หลังตุ๋นน้ำแกงไก่เรียบร้อยแล้ว แม่นมฮวาก็ยกไปที่โต๊ะสำรับอาหารของซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา
เมื่อเห็นน้ำแกงไก่นั้น ซูจิ่นซีก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นคำสั่งของเยี่ยโยวเหยาหรือเป็นแม่นมฮวาที่คิดทำขึ้นเองโดยพลการ ในน้ำแกงยังใส่สิ่งที่เป็นยาประเภทยาปลุกกำหนัดลงไปอีกด้วย
“แหะ แหะ พระชายา พระองค์เสวยมากหน่อยนะเพคะ บ่าวตั้งใจตุ๋นถึงสองชั่วยาม! เคี่ยวจนเนื้อนุ่มทีเดียวเพคะ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น รับถ้วยที่แม่นมฮวายกมาให้ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยื่นถ้วยให้เยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋องทรงช่วยชีวิตหม่อมฉัน คงเหน็ดเหนื่อยมาก ทั้งยังเพิ่งถอนพิษเสร็จ ร่างกายต้องการฟื้นฟู ท่านอ๋อง ท่านก็เสวยให้มากหน่อยเพคะ”
เยี่ยโยวเหยาไม่พูดอันใด ซูจิ่นซีจึงวางถ้วยน้ำแกงไว้ด้านหน้าเยี่ยโยวเหยา
แม่นมฮวาคิ้วกระตุก นางตักน้ำแกงให้ซูจิ่นซีอีกถ้วยหนึ่ง พลางยิ้มแย้มด้วยท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก “ใช่แล้ว ท่านอ๋องควรดื่มให้มากสักหน่อยนะเพคะ”
เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีรับประทานอย่างเงียบงัน ไม่มีใครพูดอันใด
ผ่านไปครู่ใหญ่ แม่นมฮวาไม่เห็นว่าเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีดื่มน้ำแกงไก่แม้แต่น้อย จึงอดพูดเตือนไม่ได้ “ท่านอ๋อง พระชายา น้ำแกงไก่นี้ต้องเสวยตอนที่ยังร้อนๆ จึงจะดีนะเพคะ หากเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
ซูจิ่นซีมีคำถามมากมายในใจ ทว่านางทำเพียงก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยปากขึ้นก่อน
เยี่ยโยวเหยาเอง หลังจากคีบอาหารทานอย่างไม่รีบร้อน ก็ค่อยๆ ยกถ้วยน้ำแกงขึ้นมา
ขณะที่ซูจิ่นซีก้มหน้า นางใช้หางตามองการกระทำของเยี่ยโยวเหยา พลางแอบขมวดคิ้วด่าเยี่ยโยวเหยาในใจไปหนึ่งคำ ‘คนเลว’
เห็นได้ชัดว่าซูจิ่นซีแอบพูดดูหมิ่นอยู่ในใจ ทว่าเยี่ยโยวเหยาทำราวกับได้ยิน เขาหันไปมองซูจิ่นซี ซูจิ่นซีจึงรีบก้มหน้า ง่วนอยู่กับการคีบอาหารเข้าปาก
“จิ่นซี เหตุใดจึงไม่ดื่ม? ”
ซูจิ่นซีตกใจ เงยหน้าขึ้นหัวเราะแหะๆ “วันนี้หม่อมฉันอยากทานน้ำแกงใส น้ำแกงไก่นี้ มันเยิ้มเกินไปเพคะ”
“ข้าก็เหมือนกัน! ”
แม่นมฮวามีท่าทีมึนงง ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้คิดอันใดกันแน่ เสียดายยาปลุกกำหนัดของนาง! นางใช้ความพยายามไปไม่น้อยกว่าจะหามาได้
แม่นมฮวากำลังจะพูดโน้มน้าวเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซี คิดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะขมวดคิ้วเบาๆ พูดว่า “แต่น้ำแกงไก่นี้ใช้โสมไปก็ไม่น้อย หากไม่ดื่มคงน่าเสียดาย”
ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาหมายความว่าอย่างไร จึงไม่ได้พูดอันใด
แม่นมฮวาแย้มยิ้มรีบพูดว่า “ใช่แล้วเพคะ ท่านอ๋อง ครั้งนี้พ่อบ้านเลือกใช้โสมอย่างดี ทั้งยังใช้เงินในจวนไปไม่น้อย! ไม่ควรสิ้นเปลืองนะเพคะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มอบให้เจ้าดื่มเถิด! ”
กระไรนะ?
