นซีก็ขมวดคิ้วเป็นเกลียว ทว่าการแสดงออกบนใบหน้ายังปรากฏความเมตตา นางพูดว่า “ดีขึ้นแล้ว พิษถูกกำจัดพิษออกทั้งหมด ตอนนี้เขาฟื้นแล้ว เจ้าจะเข้าไปเยี่ยมเขาด้านในหรือไม่? ”

“ไม่เป็นไร เพคะ”

หลานเยวี่ยหลีรีบหยิบหีบในมือสาวรับใช้ ยื่นให้ลวี่หลีที่ยืนอยู่ด้านหลังซูจิ่นซี “ข้าน้อยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า วันนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ตอนนี้ต้องรีบไปแล้วเพคะ! ข้าน้อยขอรบกวนพระชายานำของไปมอบให้คุณชายน้อยอวี้ด้วยเพคะ”

พูดจบ หลานเยวี่ยหลีก็หันหลังเดินหนีไปทันที

ซูจิ่นซีหันไปมองหีบที่อยู่ในมือของลวี่หลี ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก

เยวี่ยหลีกำลังหนีอันใดหรือ?

หรือจะเป็นจริงเหมือนที่นางคาดเดาก่อนหน้านี้?

โดยไม่คาดคิด คำพูดของลวี่หลีได้คลายข้อสงสัยภายในใจของซูจิ่นซี

“คุณหนู บ่าวคิดว่า! เป็นไปได้มากที่คุณหนูหลานเยวี่ยหลีจะสนใจในตัวคุณชายน้อยอวี้เพคะ บ่าวได้ยินแม่นมเจิ้งบอกว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณชายน้อยอวี้อยู่ที่หอโอสถ คุณหนูหลานเยวี่ยหลีมักจะมาอยู่ที่หอโอสถด้วยทั้งวัน! ทั้งยังช่วยคุณชายน้อยอวี้ตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเพคะ”

ซูจิ่นซีคิ้วกระตุก แม้หลานเยวี่ยหลีจะเดินลับสายตาไปแล้ว ทว่าซูจิ่นซียังคงมองไปในทิศทางที่นางเดินจากไป

รักก่อนวัย!!!

คนหนึ่งแปดปี อีกคนเจ็ดปี เริ่มมีความรักกันแล้วหรือ?

ตอนที่ซูจิ่นซีอายุเจ็ดปี นางยังไร้เดียงสา ไม่รู้อะไรเลย ทั้งวันเล่นแต่ของเล่นกับเจ้าสี่ตาเพื่อนข้างบ้าน ทั้งยังไม่มีความรู้สึกรักใคร่อันใดแม้แต่น้อย!

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองตรึกตรองดู ซูจิ่นซีคิดว่าตนคิดมากเกินไป

เด็กเล็กในสมัยโบราณมีคุณภาพและเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว มีหลายคนที่ทำงานได้ตั้งแต่ยังเด็ก

เช่น จักรพรรดิซุ่นจื้อ [1] ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่หกชันษา จักรพรรดิคังซีขึ้นครองราชย์ตั้งแต่แปดชันษา เฉาชงอายุเพียงแปดปีก็สามารถคิดหาวิธีชั่งน้ำหนักช้างได้แล้ว และจักรพรรดิเว่ย์เต้าอู่ พระนามเดิม ทั่วป๋ากุย เมื่อมีพระชนมายุได้แปดชันษาก็เริ่มวางแผนโครงสร้างให้เผ่าเห้อหลานทั้งเผ่า พอสิบหกชันษาก็ทำสงครามปราบแว่นแคว้นต่างๆ เป็นปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เว่ยเหนือ

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ตอนนี้ซูอวี้จะอายุเพียงแปดปี ทว่าเขาเป็นถึงผู้นำสกุลซู ทั้งยังมีชื่อเสียงเลื่องลือ มีพรสวรรค์ทางการแพทย์ ผู้คนทั่วทั้งแคว้นจงหนิงต่างยอมรับ ส่วนหลานเยวี่ยหลีเอง ตระกูลหลานย่อมตั้งใจอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี อีกทั้งเยี่ยโยวเหยายังให้ความสำคัญ เด็กน้อยเหล่านี้ต่างเกิดมาพร้อมกับภาระที่หนักอึ้ง ถือเป็นเด็กเก่งกาจทั้งคู่

