เล่ม 11 เล่มที่ 11 ตอนที่ 305 ท่านอ๋อง ข้าหลอกท่าน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

หมอเทวดาหวามีธุระมาหาซูจิ่นซี เขาเพิ่งจะเดินเข้ามาในเรือนชิงโยว ก็พบกับแม่นมฮวาที่กำลังเดินออกมา หมอเทวดาหวาเป็นผู้ที่มีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยม แค่มองก็รู้ว่าร่างกายของแม่นมฮวาได้รับยาปลุกกำหนัด

เดิมทีเขาคิดจะช่วยดูแม่นมฮวา กลับคิดไม่ถึงว่าแม่นมฮวาจะรีบเดินเข้ามาหาเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย

ตอนที่ดึงรั้งข้อมือของแม่นมฮวา หมอเทวดาหวาก็รู้ว่ายาปลุกกำหนัดในตัวของแม่นมฮวานั้นยังไม่มียาถอนพิษ นอกจากจะออกกำลังกายแสดงความรักต่อเพศตรงข้าม ถึงจะถอนพิษนี้ได้

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในเวลานี้ หากเขายืนใกล้แม่นมฮวาคงอันตรายเป็นอย่างมาก เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ หมอเทวดาหวาก็ร้องตะโกนขึ้นมา พลางสลัดตัวออกจากแม่นมฮวาและเดินตรงออกไปนอกจวนโยวอ๋อง

ปกติแล้ว แม่นมฮวาไม่ได้มีความรู้สึกอันใดต่อหมอเทวดาหวา ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด วันนี้จึงมองเห็นเขามีรูปร่างกำยำ ใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าตนเองอ่อนวัยยิ่งนัก

“หมอเทวดาหวา ท่านจะรีบไปไหน? หมอเทวดาหวา ท่านรอข้าก่อน ข้า… ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน” แม่นมฮวาพูดพลางเดินไล่ตามหมอเทวดาหวาออกไป

เหตุการณ์นี้ องครักษ์และคนรับใช้ที่ดูแลเรือนชิงโยวล้วนมองเห็นทุกคน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าแม่นมฮวาถูกพิษยาปลุกกำหนัด ทุกคนต่างมองตามหลังแม่นมฮวากับหมอเทวดาหวาด้วยความสับสน

วันนี้ สองคนนั้นเป็นอันใดไป?

พูดตามตรง ซูจิ่นซียังคงเป็นห่วงแม่นมฮวา ไม่รู้ว่าแม่นมฮวาเดินออกไปอย่างนั้นจะเกิดเรื่องอันใดหรือไม่ แม้จะยังทานไม่อิ่มมากนัก แต่นางไม่มีจิตใจจะทานอาหารแล้ว จึงวางตะเกียบลงพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

เยี่ยโยวเหยาก็ไม่มีใจจะทานต่อเช่นกัน เขาลุกขึ้นจับมือซูจิ่นซี เดินไปทางศาลาร่มเย็น

คืนนี้เป็นคืนที่ท้องฟ้าแจ่มใสปลอดโปร่ง พระจันทร์ยังทอแสงงดงามอีกด้วย

เยี่ยโยวเหยาโปรดการดื่มชา ส่วนใหญ่หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว หากไม่ไปวิหารวิญญาณ ก็มักจะดื่มน้ำชาอยู่ที่ศาลาร่มเย็น ทว่ามีโอกาสน้อยนักที่เขาจะได้อยู่พร้อมหน้ากับซูจิ่นซี

แม่นมฮวาไม่อยู่ ในครั้งนี้บ่าวผู้หนึ่งจึงเป็นผู้จัดเตรียมชา เยี่ยโยวเหยาชงชาด้วยตนเอง และมอบให้ซูจิ่นซีหนึ่งถ้วย

อย่างไรก็ตาม ใจของซูจิ่นซีไม่ได้อยู่ตรงนี้

“เยี่ยโยวเหยา ท่านว่าให้คนไปตามแม่นมฮวากลับมาดีหรือไม่? หม่อมฉันจะถอนพิษให้นาง อย่างไรเสียนางก็อายุมากแล้ว หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น… ”

“ไม่เป็นไร” เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงเบา

ทว่าซูจิ่นซียังกังวลใจอยู่เล็กน้อย

ผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยโยวเหยาหยิบน้ำชาที่เย็นแล้วของซูจิ่นซีเททิ้ง และเติมน้ำชาอุ่นๆ ลงไปอีกครั้ง

“หากยังไม่ดื่มอีก น้ำชาจะเย็น”

“แต่… ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “อย่างไรเสีย แม่นมฮวาก็ดูแลท่านมาหลายปี แม้บางครั้งนางจะทำอันใดนอกลู่นอกทางไปบ้าง ทว่าทุกอย่างที่นางทำไปก็เพราะหวังดีต่อท่าน”