ซูจิ่นซีที่กำลังคีบอาหารเข้าปาก แทบสำลัก
น้ำแกงไก่ที่ใส่ยาปลุกกำหนัดไม่ใช่คำสั่งของเยี่ยโยวเหยาหรือ? ทว่าเป็นแม่นมฮวาที่ทำเองโดยพลการ
อย่างไรก็ตาม ที่เยี่ยโยวเหยาทำไม่แย่เกินไปหน่อยหรือ? ไม่คิดว่าเขาจะให้น้ำแกงไก่กับแม่นมฮวา
“ท่านอ๋อง… เอ่อ… เอ่อ… ” แม่นมฮวาแสดงท่าทีลำบากใจ
“ทำไม? ไม่อยากดื่มหรือ? ”
“ไม่ใช่ไม่อยากดื่มเพคะ ท่านอ๋อง ความจริงแล้ว… ”
“ในเมื่ออยากดื่ม เช่นนั้นก็มอบให้เจ้าทั้งหมด ดื่มตอนนี้เถิด! ”
แม่นมฮวายังไม่ขยับ การแสดงออกบนใบหน้ายิ่งบูดบึ้งขึ้นเรื่อยๆ
“แม่นมฮวาไม่เต็มใจดื่ม หรือว่าในน้ำแกงไก่นี้เจ้าใส่สิ่งสกปรกอันใดลงไป? ” เยี่ยโยวเหยาถามด้วยแววตาดุดัน
แม่นมฮวาหัวใจเต้นแรง เมื่อเห็นแววตาของเยี่ยโยวเหยาก็ตกใจกลัวจนไม่กล้ามอง
ท่านอ๋องคงไม่ได้สงสัยกระมัง?
จากประสบการณ์หลายปีของนางที่อยู่ในวังหลวง สตรีต้องใช้ความพยายามจึงจะตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นนางจึงคิดให้พระชายาทานยานี้
แม้แม่นมฮวาจะมีเจตนาดี ทว่านางไม่ได้ขออนุญาตจากท่านอ๋องก่อน!
หากท่านอ๋องไม่พอใจ คิดจัดการนางเข้าจริงๆ นางจะทำอย่างไร?
แม่นมฮวายังไม่ลืมว่าท่าทีของท่านอ๋องเป็นอย่างไร เมื่อครั้งที่พระชายาต้องการกำจัดนาง
แม้นางจะเป็นคนเก่าแก่ที่รับใช้ท่านอ๋อง ทว่าในจวนโยวอ๋อง ไม่เคยมีผู้ใดถือดีว่าตนสูงวัยกว่า แล้วจะกระทำการอันใดที่เป็นการไม่เจียมตัว ดูหมิ่นผู้อื่นได้
แม่นมฮวาคิดมาถึงตรงนี้ ก็เผลอเหลือบมองเยี่ยโยวเหยา จากนั้นก็ตกใจกลัว
นางแทบจะร้องไห้ออกมา
ทว่านั่นเป็นยาปลุกกำหนัด ทั้งยังไม่มียาถอนพิษสำหรับยาประเภทนั้นอีกด้วย
นางเป็นหญิงชราที่ไม่เคยผ่านเรื่องจำพวกนี้หลายปีแล้ว ทั้งนางยังอายุมากถึงเพียงนี้ หากดื่มไปแล้วจะทำอย่างไร?