จะว่าไปแล้ว เด็กเล็กในยุคสมัยโบราณ เทียบกับเด็กในยุคสมัยปัจจุบันไม่ได้

ในฐานะพี่สาว ดูเหมือนนางจะละเลย นางควรมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ซูอวี้ถึงจะถูก

ซูจิ่นซีคิดพลางสั่งให้ลวี่หลีมอบหีบใบนั้นให้คนเฝ้าประตู สั่งให้นำไปวางไว้ที่ห้องของนางก่อน

หลังจากที่ซูจิ่นซีออกจากจวนสกุลซู ก็รีบมุ่งหน้าไปจวนหลี่ทันที

ตั้งแต่กลับมาจากหุบผาราชันพิษ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่รีบเร่ง ทว่าซูจิ่นซียังสั่งให้ฮูหยินปี้ส่งคนไปสืบข่าวที่ตำบลผูหลิว ทว่าไม่มีข่าวคราวของฮองเฮาแม้แต่น้อย

วันนั้นตอนที่นางถูกกูสือซานจับตัวไป ฮองเฮายังอยู่บนรถม้า หากตอนนั้นหลี่ซื่อพาหลวงจีนทุศีลมาตามนัด เขาต้องได้พบกับฮองเฮาแล้ว

แม้ซูจิ่นซีจะสามารถช่วยฮองเฮากับหลวงจีนทุศีลได้ แต่นางยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นนางต้องไปสอบถามหลี่ซื่อถึงที่อยู่ของหลวงจีนทุศีลและฮองเฮา

ทว่าเมื่อซูจิ่นซีไปถึงจวนหลี่ นางก็ได้ข่าวว่าหลี่ซื่อไม่ได้กลับจวนหลายวันแล้ว และครั้งสุดท้ายที่คนในจวนเห็นเขา ก็ตรงกับวันที่ซูจิ่นซีนัดพบเขาที่ตำบลผูหลิว

หลังออกมาจากจวนหลี่ ใบหน้าของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความสงสัย

สันนิษฐานจากคำพูดของคนในจวนหลี่ หลี่ซื่อคงพาหลวงจีนทุศีลไปตำบลผูหลิวตามนัด ทว่าเหตุใดถึงไม่มีข่าวคราวของทั้งสามคนเลย?

ในวันนั้น หลังจากที่นางถูกกูสือซานจับตัวไป เกิดอันใดขึ้นกันแน่?

“คุณหนู พวกเรานำเรื่องนี้ไปบอกท่านอ๋องเถิด! เวลานี้ท่านอ๋องกุมอำนาจทั้งราชสำนัก ท่านอ๋องต้องมีวิธีตามหาพวกเขาได้อย่างแน่นอนเพคะ” ลวี่หลีพูด

เรื่องนี้ ซูจิ่นซีเคยคิดมาก่อนเช่นกัน ทว่านางไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเยี่ยโยวเหยาอย่างไร

จนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่เข้าใจว่า เยี่ยโยวเหยารู้ได้อย่างไรว่านางถูกกูสือซานจับตัวไป ยังมีเรื่องที่ตำบลผูหลิว เรื่องของฮองเฮากับหลวงจีนทุศีล และเรื่องที่นางปกปิดเขา เขารู้หรือไม่กันแน่? หากเขารู้ เขารู้มากเพียงไร?

นอกจากนั้น ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าควรเริ่มอธิบายตรงไหนก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองดูคลุมเครือ ยิ่งนางอยู่กับเขา นางยิ่งมองความคิดของเขาไม่ออก

แล้วเยี่ยโยวเหยาเล่า? เขามองนางเป็นเช่นไรกันแน่?

ในใจซูจิ่นซีรู้สึกสับสนและคิดไม่ตก ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เตรียมตัวเตรียมใจกลับไปที่จวนโยวอ๋อง เพื่ออธิบายเรื่องทุกอย่างให้เยี่ยโยวเหยาเข้าใจ

เรื่องมากมายระหว่างพวกเขา ต้องมีใครสักคนเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนถึงจะถูก

เมื่อซูจิ่นซีกลับมาถึงจวนโยวอ๋อง ก็ได้กลิ่นประหลาดบางอย่าง

แม่นมฮวายืนอยู่หน้าประตูเรือนอวิ๋นไคด้วยท่าทีลำบากใจ เมื่อเห็นซูจิ่นซีเดินมาก็ก้มหน้าลงต่ำ

“แม่นมฮวา เจ้ากำลังทำอันใด? ”

แม่นมฮวามีท่าทีหวาดกลัวซูจิ่นซี “พระชายา หากบ่าวบอกไป พระชายาอย่าโกรธนะเพคะ ท่านอ๋อง… ท่านอ๋องสั่งให้พ่อบ้านไปซื้อแม่ไก่มาสิบกว่าตัวเพคะ สั่งให้บ่าวทำน้ำแกงไก่ตุ๋นให้พระชายาดื่ม บ่าว… บ่าวไม่ได้ตั้งใจพูดขึ้นต่อหน้าพระชายานะเพคะ”

ก่อนหน้านี้แม่นมฮวาเคยถูกซูจิ่นซีตักเตือนไปแล้ว นางจำขึ้นใจว่า ห้ามพูดคำว่า ‘น้ำแกงไก๋ตุ๋นโสม’ เด็ดขาด นางไม่เคยเอ่ยคำนี้ต่อหน้าซูจิ่นซีมานานแล้ว

น้ำแกงไก่ตุ๋นโสม?

เยี่ยโยวเหยา เขากำลังคิดจะทำอันใด?

ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว หันหน้ามองไปทางตำหนักฝูอวิ๋น

ขณะเดียวกัน แม่นมฮวาเงยหน้าขึ้นมองซูจิ่นซีอย่างระมัดระวัง ด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

พระชายาผู้น่าสงสาร…

ช่วงเวลาที่ผ่าน ท่านอ๋องยุ่งอยู่กับราชกิจในราชสำนัก จากนั้นพระชายาก็ถูกคนลักพาตัวไป ท่านอ๋องไม่มีเวลาดูแลเอาอกเอาใจนางเลย

ในที่สุดก็มีเวลาเช่นนี้ ท่านอ๋องจึงใช้โอกาสนี้บำรุงร่างกายของพระชายา จากนั้นก็…

แหะ แหะ อย่างไรเสีย ท่านอ๋องกับพระชายาก็ยังหนุ่มยังสาว! ย่อมมีความต้องการทางอารมณ์สูงเป็นเรื่องธรรมดา

ทว่า…

แม่นมฮวาอดขมวดคิ้วไม่ได้ ท่านอ๋องก็ปรนนิบัติพระชายามานาน ตามหลักแล้วพระชายาควรทรงพระครรภ์นานแล้วไม่ใช่หรือ!

เหตุใดท้องของนางถึงไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงเลยเล่า?

แม่นมฮวาคิดพลางมองไปที่ท้องของซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีไม่ได้สนใจอันใดมาก “จะตุ๋นก็ตุ๋นไปเถิด! อย่าลืมทำสำรับมื้อค่ำวันนี้ให้มากสักหน่อย ข้าจะเสวยร่วมกับท่านอ๋อง”

“ได้เพคะ บ่าวจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้”

พระชายาไม่ต่อต้านน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมแล้ว นางดีใจเป็นอย่างมาก!

แม่นมฮวารีบวิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อตุ๋นน้ำแกงต่อ นอกจากนั้น ในครั้งนี้นางยังได้ใส่ของพิเศษบางอย่างลงไปในน้ำแกงอีกด้วย

……

เชิงอรรถ

[1] จักรพรรดิซุ่นจื้อ เป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ชิง และเป็นจักรพรรดิราชวงศ์ชิงพระองค์แรกที่ได้ครองสิบแปดมณฑล (十八行省) เสวยราชย์ในช่วง ค.ศ. 1644–1661 ที่ประชุมราชวงศ์เลือกพระองค์ขึ้นสืบราชย์ต่อจากหฺวังไท่จี๋ (皇太極) พระบิดา ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1643 เวลานั้นพระองค์มีพระชนมายุ 6 ชันษา จึงต้องมีผู้สำเร็จราชการแทน คือ ตัวเอ๋อร์กุ่น (多爾袞) พระโอรสของหนูเอ่อร์ฮาชื่อ (努爾哈赤) ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์ชิง และจี้เอ่อร์ฮาหลาง (濟爾哈朗) พระนัดดาของหนูเอ่อร์ฮาชื่อ หลังสวรรคต เสวียนเย่ (玄燁) พระโอรสพระองค์ที่ 3 จึงได้สืบราชสมบัติต่อเป็นจักรพรรดิคังซี (康熙帝) ที่ทุกคนรู้จักกัน