เยี่ยโยวเหยาไม่ได้กล่าวอันใด สักพักจึงพูดว่า “แม่นมฮวาอายุมากแล้ว ไม่ควรอยู่รับใช้ข้างกายข้าอีก ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดเรื่องครอบครัวกับนาง แต่นางมักไม่ยินยอมเสมอ ไม่นานมานี้ข้าได้ยินว่านางกับพ่อบ้านมีความรักใคร่ต่อกัน อย่างไรเสียทั้งสองก็อายุมากแล้ว เรื่องเหล่านี้พูดยาก เมื่อครู่ข้าให้คนไปแจ้งพ่อบ้านแล้ว”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง

ด้วยวิธีนี้ เมื่อพ่อบ้านรู้ว่าแม่นมฮวาถูกพิษ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจ

จู่ๆ ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่าเรื่องในวันนี้ เยี่ยโยวเหยาทำบางอย่างที่แตกต่างไปจากลักษณะการทำงานของเขา ปกติแล้ว เยี่ยโยวเหยาไม่เคยใส่ใจกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเรื่องของบ่าวรับใช้อีกด้วย

ทว่าอย่างไรเสีย แม่นมฮวาก็ไม่ใช่บ่าวรับใช้ทั่วไป

เหตุใดซูจิ่นซีถึงมีความรู้สึกว่า เยี่ยโยวเหยาเป็นผู้จัดการอยู่เบื้องหลัง?

นางคิดมากไปเอง หรือเป็นแผนการอันใดของเขากันแน่?

“ดื่มเถิด! เสร็จแล้วก็พักผ่อนเร็วหน่อย” เยี่ยโยวเหยาเปลี่ยนน้ำชาให้ซูจิ่นซีอีกถ้วย

ซูจิ่นซีถือถ้วยชาอุ่นๆ ไว้ในมือ นางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากถาม “เยี่ยโยวเหยา ท่านบอกหม่อมฉันได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ท่านรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันถูกกูสือซานจับตัวไป? ”

เดิมทีซูจิ่นซีคิดว่า หลังจากถามคำถามออกไป นางคงต้องรออีกนานกว่าจะได้ฟังคำตอบจากเยี่ยโยวเหยา กลับคิดไม่ถึงว่า เมื่อเยี่ยโยวเหยาดื่มชาไปหนึ่งคำก็ตอบกลับมาแล้ว “ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เจ้าและข้าไปหุบผาราชันพิษ ข้าก็ได้จัดวางคนไว้รอบๆ เรื่องที่เจ้าถูกกูสือซานจับไปเป็นตัวประกัน ข้าย่อมทราบข่าวเป็นคนแรก”

คำตอบของเยี่ยโยวเหยารอบคอบยิ่งนัก แม้ซูจิ่นซีจะสงสัย ทว่านางไม่เจอข้อบกพร่องใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีซูจิ่นซีก็ไม่ได้สงสัยเยี่ยโยวเหยาอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ถามนางว่าถูกกูสือซานจับตัวไปได้อย่างไร และเหตุใดจึงถูกเขาจับตัวไป?

เดิมทีซูจิ่นซีต้องการพูดกับเยี่ยโยวเหยาเรื่องการช่วยเหลือหลวงจีนทุศีลและฮองเฮาอย่างตรงไปตรงมา รวมไปถึงเรื่องสืบหาสถานะของตนเอง ทว่าเมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ นางจึงตัดสินใจไม่พูดอันใดออกมา

ในที่สุดคำพูดทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นประโยคเดียว “เยี่ยโยวเหยา ท่านไม่มีอันใดจะถามหม่อมฉันหรือเพคะ? ”

เยี่ยโยวเหยาค่อยๆ ลืมตาขึ้นสบตากับซูจิ่นซี

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีสบตากับเยี่ยโยวเหยาโดยตรง ก่อนหน้านี้ แม้นางจะสบตากับเยี่ยโยวเหยา ก็มักจะมีความหวาดกลัวอยู่บางส่วน ทว่าครั้งนี้ในใจของนางกลับสงบสุข

ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยโยวเหยาจึงยกยิ้มมุมปาก พูดจาเอาอกเอาใจว่า “ช่วงไม่กี่วันมานี้ พระชายาวุ่นอยู่กับเรื่องของจวนสกุลซู คงเหน็ดเหนื่อยมาก เจ้าควรพักผ่อนเร็วหน่อย แท้จริงแล้วพระชายาไม่ต้องลำบากถึงเพียงนั้น เจ้ามีข้าอยู่ทั้งคน”