“แม่นมฮวาลำบากใจเช่นนี้ น้ำแกงนี้คงไม่ได้ใส่สิ่งใดลงไปจริงๆ ใช่หรือไม่? เช่นนั้น… จิ่นซี เจ้าตรวจดูหน่อยดีหรือไม่? ” เยี่ยโยวเหยายกถ้วยน้ำแกงของตนวางไว้ด้านหน้าซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีมองออกว่านี่เป็นวิธีก่อกวนของเยี่ยโยวเหยา นางกำลังคิดว่าควรตอบโต้อย่างไร จู่ๆ แม่นมฮวาก็ยกถ้วยน้ำแกงขึ้นมา “ท่านอ๋องเอาที่ไหนมาพูดเพคะ น้ำแกงไก่นี้บ่าวตุ๋นด้วยตัวเอง จะใส่สิ่งสกปรกอันใดลงไปได้? เพียงโสมที่อยู่ด้านในล้ำค่ามาก บ่าวอยู่มาค่อนชีวิตแล้ว น้ำแกงนี้เทียบเท่าค่าใช้จ่ายหลายชั่วชีวิตของบ่าว บ่าวเพียงตื่นเต้นเท่านั้น! ขอบพระทัยสำหรับรางวัลของท่านอ๋องเพคะ”
แม่นมฮวาพูดพลางดื่มน้ำแกงไก่ ‘เอื๊อก เอื๊อก’ จนหมดถ้วย จากนั้นยังดื่มถ้วยของซูจิ่นซีอีกด้วย เพื่อไม่ให้หลงเหลือหลักฐาน แม่นมฮวาดื่มน้ำแกงไก่ชามเล็กที่ยกมาทั้งสองชามจนหมดอย่างรวดเร็ว
ซูจิ่นซีมองด้วยใบหน้าตกตะลึง
“เรอ… ”
หลังจากที่แม่นมฮวาดื่มน้ำแกงเรียบร้อยแล้ว ก็เรอเสียงยาวออกมาหนึ่งที และเผยรอยยิ้มสดใสให้ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง น้ำแกงไก่อร่อยมากจริงๆ เพคะ”
ทว่าเหตุใดซูจิ่นซีมองแล้วรู้สึกว่า ใบหน้าของแม่นมฮวาราวกับจะร้องไห้
ซูจิ่นซีต้องการถอนพิษให้แม่นมฮวายิ่งนัก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้ำแกงไก่นี้แม่นมฮวาตุ๋นให้นางดื่ม นางจึงไม่ต้องการถอนพิษให้
โชคดีที่นางมีความรู้เรื่องพิษ เพียงดมกลิ่นดูโดยไม่ต้องใช้ระบบถอนพิษตรวจสอบก็รู้ได้ว่า ในน้ำแกงไก่นี้ใส่ยาปลุกกำหนัด มิฉะนั้นหากวันนี้นางดื่มน้ำแกงไก่เข้าไป จะไม่แย่หรอกหรือ ?
ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดอันใดอีก เพียงทานข้าวเงียบๆ ปกติแล้วเมื่อพวกเขารับประทานอาหารก็จะทานอย่างเงียบงันเสมอ ไม่มีใครพูดอันใด ครั้งนี้ก็เช่นกัน
แม่นมฮวายืนอยู่ด้านหนึ่ง ท่าทางของนางค่อยๆ บิดเบี้ยว ใบหน้าแก่ชราเริ่มแดงระเรื่อราวกับไปยืนตากแดดมา ผ่านไปครู่ใหญ่ ไม่เพียงแต่แก้มของนางเท่านั้นที่แดง กระทั่งลำคอก็แดงไปด้วย ดวงตาที่เดิมทีดำคล้ำค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง แววตาดูมล่องลอยเล็กน้อย
แม่นมฮวาที่อายุราวห้าสิบปีเศษ แววตาพลันเปล่งประกายขึ้นในพริบตา ราวกับเยาว์วัยขึ้นนับสิบปี
เยี่ยโยวเหยาสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของแม่นมฮวา ทว่าไม่ได้พูดอันใด
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม่นมฮวา เจ้าเป็นอันใด? ”
ซูจิ่นซีจงใจแสร้งถาม!
“พระชายา บ่าว… บ่าวรู้สึกไม่ค่อยสบายเพคะ บ่าวขอ… ขออนุญาตไปพักผ่อนได้หรือไม่เพคะ? ” ร่างกายของแม่นมฮวาอ่อนระทวย ยืนไม่ค่อยมั่นคงแล้ว
“ได้! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
แม่นมฮวาเดินโซเซออกจากประตูไป เท้าหนึ่งเบา เท้าหนึ่งเหิน ร่างกายเหมือนจะลอยได้
เมื่อมองตามด้านหลังของแม่นมฮวา ในใจซูจิ่นซีก็เกิดความสับสนคิดไม่ตก แม้แม่นมฮวาจะได้รับผลที่ตัวเองกระทำแล้ว ทว่าอย่างไร นางก็เป็นเพียงหญิงชราผู้หนึ่ง! เยี่ยโยวเหยาทำเช่นนี้กับนางจะดีหรือ?
ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาหลายครั้ง ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่มีการตอบสนองใดๆ นางจึงไม่รู้จะพูดอันใด
ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงร้องดังขึ้น
นั่นคือเสียงของหมอเทวดาหวา…