ระหว่างที่พูด เยี่ยโยวเหยาก็รินน้ำชาให้ซูจิ่นซีอีกครั้ง

อารมณ์ของซูจิ่นซีเปลี่ยนไปในทันที นางยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ นางก็ไม่กล้าสบตาเยี่ยโยวเหยาจึงหลบตามองไปด้านข้าง

บนโลกใบนี้ ระยะห่างที่ไกลที่สุด ไม่ใช่ตอนที่หม่อมฉันยืนอยู่เบื้องหน้าท่าน ทว่าเป็นท่านที่ไม่รู้ว่าหม่อมฉันรักท่าน

นอกจากนั้น หม่อมฉันพยายามเข้าใกล้จิตใจของท่านมาโดยตลอด ทว่าท่านกลับมีแต่ความลึกลับคลุมเครือ ทำให้หม่อมฉันมองไม่เห็นว่าหัวใจของท่านอยู่ที่ใด

เยี่ยโยวเหยา หากระยะห่างระหว่างคนสองคนมีหนึ่งร้อยก้าว ท่านเคยเดินมาหาซูจิ่นซีสักก้าวหรือไม่?

ซูจิ่นซีพลันนึกขึ้นได้ ดูเหมือนเยี่ยโยวเหยาจะจัดฉากเรื่องของแม่นมฮวา

“ท่านอ๋อง มีเรื่องอันใดจะพูดกับหม่อมฉันหรือเพคะ? ”

ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน ก็ควรจะพูดกันตรงๆ ไม่ใช่หรือ

เยี่ยโยวเหยา ท่านมีแผนการอันใดกันแน่? บอกหม่อมฉันได้หรือไม่ ให้หม่อมฉันแบกรับมันไปพร้อมกับท่าน?

เยี่ยโยวเหยาไม่หันมามองซูจิ่นซีอีก ราวกับไม่ได้ยินเสียงของนาง เขาทำเพียงล้างใบชาและชงชาด้วยความชำนาญ

เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาทำเช่นนี้ ในใจของซูจิ่นซีพลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

“เยี่ยโยวเหยา! ” ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก ทันใดนั้นนางก็หยิบขวดใบเล็กที่ใส่พิษอั้นหรานเซียวหุนออกมาจากแขนเสื้อและถือไว้ในมือ จากนั้นจึงฝืนทนพูดด้วยความเศร้าโศก “ท่านเคยพูดกับหม่อมฉันเกี่ยวกับเรื่องของเสด็จพ่อ เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นความลับที่สุดในการรวบรวมแผ่นดิน เรื่องสำคัญเช่นนี้ ท่านยังสามารถบอกหม่อมฉันได้ ทว่าเพราะเหตุใด? เพราะเหตุใดระหว่างท่านกับหม่อมฉันจึงไม่สามารถพูดกันอย่างตรงไปตรงมาได้? ในใจของท่านกำลังคิดอันใดหรือเพคะ? ”

เยี่ยโยวเหยาหรี่ตามองพิษอั้นหรานเซียวหุนในมือของซูจิ่นซี

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ราวกับคนเสียสติ นางยืนขึ้นโผเข้าไปหาเยี่ยโยวเหยาที่นั่งอยู่ และบังคับสายตาเยี่ยโยวเหยาให้จ้องดวงตาของตน

“เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉันหลอกท่าน! เดิมทีฮองเฮาไม่ได้สวรรคต ทว่าถูกหม่อมฉันใช้เล่ห์กลสับเปลี่ยนตัวเพื่อหนีออกจากวังหลวง ยังมีหลวงจีนทุศีล เขาก็ยังไม่ตายเช่นกัน เป็นหม่อมฉันที่หลอกใช้หลี่ซื่อลูกน้องของท่าน ให้ช่วยเขาออกมาจากลานประหาร วันนั้นหม่อมฉันอยู่ที่ตำบลผูหลิวนอกเมืองจึงถูกกูสือซานจับตัวไป เนื่องจากหม่อมฉันได้นัดหมายให้หลี่ซื่อพาหลวงจีนทุศีลไปพบฮองเฮา แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกกูสือซานใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ เยี่ยโยวเหยา ทั้งหมดนี้หม่อมฉันคิดว่าสามารถทำได้อย่างราบรื่นไม่มีพิรุธ ทว่ามันสามารถปิดบังโยวอ๋องผู้ที่กุมอำนาจทั้งราชสำนักได้จริงๆ หรือเพคะ? ”

ดวงตาดำขลับลึกลับของเยี่ยโยวเหยาจ้องมองซูจิ่นซีตาไม่กะพริบ เดิมทีซูจิ่นซีคิดว่า หลังจากที่เขาได้ฟังคำพูดเหล่านี้แล้วต้องโกรธเป็นแน่ ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่โกรธแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม การแสดงออกของเขาสงบนิ่งเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ท่าทีสงบนิ่งของเขาทำให้ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอันใด